ปล่อยให้คนเยอรมัน ซื้อหารุ่นปรับโฉมของ C-Class ใหม่ มาขับกันแฮปปี้ได้พักใหญ่ วันนี้
ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหารของ Mercedes-Benz (Thailand)
ก็ประกาศว่า พร้อมแล้ว ที่จะส่ง C-Class Minorchange มาประกอบขายในเมืองไทยกันเสียที
เปิดตัวแล้วเมื่อวานนี้ (18 กรกฎาคม 2011)
นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก เมื่อปี 2007 C-Class รหัสรุ่น W204 นับเป็น C-Class รุ่นที่มียอดขาย
สูงที่สุด เพราะทำสถิติยอดขายสะสมทั่วโลกได้แล้วเกินกว่า 1 ล้านคัน อีกทั้งเมื่อนับย้อนกลับไป
ตั้งแต่ การเปิดตัว Mercedes-Benz C-Class ครั้งแรกเมื่อปี 1982 (ตอนนั้น รู้จักกันในชื่อ 190E)
รถยนต์รุ่นนี้ ทำยอดขายสะสมรวมแล้วมากเกินกว่า 8.5 ล้านคันทั่วโลก
ภายนอกถูกปรับปรุงชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าใหม่แทบทั้งหมด กันชนหน้าใหม่ ให้ความรู้สึกทรงพลัง
ด้วยลายเส้น รวมทั้งกระจังหน้าสีเงินที่ดูสะดุดตา ด้วยรูปทรง V-Shape พร้อมฝากระโปรงหน้าใหม่
ทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา สอดรับกับความเด่นสะดุดตาของโคมไฟหน้าใหม่ แบบ Bi-Xenon
ถูกออกแบบให้ดูดุดันแต่มีชีวิตชีวามากขึ้น เพื่อให้กลมกลืนกับส่วนหน้าของรถที่เน้นทรง V-Shape
ทำให้ดูทันสมัย ทำงานควบคู่กับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System – ILS) ที่สามารถ
ปรับระดับการส่องสว่างโดยอัตโนมัติตามสภาพเส้นทาง พร้อมด้วยไฟ daytime แบบ LED สำหรับ
การขับขี่ในเวลากลางวัน ซึ่งติดตั้งอยู่ในกันชนด้านหน้า รวมทั้งไฟหน้าแบบฮาโลเจน ที่ประกอบ
ไปด้วยไฟต่ำและไฟสูง รวมทั้งชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ใน
ยามค่ำคืนให้ดียิ่งขึ้น เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ C-Class ใหม่นี้ คือ ลู่ลมเป็นเลิศด้วยค่าสัมประสิทธิ์
แรงเสียดทานเพียง 0.26 หรือเทียบเท่ากับมีค่าทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน
ภายในของ C-Class Minorchange โฉมใหม่นี้ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยการเปลี่ยนหน้าปัดและ
พื้นผิวสัมผัสให้ดูมีความนุ่มนวลมากขึ้น ปลายปุ่มสัมผัสที่โดดเด่นโดยเน้นความละเอียดและความ
พิถีพิถัน แผงหน้าปัดใหม่ดูโฉบเฉี่ยว ทันสมัย มีดีไซน์ ด้วยลายเส้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงแผงข้าง
ประตูด้านหน้าทั้งสองข้าง จอแสดงผลความละเอียดสูง และแผงคอนโซลกลางซึ่งเป็นจุดสำคัญ
ของการเปลี่ยนโฉมใหม่โดยสะท้อนความสุขุม หรูหรามีระดับด้วยการตกแต่งพื้นผิวโดยรอบ
นอกจากนั้นภายในยังตกแต่งเพิ่มเติมให้ดูทันสมัยด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการสื่อสารด้วยการ
เชื่อมต่อเพียงปลายปุ่มสัมผัสบนพวงมาลัย โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบสื่อสารหรือ Telematics ที่
มีมาพร้อมกับรุ่น C-Class ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ของรถรุ่นนี้ จุดเด่นของการตกแต่งภายใน C-Class
ถูกออกแบบให้มีจุดเด่นคล้ายกับ Mercedes-Benz CLS ใหม่ล่าสุด โดยเฉพาะพวงมาลัยลายโครเมียม
ซึ่งสื่อถึงความเป็นสไตล์สปอร์ตในรุ่น AVANTGARDE
ด้วยส่วนประกอบใหม่กว่า 2,000 ชิ้น ทำให้ C-Class Minorchange แตกต่างจากรุ่นเดิม ในส่วนของ
อุปกรณ์มาตรฐานประกอบไปด้วยพวงมาลัยหนังที่ปัจจุบันเป็นหุ้มหนังทุกรุ่น เกรดการตกแต่งและ
อุปกรณ์แบบ ELEGANCE และ AVANTGARDE ได้มีการปรับให้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน
กว่าเดิม โดย ELEGANCE จะใช้ลายใหม่แบบ matt ash wood ส่วน AVANTGARDE จะใช้ลาย
แบบ dark aluminium หรือแบบ black ash wood
ส่วนชุดเครื่องเสียง พร้อมระบบสื่อสารรุ่นใหม่ ใช้งานได้สะดวกมากกว่ารุ่นเดิม ระบบ Multi Media
COMAND Online ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ในรุ่น C250 CGI BlueEFFICIENCY Avantgarde
จึงสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้โดยสะดวก และยังสามารถบันทึกข้อมูลเส้นทางโดยผ่าน SD Card
ได้อีกด้วย การควบคุมหน้าจอ การเชื่อมต่อโทรศัพท์ การแสดงข้อความ การฟังเพลงแบบไร้สายโดย
ผ่าน Bluetooth และการเชื่อมต่อความบันเทิงผ่านช่อง USB ซึ่งมีพร้อมอยู่ใต้ที่วางแขนตรงคอนโซลกลาง
ด้านรายละเอียดขุมพลัง แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก เพราะเมื่อปีก่อน
Mercedes-Benz เพิ่งจะปรับทัพนำขุมพลัง ตระกูล Blue Efficiency เข้ามาประจำการกันไปหมาดๆ
เพียงแต่คราวนี้ ไฮไลต์สำคัญ อยู่ที่ ขุมพลังของ C250 CDI Blue Efficiency Avantgarde ซึ่งเป็นแบบ
Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.2 ลิตร commonRail Turbo Intercooler 204 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด
500 นิวตันเมตร ที่ 1.600 – 1,800 รอบ/นาที จะถูกเชื่อมเข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 7G Tronic PLUS ซึ่งถือว่า
เป็นไปตามความคาดหมายของ Headlighmag.com ไม่ผิดเพี้ยน!
ด้านความปลอดภัย C-Class Minorchange C-Class ใหม่ ติดตั้งมาเต็มพิกัด ไม่แพ้พี่ชายคนกลางอย่างรุ่น
E-Class ใหม่เลย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ซึ่ง
เป็นระบบความปลอดภัยใหม่ที่มีในรุ่น C-Class โดยใช้กล้องและระบบเซ็นเซอร์ภายในรถทำหน้าที่
ตรวจสอบและวิเคราะห์ลักษณะการขับขี่ต่างๆ ซึ่งช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจาก อาทิ อาการ
เหนื่อยล้าขณะการขับขี่ เป็นต้น ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ระบบปกป้อง
ก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE ซึ่งมีเพียงแบรนด์เดียวในโลก โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
(Electronic Stability Program) ระบบช่วยเบรก BAS (Brake Assist) ที่จะทำงานร่วมกับระบบเบรก
ป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock braking system) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid
control) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) พร้อมแนะนำวิธีการจอด (Parking
Guidance) และพนักพิงศีรษะแบบ NECK-PRO
อย่างไรก็ตาม การปรับโฉมคราวนี้ แอบมีเรื่องน่าเซ็งนิดหน่อย โผล่มาให้เห็น คราวนี้ C200 CGI
จะมีแต่รุ่น Elegance เท่านั้น ใครอยากได้ช่วงล่างและการตกแต่งแบบ Avantgarde จะถูกผลักดัน
ให้ขึ้นไปเล่น C250 CDI Avantgarde และ C250 CGI Avantgarde แทน แถมค่าตัว แม้จะไล่เลี่ย
กับรุ่นเดิมก่อนหน้านี้ แต่ ในบางรุ่น ก็แพงขึ้นกว่าเดิม นิดนึง
C 200 BlueEFFICIENCY ราคา 2,739,000
C 200 BlueEFFICIENCY ELEGANCE เครื่องยนต์ เหมือนกัน ต่างกันที่ตกแต่งในแนวหรู
แบบ Elegance ราคา เพิ่มขึ้นเป็น 2,929,000 บาท
C 250 CDI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE ราคา 3,189,000 บาท
C 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE ราคา 3,249,000 บาท
นอกจากนี้ Mercedes-Benz Thailand ยังพยายามสร้างความประทับใจและความมั่นใจให้กับลูกค้า
ผ่านการบริการหลังการขายและการใส่ใจและดูแลลูกค้าที่เป็นเลิศ ด้วยการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัด
ระยะทาง และสิทธิพิเศษ Star Assist โปรแกรมพิเศษที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยลูกค้า
จะได้รับประสบการณ์เหล่านี้โดยตรงจาก ผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการเท่านั้น
ถ้าสนใจ เชิญโฉมรูปโฉมคันจริงได้ ที่ โชว์รูมของผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการ
ทั่วประเทศไทย (ไม่นับรวมเกรย์เด็ดขาด) ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
—————————————–///——————————————