ปัจจุบันนี้นับว่าปัจจัยเรื่องความประหยัดน้ำมันเป็นเรื่องหลักที่คนส่วนใหญ่หันมาสนใจกันแล้ว
โดยยอมทิ้งความใหญ่โตอลังการของเครื่องยนต์ เพื่อคบหากับเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่อัด
แน่นด้วยเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความแรงและสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์กันเป็นส่วนใหญ่
ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ บรรดา SUV คันโต พร้อมเครื่องยนต์มากกว่า 6 สูบขึ้นไป เริ่ม
สูญพันธุ์ไปจากวงการรถยนต์มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ตลาดรถยนต์หรูก็ถูกผลกระทบเช่นกัน
ด้วยทิศทางของตลาดไปสู่การรักษ์โลก และความประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ พรีเมี่ยมแบรนด์ต่างๆจึงหันมาหั่นจำนวนกระบอกสูบเครื่องยนต์ที่ประจำการ
ในรถรุ่นเรือธงของตน อันเป็นหนทางเบื้องต้นในการประหยัดน้ำมัน นำทีมโดย Mercedes-Benz
ที่เพิ่งเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาดนี้ 2.2 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีเทอร์โบ ในรุ่น S250 CDI
ซึ่งสามารถสร้างแรงม้าได้สูงถึง 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 500 นิวตัน-เมตรที่มา
ในรอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,600 รอบ/นาที อันเป็นบล็อกเดียวกันกับ C250 CDI ที่ Headlightmag
เพิ่งรีวิวไปนั่นเอง! ซึ่งถือว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้มีเรี่ยวแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบเลยทีเดียว
นอกจากนี้ S250 CDI ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Start-Stop Engine เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 5.7 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 17 กม./ลิตร
และปล่อย CO2 ออกมาเพียง 149 กรัม/กม. โดย S250 CDI พร้อมออกขายทันทีในปีหน้า
ส่วนอีกค่ายพรีเมี่ยมแบรนด์ที่มีแผนจะเปิดตัวเครื่องยนต์ 4 สูบสู่รถยนต์เรือธงของตนเช่นกัน
คือค่ายสี่ห่วง Audi ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวขุมพลัง 4 สูบ ให้กับ A8 เช่นกัน แต่งานนี้ Audi
ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเพียวๆ แต่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Hybrid ที่จะพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า
เข้ากับเครื่องยนต์
โดย Audi มีแนวคิดในการพัฒนาที่จะ ‘ลดจำนวนกระบอกสูบ แต่ไม่ลดสมรรถนะลง’ จึงเชื่อว่า
การนำเอาเทคโนโลยี Hybrid มาใช้ใน A8 จะช่วยทำให้รถซาลูนคันโตรุ่นนี้ สามารถขับขี่ได้
เทียบเท่าเครื่องยนต์ 6 สูบเลยทีเดียว ซึ่ง A8 Hybrid พร้อมเปิดตัวในปี 2012
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ Audi เตรียมเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมระบบขับเคลื่อน
ล้อหน้าให้กับ A8 ไปพลางๆก่อน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้มองหาความประหยัดน้ำมันในรถยนต์
ระดับนี้ และพร้อมวางขายในปีหน้า