Nurburgring กับ สถิติเวลารอบสนามมักจะเป็นของคู่กันเสมอ ค่ายรถต่างๆ มักจะนำรถของตนไปทดสอบ
และเมื่อได้ตัวเลขเวลาต่อรอบที่ดีพอ ก็จะออกข่าวกล่าวอวดอ้างแสดงถึงประสิทธิภาพของตนกันต่างๆนาๆ  
อย่างที่ล่าสุด Ferrari เพิ่งจะทำลายกำแพง 7 นาทีลงไปได้เมื่อช่วงเดือนเมษายน กับเวลาของ 599XX ที่เคลมว่า
เป็นผลงานจาก Production Car ที่วิ่งได้เร็วที่สุดด้วยเวลา 6 นาที 58 วินาที แต่แล้วมันก็ต้องมีใครซักคนที่อยู่เฉย
กับตัวเลขของ Ferrari ไม่ได้

ล่าสุด ผู้ผลิตรถสปอร์ต ระดับ Exotic High-Performance อย่าง Pagani เพื่อนบ้านใกล้ๆ Ferrari เองก็ออกมา
ประกาศเกทับ Ferari ด้วยสถิติเวลาใหม่ที่ 6 นาที 47 วินาที  ด้วย Pagani Zonda R ที่ก็เป็นรถที่ทาง Pagani
ได้ทำขึ้นเป็นพิเศษเหมือนกับทาง 599XX เช่นเดียวกัน โดยทั้งสองคันต่างก็ถูกปรับแต่งกันแบบชนิดที่ว่า
เป็นตัวแข่งสมบูรณ์แบบเลย และแน่นอนครับ มันจึงไม่สามารถนำมาจดทะเบียนเพื่อนำมาใช้บนถนน
ทั่วไปได้ เพราะฉะนั้นก็เลิกหวังกันไปได้เลยครับ

สำหรับคนที่ยังไม่เคยรู้จักรถยี่ห้อนี้มาก่อน ก็คงต้องขอเล่าเป็นพื้นฐานให้ว่า เป็นรถที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี
1999 ในแต่ละปี จะมีการผลิตออกมาได้เพียงแค่ 10 คันเท่านั้น จนถึงปีนี้ มีการผลิตออกมาแล้วทั้งหมด
112 คัน  งานพัฒนาด้านวิศวกรรมในช่วงแรก เป็นฝีมือของแชมป์โลกรถ Formula One ที่ชื่อ Juan Manuel Fangio
และในตอนแรก ชื่อดั้งเดิมของรถรุ่นนี้คือ “Fangio F1” แต่หลังการเสียชีวิตของเขาในปี 1995 รถคันนี้
จึงถูกเปลี่ยนชื่อในที่สุด

Pagani Zonda R เปิดตัวมาตั้งแต่ Geneva Motor Show 2007 ออกแบบขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแข่งลงสนามโดยเฉพาะ
และจะไม่มีการผลิต Road-Legal Version ออกมาแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่า จะไม่สามารถลงแข่งขันในรายการ
ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการของ FIA ได้อย่างแน่นอนเพราะไม่เป็นไปตามกฏเรื่องการผลิตจำหน่ายของ FIA
นั่นเอง และถึงแม้ว่าหน้าตาส่วนใหญ่จะละม้ายคล้ายคลึงกับ Zonda F ก็ตาม แต่จริงๆแล้วมีชิ้นส่วยที่ยกมาจาก
Zonda F มาใช้เพียงแค่ 10% เท่านั้น นอกนั้นเป็นของที่ผลิตขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อ Zonda R โดยเฉพาะ

Zonda R นั้นใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตจาก Mercedes-Benz AMG รหัส M120 ซึ่งเป็นบล๊อกเดียวกับที่เคยใช้กับตัวแข่ง
Mercedes-Benz CLK GTR เป็นแบบ V12 สูบ 48 วาล์ว วางทำมุม 60 องศา ขนาดความจุ 6.0 ลิตร ( Zonda ตัวอื่นๆ
จะใช้บล็อกความจุที่ 7.3 ลิตร)  ให้กำลังสูงถึง 750 แรงม้า (HP) ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร
ที่ 5,700 รอบต่อนาที ประกบกับเกียร์ XTRC 672 ระบบ Sequential 6 จังหวะ โดยเสื้อเกียร์นั้นผลิตขึ้นจากแม็กนีเซียม
ใช้รูปแบบวางกลางลำ ขับเคลื่อนสู่ล้อคู่หลังตามลักษณะรถแข่งแท้ๆ ผ่านล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว ในคู่หลัง
และ 19 นิ้วในคู่หน้า

ระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ชนิด Double A Arm ลักษณะแบบ Push Rod เหมือนกับรถแข่งเปี๊ยบ ผลิตขึ้นจากวัสดุผสม
Avional (อลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงสูงชนิดหนึ่ง) พร้อมกับชุดโช๊ค-สปริง แบบปรับได้อิสระจาก Ohlins

ด้านความปลอดภัยนั้น ติดตั้งระบบเบรคแบบคาร์บอน-เซรามิค ขนาด 380 มิลลิเมตรทั้งสี่ล้อ โดยในคู่หน้าใช้คาลิเปอร์
แบบ 6 พอร์ต และหลังแบบ 4 พอร์ต พร้อมระบบ Borsch Motorsport Race ABS และ Borsch Motorsport Traction
Control ที่ปรับได้ละเอียดมากถึง 12 ระดับกันเลยทีเดียว ภายในติดตั้งโรลล์บาร์เสริมความแข็งแกร่งและความปลอดภัย
มาเรียบร้อย เบาะนั่งผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์  พร้อมชุดเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ซึ่งรองรับระบบ HANS ได้เบ็ดเสร็จ  
พร้อมลงสนามได้ทันที

โดยเครื่องยนต์ ถูกติดตั้ง กลางลำตัว ลงบนตัวถังที่ยาว 4,886 มิลลิเมตร กว้าง 2,014 มิลลิเมตร สูงแค่
1,141 มิลลิเมตร และระยะฐนล้อยาว 2,785 มิลลิเมตร น้ำหนักรถทั้งคัน เบาเพียง 1,070 กิโลกรัม เท่านั้น

ที่น้ำหนักเบาได้ขนาดนี้เป็นผลมาจากการใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นตัวถัง และวัสดุผสมชนิดใหม่อย่าง Carbo-Tanium
ที่ทาง Pagani ผลิตขึ้นมาจากการนำ คาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียมมาผสมรวมกัน เพื่อทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาที่สุด
โดยยังคงความแข็งแกร่งไว้ได้อีกด้วย

ถ้าอยากได้ความแรงที่สามารถวิ่งบนถนนทั่วไปได้ด้วย เห็นคงจะต้องเปลี่ยนไปที่ Pagani Zonda Cinque
หรือไม่ก็ Ferrari 599 GTO เท่านั้นล่ะครับ  แต่รู้สึกว่าจะมีคนจับจองเป็นเจ้าของกันไปเต็มโควต้าแล้ว
เหมือนกันทั้งคู่เลย ของอะไรที่เป็น Limited Production ก็ต้องทำใจกันล่ะครับว่า หมดเร็วแน่นอน จริงไหม?

—————————–///——————————-