กรุงเทพฯ – บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอสร้าง Surprise ครั้งสำคัญด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่
ครั้งแรกในอาเซียนถึง 2 รุ่น คือ The new C-Class โฉมใหม่ และ The new GLA-Class รถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์
SUV พรีเมี่ยม รวมทั้งจัดทัพนำขบวนยนตรกรรมหรูกว่า 28 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ มาจัดแสดงในงานบางกอก
อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2557 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค
เมืองทองธานี
มร. ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษา
ตำแหน่งของการเติบโตสูงสุดในตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นนำเสนอรถยนต์ที่หลากหลาย
และตอบสนองทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ซึ่งในปีนี้เราได้มีจัดเตรียมพื้นที่สำหรับจัดแสดงสุด
ยอดยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยดีไซน์โดดเด่นเฉพาะตัวของรถยนต์แต่ละรุ่น ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
ไว้อย่างยิ่งใหญ่ในฐานะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตในแง่ของรูปลักษณ์ เทคโนโลยี และ
ความปลอดภัย โดยบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ออกแบบให้ดูหรูหราทันสมัย (Modern Luxury) ภายใต้ปรัชญาที่ว่า
“The best or nothing.” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ใน 3 ด้านหลัก คือ ความสมบูรณ์แบบ
(perfection) ความงดงามน่าหลงใหล (fascination) และ ความรับผิดชอบ (responsibility) ออกมาได้อย่างลงตัว โดย
ยังคงคอนเซ็ปต์ให้ดูทันสมัย สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกความเป็นสปอร์ต โฉบเฉี่ยว มีสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น
แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา”
“สำหรับไฮไลท์พิเศษของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ปีนี้ คือ การนำเสนอยนตรกรรม
ใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น เป็นครั้งแรกในอาเซียน เพื่อให้คนไทยได้ยลโฉมเร็วขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับตลาดต่างประเทศ
โดยเริ่มที่การเปิดตัว The new C-Class โฉมใหม่ที่ปรับรูปลักษณ์ทั้งภายนอก และภายในให้ดูสปอร์ต ปราดเปรียว ซึ่ง
ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต(ที่น่าจะมีวัยรุ่นหันมาซื้อเพิ่มขึ้นกว่าเดิม)
และยังมีการเปิดตัว The new GLA-Class รถในกลุ่มรถคอมแพ็คของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ต่อด้วย G-Class รถยนต์ตรวจการณ์ที่เต็มไปด้วยสมรรถนะและขุมพลังพร้อมความแข็งแกร่งแบบฉบับออฟโรดตัวจริง
และปิดท้ายด้วย S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive และ S 300 BlueTEC HYBRID AMG Premium รถระดับ
หรูระดับโลกที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่หมดที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ดีเซลไฮบริด” มร.เกรเว่ กล่าว
The new C-Class: ผู้นำยนตรกรรมซีดานในทุกเส้นทาง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new C-Class รหัสตัวถัง W 205 ถูกออกแบบให้เร้าใจขึ้นด้วยลายเส้นโค้งเว้าโดยได้รับแรงบันดาล
ใจมาจากแนวคิดด้านสุนทรียศาสตร์แบบสมัยใหม่ผสานความพลิ้วไหวและองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ตัวรถดู
สปอร์ต ทันสมัย และเร้าใจขณะขับขี่มากกว่า C-Class รุ่นที่ผ่านมา
มีให้เลือก 2 รุ่น คือ C 250 AMG Dynamic และ C 180 Exclusive โดยกระจังหน้าในรุ่น C 250 AMG Dynamic เป็น
แบบสปอร์ต มีสัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลางบนลาย 2 แถบ และไฟหน้าแบบ LED Intelligent
Light System ที่มาพร้อมกับระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ พร้อมด้วยชุดแต่งสปอร์ตแบบ AMG ซึ่งประกอบไปด้วย กันชน
หน้า-หลังและสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต ดิสก์
เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ สำหรับรุ่น C 180 Exclusive กระจังหน้าแบบ
คลาสสิกที่มาพร้อมกับโลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์บนฝากระโปรงลาย 3 แถบเสริมโครเมียม พร้อมฟังก์ชั่น AIRPANEL ซึ่ง
สามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติ เพื่อให้ความลู่ลมที่ดียิ่งขึ้น และไฟหน้าแบบ LED High Performance
สำหรับภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างล้ำสมัย โดยเน้นความหรูหรา เลือกใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม โดดเด่นด้วย
แผงคอนโซลกลางที่สร้างเป็นชิ้นเดียวกับพนักวางแขนซึ่งถูกออกแบบอย่างหรูหราและทันสมัย พร้อมด้วย touchpad ที่
ติดตั้งบริเวณที่พักแขนเหนือที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียง อาทิ วิทยุ-ซีดี MB Audio 20 ที่
บริเวณคอนโซลได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
โครงสร้างตัวถังของ The new C-Class นับเป็นนวัตกรรมของโครงสร้างน้ำหนักเบาที่ผสานทั้งความแข็งแกร่ง ลดการ
สั่นสะเทือน โดยใช้วัสดุแบบอะลูมิเนียมไฮบริดน้ำหนักเบา ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่าเดิมถึง 100 กิโลกรัม ช่วยลด
อัตราการใช้พลังงานลงกว่า ร้อยละ 20 โดยที่รถยังมีสมรรถนะคงเดิม ศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำลงยังช่วยให้การขับขี่ง่ายและมี
ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น นอกจากนั้นมิติของตัวรถยังมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่ารุ่นเดิม เริ่มจากความยาวที่ 4,686 มม. ยาว
กว่ารุ่นเดิม 95 มม. ความกว้างที่ 1,810 มม. กว้างขึ้นถึง 40 มม. และฐานล้อที่ 2,840 มม. ยาวขึ้นกว่าเดิม 80 มม. ทำให้
เนื้อที่สำหรับที่นั่งตอนหลังดูกว้างและทำให้รู้สึกสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ
เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ แบบ 7G-TRONIC PLUS พร้อม
ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)
รุ่น | เครื่องยนต์ | ปริมาตรกระบอกสูบ
(ซีซี) |
แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) | แรงบิดสูงสุด
(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่ |
อัตราเร่ง
0-100 กม./ชม. |
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม./ชม.) | อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย (กม./ลิตร) |
C 180 Exclusive | เบนซิน
แถวเรียง 4 สูบเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ |
1,595 | 156 / 5,300 | 250 /
1,200-4,000 |
8.5 | 223 | 17.2-18.5 |
C 250 AMG Dynamic | เบนซิน
แถวเรียง 4 สูบเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ |
1,991 | 211 / 5,500 | 350 /
1,200-4,000 |
6.6 | 250 | 17.9-18.9
|
ราคา C-Class มีให้เลือกสองรุ่น ดังต่อไปนี้
• C 180 Exclusive ราคา 2,790,000 บาท
• C 250 AMG Dynamic ราคา 3,190,000 บาท
The new GLA-Class: คอมแพ็ค SUV พรีเมี่ยม เหมาะสำหรับทุกการขับขี่ในชีวิตประจำวัน
The new GLA-Class รหัสตัวถัง X 156 เป็นสมาชิกลำดับที่ 5 ในกลุ่มรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตระกูล SUV (Sport
Utility Vehicle) ที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ให้ดูหลากหลาย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้วย
การออกแบบตัวรถให้ดูทันสมัย คล่องแคล่ว ปราดเปรียว และปลอดภัย
ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าครีบระบายอากาศคู่ที่ช่วยเน้นให้ตัวรถกว้างขึ้นพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรง
กลางที่เพิ่มเสน่ห์และความกำยำให้แก่ผู้พบเห็น ภายในมีการเลือกใช้วัสดุคุณภาพชั้นดีที่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานและ
สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1/3: 2/3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการ
จัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น
โดยรุ่นที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นรุ่น GLA 200 Urban ที่มาพร้อมกับการตกแต่งแบบ Urban คือ กระจังหน้าสีเงินแบบ
โครเมียมลาย 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง กันชนด้านหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่
ล้อมรอบด้วยโครเมียม ขอบหน้าต่างแบบโครเมียม และปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าที่
ให้ความคล่องแคล่วปราดเปรียวขณะขับขี่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 1,595 ซีซี
กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,250-4,000 ต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 8.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 17 กม./ลิตร ขับเคลื่อน
ด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย นอกจากนั้นพื้นที่บรรทุกสัมภาระยัง
กว้างถึง 421-1,235 ลิตร ด้วยฝากระโปรงหลังมีขนาดกว้างใหญ่จึงเปิดได้กว้างทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้าย GLA 200
Urban ราคา 2,440,000 บาท
G-Class: รถตรวจการณ์สไตล์ออฟโรดพันธุ์แกร่ง
G-Class เป็นรถยนต์ตรวจการณ์ระดับพรีเมี่ยมขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เหมาะแก่การใช้งานในหลากหลายรูปแบบ มาพร้อม
รูปลักษณ์ภายนอกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น สะท้อนถึงตัวตนที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง ทนทาน สมบุกสมบัน
และเต็มไปด้วยสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือชั้น ภายในถูกออกแบบให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างลงตัว เน้น
การใช้วัสดุคุณภาพชั้นสูง ตลอดจนระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน โดย G 350
BlueTEC Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล แบบ V 6 ความจุกระบอกสูบ 2,987 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า
ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 540 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600-2,400 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 9.1 วินาที
ความเร็วสูงสุด 175 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8.9 กม./ลิตร พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 699-2,126 ลิตร มี
ความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม และฟังก์ชัน 4ETS electronic traction system พร้อมด้วยระบบล็อก
การส่งกำลัง Differential locks และให้ความปลอดภัยด้วยระบบเซ็นเซอร์ป้องกันการพลิกคว่ำสามารถตอบโจทย์ทุก
ความต้องการของความท้าทายในสไตล์ออฟโรด G 350 BlueTEC Sport ราคา 7,490,000 บาท
S-Class BlueTEC HYBRID: รถระดับเวิลด์คลาสที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ดีเซลไฮบริด
S-Class เป็นยนตรกรรมหรูระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการรังสรรค์ปรับเปลี่ยนใหม่หมด แต่ยังคงความหรูหราสง่างาม โดยได้
ผสมผสานแนวคิดการออกแบบที่ทันสมัยและเฉียบคม มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ภายในยังคงเน้นองค์ประกอบที่ผสาน
เอารูปแบบดั้งเดิม ความหรูหรา และแนวคิดของรถซาลูนรุ่นใหม่ให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืนภายใต้แนวคิดความนุ่มสบาย
ขณะขับขี่ ความกว้างขวาง รวมไปถึงอุปกรณ์คุณภาพสูงภายในรถที่สามารถใช้งานได้ง่าย เน้นการใช้วัสดุคุณภาพสูงและ
การออกแบบที่เน้นการใช้งานได้จริงเป็นหลัก โดย S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive และ S 300 BlueTEC HYBRID
AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่
3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600–1,800 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีกำลังจาก
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า) อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 240
กม./ชม. โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 23 กม./ ลิตร
• S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive ราคา 6,490,000 บาท
• S 300 BlueTEC HYBRID AMG Premium ราคา 7,290,000 บาท
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนรถยนต์รุ่นใหม่รวมทั้งสิ้นกว่า 28 คันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งที่เป็นเครื่องยนต์
เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด ไม่ว่าจะเป็นตระกูล E-Class, S-Class และรถนำเข้ารุ่นอื่นๆ
อาทิ A-Class, B-Class, C-Class Coupé, E-Class Coupé, E-Class Cabriolet, E-Class Estate, M-Class, SLK-
Class, CLS-Class, CLS Shooting Brake, GL-Class, Viano และ Vito นอกจากนั้นพิเศษสุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถ
สปอร์ตจะได้พบกับยนตรกรรมคอมแพ็คในสไตล์รถแข่ง ที่ตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG ทั้งคันถึง 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ A 45
AMG 4MATIC และ CLA 45 AMG 4MATIC
รถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมดที่อ่านในบทความนี้จะอวดโฉมในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 35 ได้ระหว่าง
วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2557 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี