ทุกเทคโนโลยีมักมีจุดเปลี่ยนในระยะเวลาหนึ่งของมัน โดยเฉพาะเทคโนลีไฟแบบ LED ที่วันนี้ก็เริ่มใช้กันแพร่หลายมากขึ้น
แต่ถ้าเปรียบเทียบเมื่อ 15 ปีที่แล้วกลับกลายเป็นว่าเทคโนโลยี LED สมัยนั้นมีราคาแพงเอามาก ๆ และในตอนนั้นยังไม่มี
ท่าทีว่าจะมีค่ายไหนกล้านำมาใช้ก่อน (สมัยนั้น VW ออกข่าวด้วยตนเองว่าสนใจเทคโนโลยี LED พอสมควร)
สำนักข่าว Automotive News Europe รายงานว่าค่ายรถยุโรปรายแรกที่ได้ใช้ไฟหน้าแบบ Full LED คือ Peugeot
308 โฉมใหม่จนคาดว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่แก่วงการรถคอมแพคท์ทั่วยุโรปค่อนข้างแน่นอน เพราะไฟหน้าแบบ Full
LED มักจะนำไปใช้กับรถระดับหรูมาก ๆ อย่าง Audi R8 และ Mercedes-Benz CLS เพราะต้นทุนของมันแพงกว่าหลอด
ซีนอนถึง 3 เท่าตัว
ไม่เพียงแต่ค่าย Peugeot นำเทคโนโลยีไฟหน้า Full LED มาติดตั้งในรถยนต์ระดับคอมแพคท์เท่านั้น แต่ยังมีค่าย Seat ที่
นำเสนอไฟหน้า Full LED ให้กับ Leon รุ่นบนสุด และค่าย Ford ก็วางแผนติดตั้งไฟหน้า Full LED จาก Valeo ในรุ่น
Mondeo Modelchange ที่จะขึ้นสายการผลิตในปีหน้า ขณะที่ค่ายรถหรูอย่าง Audi ก็เริ่มวางแผนนำไฟหน้า Full LED
มาติดตั้งลงในรถรุ่นเล็กมาขึ้น
สำนักวิเคราะห์ Oliver Wyman ได้คาดการณ์กันว่าสัดส่วนการใช้โคมไฟฮาโลเจนระหว่างปี 2011-2016 จะลดลงตั้งแต่
10% ไปจนถึง 70%, ไฟซีนอนจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 7-27% ส่วนไฟ LED จะเพิ่มขึ้น 1-3% ในรถตลาด แต่สำหรับสำหรับรถหรู
จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 4% จนถึง 90%
ในค่ายรถยนต์จะมีบางแผนกที่ชอบไฟ LED ก็คือนักออกแบบรถยนต์ที่ชื่นชอบความสวยงามและตามเทรนด์ได้, วิศวกรที่
ชอบใจในประสิทธิภาพของมัน และไม่มีความร้อนแผ่ออกมามากมายเลย แต่อย่างไรก็ตามต้นทุนของไฟ LED ก็ยังสูงอยู่
เมื่อเทียบกับไฟ LED รุ่นราคาถูกสุดก็ยังแพงกว่าไฟซีนอนรุ่นสูงสุดอยู่ดี ก็คงต้องลุ้นกันว่าหากมีการผลิตไฟ LED ใน
ปริมาณมาก ๆ ก็น่าจะมีจุดคุ้มทุนที่ใกล้เคียงกับไฟซีนอนได้ในไม่ช้า
ที่มา : http://europe.autonews.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/20130617/ANE/306179999/peugeot-seat-ford-push-led-headlamps-into-european-mass-market#axzz2WMZ0sk26