หลายคนคงบ่นกระปอดกระแปดไปถึง Lad Rover ต้นสังกัด Range Rover ว่าใจคอจะไม่ออกเวอร์ชัน 5 ประตูของ Range Rover Evoque กันหรืออย่างไร? ถึงเปิดตัวแค่เวอร์ชันตัวถัง 3 ประตูเท่านั้น แล้วอย่างนี้มันจะขายให้แต่เศรษฐีผู้อ่อนวัยกันท่าเดียวหรืออย่างไร
Range Rover ไม่รอช้าจึงรีบเปิดเผยโฉม Evoque เวอร์ชัน 5 ประตูในงาน Paris Motorshow 2010 ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LA Autoshow 2010
แม้จะเพิ่มบานประตูคู่หลังแต่บุคลิคของ Range Rover Evoque ก็ยังเป็นรถครอสโอเวอร์รุ่นเยาว์ที่มีแนวหลังคาลาดเทดุจรถคูเป้ โดดเด่นด้วยเส้นบ่าและขอบกระจกรถยกสูงขึ้นจนมีเนื้อที่กระจกน้อยดูปราดเปรียว คล่องตัวเหมาะสมกับการเป็นรถประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษน้อยกว่ารถ Range Rover รุ่นพี่มากมาย เพียงแค่เพิ่มเติมเนื้อที่ใช้สอยและความอเนกประสงค์มากกว่าเดิม
ภายในห้องโดยสาร Range Rove Evoque เวอร์ชัน 5 ประตูถูกออกแบบให้หรูหราสวยงามไม่แพ้รถรุ่นพี่เท่าไรนัก เพียงแต่งานดีไซน์จะดูอ่อนเยาว์ลงและเพิ่มความทันสมัยตามยุคสมัย วัสดุบุห้องโดยสารนุ่มชวนสัมผัส พร้อมทั้งมีความประณีตในการประกอบพอสมควร
ขนาดห้องโดยสารของ Range Rover Evoque เวอร์ชัน 5 ประตูมีขนาดใหญ่โตกว่าเวอร์ชันคูเป้ 3 ประตูอย่างรู้สึกได้ไล่ตั้งแต่ความสูงห้องโดยสารเพิ่มขึ้น 30 มม. ห้องผู้โดยสารตอนหลังมีความกว้างหัวไหล่ 50 มม. เพิ่มความปลอดโปร่งด้วยกระจกหลังคายาวไปถึงห้องผู้โดยสารตอนหลัง
อุปกรณ์ภายในรถก็ทันยุคทันสมัยด้วยหน้าจอสั่งการสัมผัสควบคุมชุดเครื่องเสียง Meridian พร้อมลำโพงรอบคัน 17 จุด แถมยังพกพาลูกเล่นอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีกได้แก่ ระบบช่วยจอดรถแนวขนาน, ระบบสอดส่องมุมอับรถ เป็นต้น
ในเมื่อเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีแล้วขืนไม่ทำตัวให้อเนกประสงค์น่าใช้งานเดี๋ยวลูกค้าจะมอบข้อครหาจนไม่อยากจะซื้อรถก็เป็นได้ ดังนั้นเบาะผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับแบบ 60/40 จนขยายเนื้อที่ห้องโดยสารมากถึง 1,445 มม.
เครื่องยนต์ใช้ขุมพลังดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ 150 แรงม้า (PS) ปล่อยค่าไอเสีย CO2 135 กรัมต่อกิโลเมตร ,เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ฉีดเชื้อเพลิงตรงพร้อมเทอร์โบชาร์จที่เรียกว่า SI4 240 แรงม้า (PS)
จุดเด่นที่ Range Rover กล้ายืนยันก็คือการปรับช่วงล่างให้เน้นการขับขี่แบบสปอร์ตเหมือนกับเวอร์ชันคูเป้ทุกประการด้วยเทคโนโลยี MagneRide เกาะหนึบเหมือนมีแม่เหล็กดูดติดถนน
กำหนดวางจำหน่าย Range Rover Evoque เวอร์ชัน 5 ประตูเริ่มวางจำหน่าย 160 ประเทศทั่วโลกภายในฤดูร้อนปี 2011 ครับ