หลังจากปล่อยให้โมเดลเดิม (987)ทำตลาดมา 7 ปี ในที่สุด Porsche ก็เผยรายละเอียดของ Boxsterรุ่นใหม่
(รหัส 981) สู่สายตาสาธารณชน สิ่งนี้ถือว่าเป็นการปล่อยหมัดเด็ดอย่างต่อเนื่องของ Porsche เพราะภาพ
และข้อมูลเบื้องต้นของ Boxster ใหม่ เพิ่งปล่อยออกมาหลังจากการเปิดตัว Porsche 911 รุ่นใหม่
เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น (16 มกราคม 2011 ที่ผ่านมา)
Boxster ใหม่ ยังคงใช้พื้นฐานที่พัฒนาร่วมกับคู่แฝดหลังคาแข็งอย่าง Porsche Cayman ซึ่งมีขนาดเรือนร่าง
ยาวขึ้น กว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน Porsche ตัดสินใจขยายความยาวฐานล้อของ Boxster ออกไปอีกเกือบ 5 นิ้ว
เพื่อพื้นที่ในห้องโดยการ รวมถึงการบังคับควบคุมรถที่มีบุคลิกคาดเดาอาการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้
พื้นที่บรรทุกสัมภาระรวมมีปริมาตรถึง 280 ลิตร (ด้านหน้า 150 ลิตร และด้านหลัง 130 ลิตร)
ทั้งนี้ การขยับขนาดตัวใหญ่ขึ้น เป็นหนึ่งในเป้าหมายของ Porsche ที่จะขยับระดับตลาดของ Boxster
ให้สูงขึ้นเพื่อเขยิบที่ให้กับ “Baby Porsche พิกัด 4 สูบ” ที่จะมาถึงภายในราว 2-3 ปีนับจากวันนี้
สำหรับแนวคิดในการออกแบบ Porsche มีความตั้งใจให้ Boxster รุ่นใหม่นั้นมีรูปทรงที่คมคายและดู
เซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าทรวดทรวงเมื่อมองผ่านแบบคร่าวๆจะมีความคล้ายกับรถรุ่นเดิม แต่ไฟหน้าเป็นแบบใหม่
มีรูปทรงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งของ Porsche ในยุค 1970s ถัดมาที่ด้านข้างของตัวรถ
ช่องระบายอากาศด้านข้างถูกขยายให้โตขึ้นกว่าเดิม และพยายามออกแบบให้ดูคล้ายรถ 550 Spyder
จากในอดีต สำหรับส่วนท้ายรถนั้นนอกจากจะมีไฟท้ายทรงใหม่แล้วยังมีการเดินเส้นแนวขวางจากไฟท้าย
ด้านซ้าย พาดผ่านส่วนท้ายของรถไปยังด้านขวา ซึ่งส่งผลให้ตัวรถดูมีความอ่อนช้อย แต่ไม่ลดความดุดันลงไป
ในยุคที่รถเปิดประทุนหลายรุ่นพากันหันไปคบกับหลังคาแข็งแบบพับได้ Porsche Boxster ใหม่ยังมีหลังคา
ผ้าใบเหมือนเช่นเดิม แต่ได้รับการพัฒนากลไกไฟฟ้าให้ทำการเปิด/ปิดได้รวดเร็วในเวลาเพียง 9 วินาที
อีกทั้งเมื่อเปิดหลังคาแล้ว ตัวโครงหลังคาทั้งหมดจะพับเข้ารูปอย่างเรียบร้อยไว้ในช่องเก็บหลังคาด้านหลัง
โดยไม่จำเป็นต้องมีฝาปิดเหมือนรุ่นเดิม
ดีไซน์ภายในนั้นทางทีมออกแบบกล่าวว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Carrera GT แต่ลักษณะโดยรวมกลับ
มีความเหมือนกับ 911 รุ่นใหม่ เพียงแต่ลักษณะของช่องเป่าลมเครื่องปรับอากาศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
มาตรวัดแบ่งเป็น 3 เบ้า โดยจอขวาสุดจะเป็นจอ TFT ที่บ่งบอกค่าต่างๆของตัวรถและเป็น Trip computer
ในด้านพัฒนาการทางเทคนิคนั้น Porsche มุ่งความสนใจไปยังการลดมลภาวะโดย Boxster ทุกคันจะ
ติดตั้งระบบ Stop/Start เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เปลี่ยนระบบบังคับเลี้ยวมาใช้พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า
เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ และปรับการทำงานของหัวฉีด Direct Injection ซึ่งเมื่อนำการปรับปรุงทุกอย่าง
มารวมกัน Porsche กล่าวว่า Boxster รุ่นใหม่ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเดิมได้ถึง 15-18%
และเพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม Porsche นำเอาอลูมิเนียมมาใช้เป็นวัสดุในการประกอบส่วน
ภายนอกของรถ ซึ่งด้วยวิธีนี้ นาย Hans-Jurgen Wohler หัวหน้าทีมวิศวกรรับผิดชอบโครงการ 981
กล่าวว่าช่วยลดน้ำหนักตัวถังให้เบากว่ารุ่นเดิม 30-50 ก.ก และทำให้ Boxster เป็นรถที่เบาที่สุดใน
Segment ของมัน
ความเบาของตัวถังยังช่วยให้ Porsche สามารถปรับตั้งค่าโช้คอัพใหม่ให้มีความหนืดน้อยลงกว่าเดิม
โดยที่ไม่สูญเสียความสนุกในการขับขี่ (ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของ Boxster) นอกจากนี้ ทีมวิศวกร
ช่วงล่างยังปรับความแข็งของสปริงใหม่เพื่อให้ Boxster สามารถลดความสะเทือนของช่วงล่าง
ในการวิ่งที่ความเร็วต่ำบนถนนขรุขระลง ซึ่งความสะเทือนนี้ก็คือหนึ่งในสิ่งที่ลูกค้ารถรุ่นเดิมได้ตำหนิและ
เสนอข้อคิดเห็นเพื่อการปรับปรุงมายังทีมวิจัยของ Porsche
เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ Boxster ใหม่ มาพร้อมกับทางเลือกด้านความแรง 2 รุ่นด้วยกัน
รุ่น “Boxster” ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.7 ลิตร (ลดลงจาก 2.9 ลิตรในรุ่นเก่า)
เครื่องยนต์เป็นแบบ 6 สูบนอน DOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus
มีพละกำลัง 265 แรงม้า (HP) ที่ 6,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 4,500-6,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.ภายใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 262 ก.ม./ช.ม. (ใช้เกียร์อัตโนมัติ PDK)
ปล่อยมลพิษ CO2 180 กรัม/ก.ม.
Boxster รุ่นมาตรฐานนี้จะได้ภายในตกแต่งด้วย Alcantara, จอมัลติมีเดียขนาด 7 นิ้ว และล้ออัลลอยขนาด
18 นิ้ว พร้อมหลังคาเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
ส่วนรุ่น “Boxster S” สำหรับคนเท้าหนักนั้นจะใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.4 ลิตร
เครื่องยนต์แบบ 6 สูบนอน DOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus
มีพละกำลัง 315 แรงม้า (HP) ที่ 6,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 4,500-5,800 รอบ/นาที
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ภายใน 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 277 ก.ม./ช.ม. และปล่อย CO2 206 กรัม/ก.ม.
Boxster S มีการเพิ่มอุปกรณ์จากรุ่นมาตรฐาน อันได้แก่ล้ออัลลอย 19 นิ้ว, ท่อไอเสียแบบคู่ และตกแต่งภายใน
ด้วยหนังเพิ่มเติม
ลูกค้าที่สั่งซื้อสามารถเลือกระบบส่งกำลังได้ 3 แบบ รุ่นพื้นฐานจะมีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีเกียร์อัตโนมัติ PDK 7 จังหวะให้เลือกเป็นอุปกรณ์พิเศษในขณะที่รุ่น
Boxster S จะได้เกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ และมีเกียร์ PDK เป็นอุปกรณ์ให้เลือกอีกเช่นกัน
และเพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิต Porsche ตัดสินใจย้ายฐานผลิต Boxster จาก Valmet
ที่ประเทศฟินแลนด์มาที่โรงงาน Karmann เมือง Osnabruck ประเทศเยอรมันนีซึ่งเป็นโรงงาน
ที่ VW Group เป็นเจ้าของและปัจจุบันใช้ประกอบรถเปิดประทุน เช่น VW Golf Cabrio
งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นที่งาน Geneva motor show ในเดือนมีนาคมนี้ และพร้อมส่งขึ้นโชว์รูม
ภายในเดือนเมษายน 2012 สำหรับตลาดพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย อาจได้สัมผัส
Boxter ใหม่ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี
source
www.carmagazine.co.uk
www.autoweek.com
www.porsche.com