เมื่อก่อนหากใครนึกถึงยานพาหนะที่ใช้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้ลงมาคลุกคลีกับผู้บริโภคได้ง่ายดายมากขึ้นขนาดนี้ แม้กระทั่ง GM เคยส่งรถไฟฟ้า EV1 ชิมลางทำตลาดในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายยุค 90 แต่ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมาก่อนเวลาอันควรและขาดแคลนสถานที่ชาร์จประจุไฟฟ้า
ปัจจุบัน หลายค่ายพยายามผลักดันรถไฟฟ้า 100% ให้เป็นที่นิยมมากขึ้นถึงแม้จะมีวางจำหน่ายเพียงแค่ Nissan Leaf วางตลาด แต่อนาคตก็จะมีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่วางจำหน่ายตามติดกันมา
วันนี้ Mitsubishi พร้อมแล้วที่จะวางจำหน่าย i-MIEV เวอร์ชันอเมริกัน และที่สำคัญกล้าประกาศราคาพร้อมรับจองในวันสิ่งแวดล้อมโลกวันที่ 22 เมษายน 2011 อีกด้วย นับเป็นฤกษ์ดีที่พวกเราจำเป็นต้องรู้เชียวล่ะ
สเปคต่าง ๆ ของ Mitsubishi i-MIEV เวอร์ชันอเมริกันจะต่างจากชาวโลกมาก โดยเฉพาะมิติตัวถังความยาวแตะระดับรถ A-Segment มาตรฐานโลกถึง 3,680 มม. ยาวขึ้น 285 มม. ความกว้าง 1,585 มม. กว้างขึ้น 110 มม. ความสูง 1,615 มม. สูงขึ้น 5 มม. ความกว้างแทร๊คล้อหน้า 1,420 มม. และแทร๊คล้อหลัง 1,380 มม. กว้างขึ้น 110 มม.
ผลจากการขยายขนาดตัวถังทำให้ Mitsubishi i-MIEV US.Version มีขนาดห้องโดยสารที่ใหญ่โตขึ้น ที่สำคัญยังมีการปรับปรุงโครงสร้างตัวถังและรายละเอียดด้านหน้า, ด้านหลังให้เข้ากับมาตรฐานความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกาด้วย
รูปร่างหน้าตาภายนอกดูแปลกตากว่าเวอร์ชันตลาดโลกอย่างมากด้วยการเปลี่ยนแปลงแผงแดชบอร์ดให้มีดีไซน์แตกต่างกันอย่างมาก ดูเรียบง่าย ทันสมัย น่ารัก ใช้งานง่าย
Mitsubishi ตั้งราคาเริ่มต้น i-MIEV เวอร์ชันอเมริกันไว้ที่ 27,990 ดอลลาร์ฟังแล้วดูแพงแต่อย่าลืมภาษียกเว้นรถไฟฟ้าอีก 7,000 กว่าดอลลอาร์ราคาป้ายในโชว์รูมจึงเหลือไว้ที่ 20,490 ดอลลาร์ ถูกกว่า Nissan Leaf ราว 5,000 ดอลลาร์!! ถือว่าสมเหตุสมผลกับสิ่งทีได้และนวตกรรมใหม่ใช้ได้ครับ
รุ่นตกแต่งภายใน SE อันเป็นรุ่นท๊อปก็จะได้ชุดเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 360 วัตต์ 8 ตัวรอบคัน, พวงมาลัยและเกียร์หุ้มหนังแท้, ภายในทูโทน, ไฟตัดหมอกหน้า, ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว เคาะราคาหลังหักภาษีไว้ที่ 22,490 ดอลลาร์
ท่านใดที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและสนใจรถไฟฟ้าคันนี้ ลองเข้าไปที่เว็บ i.mitsubishicars.com เพื่อติดตามข้อมูลและสั่งจองได้ แต่คุณก็ต้องรอนะครับ รอจนถึงต้นปี 2012 เจ้า i-MIEV ก็จะเป็นของคุณ(พร้อมหนี้สินที่คุณต้องผ่อนค่างวด)
ช่วงแรกสามารถส่งมอบได้เพียง 2,000 คัน ในอนาคตเตรียมทำตลาดด้วยยอดขาย 2-3 หมื่นคันต่อปี