ก่อนการเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์ในประเทศไทยเมื่อในปี 2010 ก็ยังไม่มีใครจะคาดคิดว่าตลาดรถยนต์ขนาดเครื่องยนต์
เบนซินไม่เกิน 1.3 ลิตรตามพิกัดที่รัฐบาลกำหนดจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สมัยนั้นทุกคนก็ยังกังขาในทุกสิ่ง ไม่ว่า
จะเป็นขนาดตัวถัง, พละกำลังของเครื่องยนต์ และความปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไปตลาดอีโคคาร์ก็ยิ่งเติบโตขึ้นไปเรื่อย
ๆ พร้อมกับค่านิยมรถเครื่องขนาดเล็กที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก จนเราไม่แน่ใจว่ามันจะยิ่งใหญ่ไปถึงขั้นใด

alt

ปัจจุบัน Nissan เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์หลังจากเปิดตัว March ในเดือนมีนาคม 2010 และ Almera ตัวถัง
ซีดานในเดือนกันยายน 2011 มานานประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ในเมื่อนับวันก็ยิ่งมีคู่แข่งอีโคคาร์หน้าใหม่เกิดขึ้นมาเยอะแยะ
ก็ยิ่งทำให้การแข่งขัยรุนแรงขึ้นมาก รวมไปถึง Nissan เองก็จะเปิดตัวรถ Datsun K2 ที่ว่ากันว่าจะมีรูปร่างคล้ายกันกับ
March ก็เลยทำให้ Nissan ตัดสินใจปรับโฉม March ให้ยกระดับอีโคคาร์ขึ้นไปอีกขั้นพร้อมทั้งปรับตำแหน่งการสื่อสาร
ให้เน้นกลุ่มวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่มากขึ้น และคาดว่า March รุ่นปรับโฉมจะเป็นการสื่อสารให้หลายคนเข้าใจว่า March
โฉมต่อไปรหัส K14 (ที่จะเปิดตัวในปีอีก 2 ปีข้างหน้า)จะไปในทิศทางไหน

Nissan March Minorchange ยังคงใช้แนวคิดทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเหมือนเดิม แต่ยกระดับความเป็นอีโคคาร์ให้สะท้อน
ภาพลักษณ์ของความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีชีวิตชีวาของกลุ่มผู้ใช้ Nissan March อีกด้วย

Nissan March Minorchange จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านหน้าใหม่ทั้งหมด (ยกเว้นแก้มด้านหน้า) ตั้งแต่ไฟหน้าใหม่,
กระจังหน้าตัว V โครเมี่ยมและกันชนหน้าใหม่ที่ดูสปอร์ตปราดเปรียวขึ้น บั้นท้ายก็มีการเปลี่ยนโคมไฟท้าย LED (รุ่น E ขึ้น
ไป) พร้อมกันชนท้ายใหม่ที่ดูละมุนขึ้น ส่วนลายล้อก็มีการเปลี่ยนใหม่ทั้งฝาครอบล้อและล้ออัลลอย

สีตัวถังภายนอกจะมีให้เลือกเพิ่มอีก 2 สีใหม่เอาใจวัยรุ่นและสาวน้อยได้แก่สีเขียว Green Olive และสีชมพู Sweet Pink
ส่วนสีองุ่นก็โดนตัดไปตามระเบียบ นอกนั้นก็ยังคงสีเดิมเอาไว้

ภายในห้องโดยสารก็จะมีการปรับปรุงครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการออกแบบแผงกลางแดชบอร์ดใหม่ใหดูทันสมัยขึ้น ดูเผิน ๆ ก็จะ
คล้ายแผงกลางของ Nissan Note รุ่นใหม่ในญี่ปุ่น/ยุโรป แต่ออกแบบช่องแอร์ทรงเหลี่ยม, แผงควบคุมเครื่องเสียง
ออกแบบใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนภายในโทนสีเบจและมือจับประตูโครเมี่ยมสำหรับรุ่น V/VL

เครื่องยนต์กลไกยังยืนยันเครื่องเดิม HR12DE 1.2 ลิตร 79 แรงม้าจับคู่เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะและเกียร์ XtronicCVT

สเปครุ่นล่างสุด S จะมีการเพิ่มออพชั่นดังต่อไปนี้
-ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
-แผงคอนโซลกลางใหม่

รุ่น E/EL เพิ่มออพชั่น
-ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
-ABS+EBD+BA
-กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
-กุญแจรีโมต (รุ่น EL จะเป็นกุญแจอัจฉริยะเหมือนเดิม)
-แผงคอนโซลกลางตกแต่งด้วยสีเงิน
-เครื่องเสียงมีช่องเสียง USB/AUX
-มาตรวัดตกแต่งโครเมี่ยม
-ฝาครอบล้อลายใหม่ขนาด 14 นิ้ว

รุ่น V และ VL จะเพิ่มออพชั่น
-ภายในห้องโดยสารสีเบจ
-แผงคอนโซลกลางแบบ Glossy Black
-หัวเกียร์,พวงมาลัยและแผงข้างประตูตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน
-ไฟบริเวณห้องสัมภาระ
-แผงประตูด้านหน้าบุด้วยวัสดุนุ่มพิเศษ
-ปุ่มใช้งานเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
-เบาะผ้าสีเบจแบบ Suede (หนังกลับเทียม)


ราคา Nissan March Minorchange จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อรุ่นประมาณ 8,000 – 14,000 บาท
S MT 388,000 บาท
E MT 444,000 บาท
E CVT 478,000 บาท
EL CVT 506,000 บาท
V CVT 525,000 บาท
VL CVT 555,000 บาท