นับตั้งแต่ Mr.Carlos Ghosn เข้ามากุมบังเหียนบริหารงานใน Nissan Motor ตั้งแต่ปลายยุค 90s เป็นต้นมาแต่นั้นชื่อ
ของ Nissan ก็มีความโดดเด่นในด้านการบริหารงานจากผลงานของเขาที่สามารถพลิกฟื้นจนสามารถมีตัวเลขบัญชีสีดำ
มากขึ้น แต่สำหรับด้านการจดจำในแบรนด์ Nissan ของลูกค้ากลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควรจะเป็น

alt

เมื่อ Nissan ปัดกวาดเช็ดถูด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าจนคล่องตัวและลื่นไหลก็ถึงเวลาแล้วที่ Nissan จะต้องมา
สร้างแบรนด์ทั่วโลกให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นหลังจากที่ละเลยการสร้างแบรนด์ผ่านแคมเปญการสื่อสารมานานมาก ครั้นย้อนไป
สมัย SHIFT_The Future ปี 2004 ก็ดูเหมือนจะไม่ทุ่มเทงบประมาณการสร้างแบรนด์เท่าที่ควรจนแบรนด์ Nissan ตก
อันดับ 1 ใน 100 แบรนด์ที่ดีที่สุดของโลกจากสำนัก Interbrand ในปี 2007

โชคดีที่ปี 2011 Nissan เริ่มกลับมาเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็งอันดับที่ 90 แต่ยังห่างชั้นกับค่ายรถยนต์ร่วมชาติอย่าง Honda
ที่ไต่อันดับที่ 19 และ Toyota ไต่อันดับที่ 11 ซึ่ง Interbrand เคยวิจารณ์แบรนด์ Nissan ว่ามันเป็นแบรนด์มุ่งเน้นการลด
ต้นทุนหลังฟื้นความตายปี 1999 ทั้งอ่อนแอและไม่แตกต่างจากแบรนด์ในท้องตลาด ผู้บริโภคไม่รู้เลยว่า Nissan มีจุดยืน
อย่างไร?

ยุทธศาสตร์ปัจจุบันของ Nissan ส่วนหนึ่งจะต้องสร้างพละกำลังแบรนด์ (Brand Power) ทั้งสินค้าและบริการหลังการ
ขาย สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสื่อสารทางการตลาดซึ่ง Nissan กำลังจะเผยแพร่แคมเปญสื่อสารการตลาดระดับโลก “ครั้งแรก”
โดยการปล่อยโฆษณาป้ายบิลบอร์ดสนามบินนานาชาติ 37 แห่งเมื่อวันที่ 1 เมษายนเป็นการลองเชิงและสร้างการรับรู้ให้
สายตาจำนวนมากกว่า 100 ล้านคู่ได้รับรู้ทั่วกัน

แคมเปญการสื่อสารแบรนด์ Nissan จะใช้ถ้อยความ “นวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น” (Innovation that Excites) เน้นเอกภาพ
ทั้งสี, สัญลักษณ์และถ้อยคำ สามารถปรับเปลี่ยนได้ให้เหมาะสมกับระดับภูมิภาคได้ นอกจากนี้ Nissan ยังวางแผนขยาย
การสื่อสารในลักษณะการเป็นผู้สนับสนุนในวงการมอเตอร์สปอร์ตเป็นต้น

ถ้อยคำที่ใช้ขึ้นต้นประโยคคือ “ถ้าสิ่งนี้” ยกตัวอย่างแคมเปญการโปรโมตกล้องส่องรอบทิศทาง 360 องศาจะมีประโยค
สื่อสารว่า “ถ้าสิ่งนี้มีในรถคุณ คุณก็จะเห็นโลกกว้าง” เพื่อให้สะท้อนนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

Mr.Andy Palmer รองประธานอาวุโส Nissan Motor เปิดเผยว่าในอดีต Nissan Motor ก็ทำผลงานในการสร้าง
แบรนด์ไม่ได้ดีอะไรมาก เขาจึงมั่นใจว่าจะสร้างการเปลี่ยนโฉมหน้าการสร้างแบรนด์ได้

Interbrand ได้ตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ Nissan สามารถกลับมาติดอันดับแบรนด์ทรงพลัง 1 ใน 100 ได้ก็เพราะ Nissan
เริ่มใช้สื่อผสมที่มีประสิทธิภาพสูงในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเรื่องราว, บล๊อก, วิดีโอออนไลน์และทีมการตลาดใหม่ที่มี
ประสิทธิภาพทั่วโลก (ในเว็บไซต์ interbrand ยังระบุอีกว่าเป็นเพราะ Nissan สามารถพลิกฟื้นการผลิตจากภัยพิบัติ
ธรรมชาติได้รวดเร็วมากและสามารถสร้างความพึงพอใจได้สูง)

อย่างไรก็ดี Nissan ก็ยังแพ้พลังแบรนด์ Mercedes-Benz, BMW, Volkswagen, Ford, Audi, Porsche และ
Hyundai