ไม่ต้องลุ้นระทึกกันใจหายใจคว่ำ ว่า รูปโฉมจะเป็นอย่างไร อีกต่อไป เพราะวันนี้
2 มีนาคม 2010 เวลา 12.00 นาฬิกา ในสวิสเซอร์แลนด์ ตรงกับ 18.00 น. ตามเวลา
ในประเทศไทย Nissan Motor ได้เผยภาพถ่ายชุดแรกของ MARCH / MICRA
เจเนอเรชันที่ 4 เรียบร้อยแล้ว ณ งาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ โดยมี Carlos Ghosn
นายใหญ่ของ นิสสัน และเรโนลต์ เป็นคนแถลงข่าว ด้วยตนเอง เหมือนเช่นที่
เคยทำกับรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ทุกรุ่น และทุกงานแสดงรถยนต์ ที่ผ่านมา

 
 

คราวนี้ถือเป็นการลบเกือบทุกข้อสงสัย ที่เคยค้างคาใจผู้บริโภคชาวไทย จำนวนมาก
จนเกือบหมดข้อกังขา กันเลยทีเดียว เพราะภาพถ่ายอย่างเป็นทางการชุดนี้
ชัดเจน แจ่มแจ้ง แบบไม่ต้องปิดบังอำพรางอะไรกันอีกต่อไป สำหรับเส้นสายภายนอก
ของ March ใหม่ ซึ่งใช้รหัสรุ่น K13 มีรหัสโครงการพัฒนาช่วงแรกว่า X02A ก่อนที่
จะเปลี่ยนมาเป็นรหัส B02A ในภายหลัง

March ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อ ปี 1982 ในฐานะ รถยนต์นั่ง ทรงกล่อง ขนาดเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร
รหัส NX-018 ที่เผยโฉมครั้งแรกในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 1981 มาร์ช ได้รับความนิยมอย่างสูง
ทั้งในตลาดญี่ปุ่น และตลาดส่งออกไปยังยุโรป ในชื่อ MICRA (ไมครา)

 
 

เวลาผ่านมาถึง 28 ปี March / Micra คลอดออกสู่ตลาดไปแล้ว มากถึง 3 ตัวถัง และ หลายล้านคันทั่วโลก
ครั้งนี้ นิสสัน ตัดสินใจจะผลักดันให้ มาร์ช กลายเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในระดับ Global Car
มากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการตัดสินใจ มอบหมายให้โรงงาน Nissan Motor Thailand เป็น โรงงาน “ตัวแม่”
หรือเป็นฐานการผลิต รถยนต์รุ่นนี้ ทั้งทำตลาดที่เมืองไทย ในฐษนะรถยนต์คันแรก ซึ่งผ่านข้อกำหนด
โครงการ ECO CAR ของรัฐบาลไทย รวมทั้งการส่งออกไปยังตลาดสากลทั่วโลก โดยเฉพาะ ต้องส่งออก
ไปยังประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย ขณะที่ โรงงานในอินเดีย เป็นโรงงานเสริม สำหรับการส่งออกไปยัง
ทวีปยุโรป และผลิตขายในประเทศของตนเอง

 

ด้วยขนาดตัวถัง ที่ “จัดอยู่ในกลุ่ม B-Segment Hatchback” เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ด้วยความยาว 3,780 มิลลิเมตร
กว้าง 1,665 มิลลิเมตร สูง 1,525 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร จะพบว่า กว้างขึ้นกว่าเดิมนิดเดียว

คู่แข่งที่ Nissan หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องพิชิตให้ได้ ทั้งในตลาดทั่วโลก มีมากมายหลายรุ่น ไล่กันตั้งแต่
Toyota Yaris (Vitz ในญี่ปุ่น) Honda Jazz (Fit ในญี่ปุ่น) Toyota Passo / Daihatsu Boon หรือ Sirion
Suzuki SWIFT Volkswagen FOX Citroen C2 ฯลฯ

แต่สำหรับในบ้านเรา ด้วยเหตุที่ มาร์ช ได้รับการส่งเสริมการงทุน ตามนโยบาย ECO Car ของรัฐบาล
ทำให้กลายเป็น ECO-CAR คันแรก ตามข้อกำหนดดังกล่าว และถือว่า ในขณะนี้ ยังไม่มีคู่ข่งในตลาด
กลุ่มนี้แต่อย่างใด! ดังนั้น จึงไม่อาจจะเทียบกับ Yaris Jazz หรือ Mazda 2 ได้เต็มปากนัก

 

 

 

ภายในห้องโดยสาร ที่เห็นอยู่นี้ ใกล้เคียงกับ รุ่นท็อป ของเวอร์ชันไทย อย่างมาก
ชุดเครื่องเสยงจะเป็นแบบ CD/MP3 1 แผ่น พร้อมระบบ Bluetooth ในตัว
สวิชต์แอร์ ในรุ่นท็อป จะเป็น Digital ยกชุดมาจาก Nissan Cube รุ่นล่าสุด ทั้งดุ้น
ขณะที่ สวิชต์แอร์ ของรุ่นมาตรฐาน จะเป็น แบบมือหมุน  3 วงกลม เรียงซ้อนกัน
แบบ สามเหลี่ยม ชุดมาตรวัด จะมีหน้าจอแจ้งเตือนวันเกิด วันครบรอบ
รวมทั้ง แจ้งเตือนสถานะการทำงานของระบบต่างๆในรถ มาให้ เฉพาะรุ่นท็อป
รุ่นกลางๆ จะมีเฉพาะมาตรวัดรอบ และรุ่นล่างสุด ตามคาด ไม่มีมาตรวัดรอบมาให้
แต่ทุกร่น จะมีจอ Odo Meter ฝั่งขวาล่าง สีอำพัน มาให้

เวอร์ชันยุโรป ของ MARCH .นชื่อ MICRA จะใช้เครื่องยน์ HR12DE บล็อก 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว
พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VTC แบบเดียวกับเมืองไทย แต่ มีการปรับปรุงสมรรถนะ และการปล่อย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหมาะสม กับสภาพน้ำมันเชื้อเพลิง ของบ้านเมืองเขา จนได้กำลังสูงสุด
80 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 115 กรัม /
ระยะทาง 1 กิโลเมตร ติดตั้งเข้ากับระบบดับเครื่องยนต์ขณะจอด idle-stop ซึ่งมีมาให้เป็น
อุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับรถทุกคันที่ขายในยุโรป (และในบางรุ่นที่จะขายในเมืองไทย)

นอกจากนี้ มีเครื่องยนต์ HR12DE เวอร์ชัน Supercharge แรงขึ้นเป็น 98 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด
142 นิวตันเมตร แต่คายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกมาต่ำเพียงแค่ 95 กรัม / กิโลเมตร ตามออกมา
ในภายหลัง

ติดตั้งลงบนพื้นตัวถังใหม่ V-Platform ที่ย่อมาจาก Versatility นั่นเอง เชื่อมเข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
โดยจะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT ที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นเกียร์ CVT
ลูกแรกในโลก ที่มี Sub-Planetary Gear อยู่ข้างใน ประโยชน์ของมันคืออะไร เอาไว้รออ่านในบทความรีวิว
ที่จะตามมาในอีกไม่นานเกินรอ

ระบบกันสะเทือนหน้า แบบแม็คเฟอร์สันสตรัต ซึ่งมีขนาดโครงสร้างโดยภาพรวม
เล็กลง 15% เช่นเดียวกับรถบบกันสเทือนหลังแบบทอร์ชันบีม ทั้งหมดนี้ ถูกออกแบบ
เพื่อเน้นให้มีน้ำหนักเบา กว่ารุ่นเดิม แต่ต้องให้การเกาะถนนที่ ดีใกล้เคียง หรือเทียบเท่า
กับรถรุ่นเดิม ถือเป็นโจทย์ที่หินมาก สำหรับนิสสัน ในการจะต้องพัฒนารถเล็กซักรุ่น
ให้คงคุณงามความดี จากรถรุ่นเดิมเอาไว้ แต่ใช้ต้นทุนถูกกว่ารถรุ่นเดิม เพื่อให้แข่งขัน
กับรถยนต์ในพิกัดเดียวกันจ่ายค่ายอื่นๆทั่วโลก ได้อย่างดี

ณ วันนี้ เหลือ เพียงเรื่องเดียว ที่ยังจะเป็นข้อถกเถียงไปจนกว่าจะถึงวันเปิดตัว
อย่างเป็นทางการในบ้านเรา (12 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ณ โรงงาน Nissan Motor Thailand
บางนา-ตราด กม. 21) ก็คือ ราคาขายปลีก….งานนี้ เชื่อว่า หายคน ที่เห็นโฉมคันจริงแล้ว
จะยังคงตามลุ้นระทึก ไม่แพ้ นักเรียน ม ปลาย ลุ้นผล เอนทรานซ์ หรือ เกณฑ์ทหาร
จับใบดำใบแดงกันเลยทีเดียว

Headlightmag.com ขอสรุป แต่เพียงสั้นๆ ว่า เวอร์ชันไทย จะมีเพียงแค่เครื่องยนต์
HR12DE บล็อก 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1,198 ซีซี (หรือตีเสียว่า 1,200 ซีซี) นั่นละ
75 แรงม้า (PS)
เพียงแบบเดียว บล็อกเดียว จะไม่มีเครื่องยนต์ HR15DE หรือ เครื่องยนต์ ดีเซล
จากเรโนลต์ มาวางลงในตัวถังนี้ แต่อย่างใด รุ่นพื้นฐาน 1.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา
ซึ่งจะออกสู่ตลาดก่อน ในช่วงแรก จะมีถุงลมนิรภัยมาให้ 1 ใบ และมีราคาเริ่มต้น
ต่ำกว่า 390,000 บาท แน่นอน

ขณะที่ราคาของรุ่น ท็อป 1.2 CVT Hi-Grade มาพร้อมอุปกรณ์นานับประการตั้งแต่
Intelligent Keyless Entry , จอ Multi Information System แสดงแจ้งเตือน วันเกิด
หรือวันครบรอบต่างๆ และแจ้งเตือนสถานของรถยนต์ในด้านต่างๆ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
พร้อมระบบ ABS และ EBD จะมีราคาอยู่ที่ระดับ ประมาณ แตะๆ 5 แสนบาท แบบเฉียดฉิว

แต่ เราจะยังไม่บอกคุณผู้อ่านหรอกครับว่า ราคาที่แท้จริงหนะ เท่าใดกันแน่

เรื่องนั้น รอให้ Nissan เขาแถลงเอง ผมว่าสนุกกว่าครับ!

————————————///—————————————–

HOMY DEMIO
สงวนลิขสิทธิ์ เฉพาะ บทความ
เผยแพร่ครั้งแรก ใน www.headlightmag.com
2 มีนาคม 2010

หมายเหตุ

ประวัติ ของ Nissan MARCH / MICRA อย่างละเอียด เชิญคลิกอ่านได้ที่นี่

แสดงความคิดเห็นต่อบทความนี้ เชิญได้ คลิกที่นี่