ตามธรรมเนียมธุรกิจยานยนต์แดนอาทิตย์อุทัยมักจะโชว์วิสัยทัศน์ใหม่เป็นประจำทุก ๆ 5 ปี เพื่อบอกเล่าอนาคตใหม่ว่าจะมีเส้นให้ก้าวเดินอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นการวิจัยและค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ , การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สะท้านโลกเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและสร้างแบรนด์ ท้ายสุดคงหนีไม่พ้นเป้าหมายการขยายตัวด้านผลกำไรของบริษัทอีกตามเคย

 

 

Mitsubishi Motor ก็เป็นบริษัทรถยนต์สำคัญรายหนึ่งในญี่ปุ่นที่ต้องทำตามธรรมเนียมธุรกิจเหมือนกับค่ายรถญี่ปุ่นอื่น ๆ เพียงแต่สถานการณ์ดูจะแตกต่างจากเพื่อนร่วมสัญชาติเสียหน่อยเพราะ Mitsubishi Motor ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากจากพิษการปกปิดข้อบกพร่องรถยนต์จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นลูกค้าในญี่ปุ่นอย่างร้ายแรง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ Mitsubishi พยายามทำก็เพื่อหวังจะช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นและผลกำไรขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

แม้ผลของความพยายามพลิกฟื้นแบรนด์ Mitsubishi ระหว่างปี 2005-2010 ตามยุทธศาสตร์ Step Up 2005 ไม่ถึงกับเรียกว่า “ดี” นัก แต่ก็ถือว่าสร้างรากฐานบริษัทให้แน่นหนาพอที่ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้นหาก Mitsubishi จะมุ่งยุทธศาสตร์ไปทางเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งให้ชัดเจนจนเป็นบุคลิคแบรนด์นั้นไปเลย ก็น่าจะทำให้ Mitsubishi มีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้อีกมาก

ดังนั้นกลยุทธ์ระยะสั้นสำหรับปีงบประมาณประจำปี 2011 (เริ่มต้นเดือนเมษายน 2011 ตามปฏิทิน) จนถึงปีงบประมาณประจำปี 2013 (สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2014 ตามปฏิทิน) คือตัวช่วยที่ทำให้ Mitsubishi สามารถทะยานและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยแผนนี้มีชื่อว่า “Jump 2013” ก้าวกระโดดสมชื่อ

หัวใจหลักสำคัญของกลยุทธ์ก้าวกระโดดระยะสั้น Jump 2013 คือ

1.ทุกคนในองค์กรต้องยึดมั่นนโยบาย “เติบโตและก้าวกระโดดไปข้างหน้า” หรือ growth and a leap forward

2. การพลิกแผนธุรกิจรถยนต์ทุกรูปแบบ ได้แก่
– ด้วยการเน้นพัฒนารถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมหรือรถยนต์ระดับโลกเท่านั้น, เน้นการผลิตและการขายในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ Mitsubishi ยังไม่จับตลาด
– ปฏิรูปโครงสร้างต้นทุนใหม่
– ความร่วมมือกันกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มพูนผลกำไร
– ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรทั้งหมด

Mitsubishi คาดหวังยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจนถึงปีงบประมาณประจำปี 2013 ระดับ 1,370,000 คัน โดยยอดขาย 60% จากยอดขายรวมหวังไว้จากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ อาทิ รัสเซีย, จีน, อาเซียนและบราซิล

คราวนี้เรามาเจาะลึกถึงกลยุทธ์สินค้าของ Mitsubishi ครั้งใหม่กันดีกว่า หากย้อนกลับไปยังแผน Step Up 2010 เราจะพบว่า Mitsubishi พยายามปูทางการพัฒนาสินค้าหลากเซกเมนต์เท่าที่พวกเขาพึงกระทำได้ โดยส่วนใหญ่จะพัมนารถรุ่นใหม่เพื่อทดแทนรุ่นเดิมไป (Next Generation) มากกว่าปั้นรถยนต์รุ่นใหม่เสริมทัพ

แต่สำหรับแผน Jump 2013 เราจะได้เห็น Mitsubishi พัฒนารถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลกเพื่อให้สมกับสโลแกน Drive@Earth เริ่มจากโปรเจคท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กระดับโลกรุ่นใหม่ล่าสุดที่เผยโฉมหน้าตากันไปแล้วภายใต้ชื่อ Global Small Car Project เป็นรถประหยัดพลังงาน, น้ำหนักเบา, ราคาประหยัด เหมาะสำหรับเจาะตลาดประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นอย่างดี

 

 

รถยนต์ Global Small Car จะถูกผลิตในประเทศไทยภายในปีงบประมาณประจำปี 2011 หลังจากจึงจะเริ่มส่งออกในแถบอาเซียน, ยุโรป, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นภายในปีงบประมาณประจำปี 2012

นอกจากนี้ Mitsubishi ยังต้องเตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้า 3 รุ่น และรถยนต์ Plug-in Hybrid มากถึง 5 รุ่นภายในปีงบประมาณประจำปี 2015 โดยรถไฟฟ้าที่เตรียมจะเปิดตัวภายในกลางปีงบประมาณประจำปี 2011 ก็คือ Mitsubishi Minicab MIEV รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเคคาร์

ส่วนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในก็จะปรับปรุงเทคโนโลยีให้ลดการทำร้ายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การติดตั้งระบบ Start-Stop, พัฒนาระบบวาล์วแปรผัน MIVEC เจเนเรชั่นใหม่ เป็นต้น

และเพื่อให้เข้ากับยุทธศาสตร์ Jump 2013 ที่เน้นตลาดประเทศเกิดใหม่มากขึ้นทำให้ Mitsubishi ต้องยุติบทบาทรถยนต์สำหรับตลาดเฉพาะหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi Galant รถซีดานขนาดใหญ่, Eclipse รถสปอร์ตสองประตูที่ทำว่าเคยสร้างชื่อได้และ Endeavor เอสยูวีทรงถึกที่ไม่เข้าตากรรมการ รวมไปถึงยกเลิกการผลิต Mitsubishi Colt รุ่นต่อไปในตลาดยุโรปด้วย

กลยุทธ์ความร่วมมือแบบ Alliance ก็มีความสำคัญต่อ Mitsubishi Motor มากเพราะพวกเขายังจำเป็นพึ่งพาพันธมิตรที่ช่วยอุดช่องว่างให้เต็มที่สุดเท่าที่กระทำได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนขนานหนักจนเป็นภัยต่อกำไรบริษัท

ปัจจุบัน Mitsubishi ก็ประสบความสำเร็จด้วยดีกับกลยุทธ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการว่าจ้างผลิตรถให้แบรนด์อื่น, รับรถจากแบรนด์อื่นเข้ามาชายคาตนเอง, การถ่ายเปลี่ยนเทคโนโลยี และการจัดการร่วมมือผลิต

อนาคต Mitsubishi ยังแผนการจับมือพันธมิตรกันดังต่อไปนี้
– Mitsubishi จะผลิตรถคอมแพคท์เอสยูวีให้แก่ค่าย PSA Group และยังผลิตเอสยูวีให้ Nissan สำหรับกลุ่มตลาดประเทศตะวันออกกลาง
– Mitsubishi จะได้รับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จาก Nissan และรถยนต์นั่งจาก Suzuki
– Mitsubishi จะร่วมพัฒนารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ร่วมกับ PSA Group โดยมีกำหนดการผลิตภายในสิ้นปี 2012
– แผนการที่กำลังศึกษาอยู่นั่นก็คือ ความร่วมมือการพัฒนารถเล็กเคคาร์ 660 ซีซี , รถกระบะ 1 ตันรุ่นใหม่, ผลิตรถกระบะรุ่นปัจจุบันให้กับ Nissan รวมไปถึงการรับรถรุ่นใหญ่สำหรับขายในตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะด้วย

Mitsubishi ตั้งเป้าหมายของแผน Jump 2013 ว่าจะต้องมีรายได้ยอดขายทั้งหมด 2.5 แสนล้านเยน เพิ่มจากจากปีงบประมาณ 2010 ที่ทำนายไว้ 1.9 หมื่นล้านเยน และต้องมีกำไรสุทธิ 4.5 หมื่นล้านเยน เพิ่มจากปีงบประมาณ 2010 ที่ทำนายไว้ 1.5 หมื่นล้านเยน