สถานการณ์การแข่งขันตลาดรถยนต์อเนกประสงค์บนพื้นฐานรถกระบะ (PPV) นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อเริ่มมีผู้เล่นใน
ตลาดรายใหม่ที่แข็งแกร่งเพิ่มเข้ามาคือ Chevrolet Trailblazer ก้าวเข้ามาเป็นทางเลือกทางใหม่ของลูกค้า ผู้เล่นตลาด
รถ PPV รายสำคัญก็พากันเริ่มปล่อยกลยุทธ์ปกป้องยอดขายของตนเองกันตามลำดับ
วันที่ 4 กรกฎาคม 2012 Mitsubishi Motor ประเทศไทยได้แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport เครื่องยนต์เบนซิน V6
3.0 ลิตร 219 แรงม้าเข้าสู่ตลาดอันเป็นช่วงจังหวะเดียวกับการเปิดตัว Chevrolet Trialblazer พอดิบพอดี พร้อมกันนี้ได้
เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับตระกูลกระบะ Mitsubishi Triton MegaCab Plus 2.5 VG Turbo 178 แรงม้าและติดตั้ง
เครื่องยนต์เบนซินให้กับ Mitsubishi Triton MegaCab Plus/Double Cab
มร. โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้
เตรียมขายรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร V6 MIVEC อย่างเป็นทางการที่โชว์รูมรถ
ยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ กับราคาขายเพียง 1,295,000 บาท หลังจากนำมาจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา และ
ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่เข้าร่วมชมงาน พร้อมถือโอกาสนี้แนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส 2.5 วีจี เทอร์
โบ 5 AT มาพร้อมสมรรถนะ และการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น จากอัตราเร่งที่ดีกว่าด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม
Sportronic ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการ รวมทั้งแนะนำ ไทรทัน เครื่องยนต์เบนซินทั้งในรุ่น
เมกะแค็บ พลัส และดับเบิ้ลแค็บ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
รายละเอียดเบื้องต้นของ Mitsubishi Pajero Sport V6 จะเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร V6 สูบ 24 วาล์ว มี
พละกำลังสูงสุด 219 แรงม้าที่ 6,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 281 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อม
เทคโนโลยีอัจฉริยะของระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์
ในรอบสูง ตอบสนองอัตราเร่งที่ฉับไวและประหยัดน้ำมันเมื่อใช้ความเร็วในรอบต่ำ พร้อมเสื้อสูบอลูมิเนียมอัลลอย น้ำหนัก
เบา ระบายความร้อนได้ดี ส่งผลให้ประหยัดน้ำมัน พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVECS II พร้อม Sportronic
ระบบเกียร์อัจฉริยะที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจซึ่งสามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบการขับขี่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไป
อย่างเหมาะสม
อุปกรณ์มาตรฐานก็ถูกติดตั้งให้อย่างครบครันราวกับรถยนต์ซีดานราคาแพง ได้แก่ ไฟหน้าแบบ HID ที่ให้ความสว่างมาก
ยิ่งขึ้น พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติและระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ตามสภาพแสงภายนอก และ
การติดตั้งระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่างของไฟหน้ารถ รวมถึงระบบที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างแบบโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว ให้ความลงตัวและเสริมสร้างความปลอดภัยยิ่งขึ้น คิ้วประตูหลังแบบสี
เดียวกับตัวรถและโครเมียม สปอยเลอร์หลังดีไซน์เฉพาะเสริมความโฉบเฉี่ยว พร้อมกล้องมองหลังขณะถอยจอดเพิ่มทัศน
วิสัยของผู้ขับขี่และความปลอดภัยยิ่งขึ้น ลงตัวกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ระบบการปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) พร้อมอุปกรณ์
ความบันเทิงพร้อมสรรพไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น DVD,VCD,CD MP3 รุ่นใหม่ที่ง่ายต่อการใช้งาน ชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง iPod
และ USB จอภาพด้านหน้าแบบหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 7 นิ้ว ระบบนำทาง (เนวิเกเตอร์) ที่สามารถแสดง
ภาพแผนที่นำทางและฟังก์ชั่นการใช้งานอื่นในเวลาเดียวกันได้ รวมไปถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (บลูทูธ) เพิ่ม
ความปลอดภัยและสะดวกในการสนทนาระหว่างขับรถ พร้อมจอภาพแบบ WIDE Screen ขนาด ใหญ่ 10.2 นิ้วสำหรับ
ผู้โดยสารตอนหลัง
และแน่นอนว่าขาดไปไม่ได้เลยก็คือการติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS)
– สัญญาณเสียงและไฟกระพริบเตือนเมื่อประตูปิดไม่สนิท สัญญาณเสียงและไฟกระพริบเตือนจะแสดงบน
หน้าปัดเมื่อมีการออกรถในขณะที่ประตูรถปิดไม่สนิท
– ใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติในกรณีที่ฝนตกและผู้ขับขี่เปิดที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดหยุด เมื่อรถใช้
ความเร็วเกิน 60 กม./ชม. ที่ปัดน้ำฝนจะเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ 1 ให้โดยอัตโนมัติ และจะกลับมาที่ตำแหน่งปัดหยุด
เหมือนเดิมเมื่อความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ชม.
– ระบบปลดล็อกด้วยรีโมท ช่วยให้สามารถปลดล็อกและล็อกรถได้จากระยะไกล
– สัญญาณเตือนลืมปิดไฟหรี่หน้าถ้าผู้ขับลืมปิดไฟหรี่หน้า หลังจากดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตู เสียงสัญญาณจะ
ดังเตือนขึ้น
– ระบบตัดการทำงานไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟหน้ารถจะดับเองอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์และเปิดประตูช่วยให้
ประหยัดไฟในแบตเตอรี่
– ระบบหน่วงเวลาปิดไฟในห้องโดยสารหลังจากดับเครื่องยนต์แล้วปิดประตู ไฟในห้องโดยสารจะค่อยๆ หรี่ดับลง
เพิ่มความสะดวกในการตรวจสอบสัมภาระภายในรถ
– ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้าหลังดับเครื่องยนต์ กระจกไฟฟ้าจะยังคงสามารถเปิด-ปิดต่อไปได้อีก
ภายใน 30 วินาที
– ระบบเซ็นทรัลล็อก ผู้ขับสามารถเปิดหรือปิดล็อกประตูทุกบานโดยปุ่มควบคุมที่ประตูด้านผู้ขับ
นอกจากนี้ Mitsubishi ยังได้แนะนำ Mitsubishi Triton MegaCab Plus 2.5 VG Turbo 178 แรงม้าที่ 4,000 รอบ
ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1800-3,500 รอบต่อนาที ตอบสนองรวดเร็วทันใจจากอัตราเร่งที่ดีกว่าด้วย
ระบบเกียร์อัจฉริยะ 5 จังหวะ พร้อม Sportronic ในราคา 738,000 บาท
และ Mitsubishi Triton MegaCab Plus/Double Cab เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 L MPI ให้กำลังสูงสุดที่ 128 แรงม้า ที่
5,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบหัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิง ECI-MULTI
พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ราคา MegaCab 2.4 GLS 643,000 บาทและ DoubleCab 2.4 GLX 627,000
บาท