Mazda Sales Thailand เปิดแถลงการณ์เผยตัวเลขยอดขายรถยนต์ Mazda ประจำปี 2554 ที่ผ่านมา สามารถเติบโต
อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนของวิกฤตจากภัยธรรมชาติตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โชว์ยอดขายที่ทะลุเป้าสูงเกือบ
42,000 คัน และยังทำลายทุกสถิติของมาสด้าลงอย่างราบคาบ โดยมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ตั้งเป้ายอดขาย
สำหรับปีนี้ทะลุ 60,000 คัน หรือเติบโตสูงสุดถึง 45 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าตลาดรถยนต์รวมปีนี้อนาคตสดใสอาจได้เห็น
ยอดขายทะลุเกิน 1,000,000 คันเป็นครั้งแรก
Mazda กลายเป็นบริษัทรถยนต์จากญี่ปุ่นค่ายแรกที่เริ่มออกมาประกาศตัวเลขของผลประกอบการณ์ที่โดดเด่นที่สุด
ในปี 2011 โดยเฉพาะความสำเร็จจากรถยนต์นั่ง Mazda 2 ทั้ง 2 ตัวถัง ที่กอดคอกันกวาดยอดขายชนิดถล่มทลายเกือบ
30,000 คัน ด้วยเหตุผลโดนใจลูกค้า นั่นคือ มีรถพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าทันที สร้างความคึกคักให้กับตลาดมาตั้งแต่
ต้นปี 2011 โดยเฉพาะในช่วงงานมหกรรมยานยนต์ที่มียอดจองสูงถึง 4,500 คัน ความเชื่อมั่นของลูกค้าช่วยส่งผลให้
ตำแหน่งแบรนด์ Mazda ขึ้นมาอยู่แถวหน้าเทียบเคียงคู่แข่งยักษ์ใหญ่ แถมยังได้แรงหนุนส่งจากนโยบายภาครัฐบาล
ที่มาส่งเสริมในส่วนของรถคันแรกยิ่งทำให้ Mazda 2 เป็นรถยนต์นั่ง B-Segment Sub Compact Car ที่ทำยอดขายให้
Mazda อย่างงดงามและอย่างต่อเนื่องตลอดปี ซึ่งนอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว ยังมีความสำเร็จจากรุ่นพิเศษ Special
Limited Editon โดยเฉพาะ Racing Series ที่ตัวรถมีบุคลิกสปอร์ตจัดจ้าน ถูกจองหมดภายในเวลาเพียง 3 วันหลังเปิดตัว
มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของมาสด้าในปี
พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมานั้น ได้สร้างสถิติใหม่ให้เกิดขึ้นหลายอย่างด้วยกัน และถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ให้กับมาสด้าในประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยในปีนี้มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างงดงามเกินความ
คาดหมาย
ด้วยความเชื่อมั่นอย่างสูงจากลูกค้ามาสด้าจึงมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 41,980 คัน สูงสุดนับตั้งแต่มาสด้า เซลส์
(ประเทศไทย) เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยอดขาย
35,147 คัน ในปี 2553 ที่ผ่านมา
สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าในปี 2554 ที่ผ่านมา ท่วมกลางการประสบกับภาวะวิกฤตจากภัยธรรมถึง 2 ครั้ง นับตั้งแต่
สึนามิที่ญี่ปุ่น มาถึงน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดของประเทศไทย แต่มาสด้าก็ยังสามารถกลับมายืนอย่างแข็งแกรงอย่างรวดเร็ว
โดยสามารถคว้ายอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 41,980 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20% โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์ Mazda 2 ซึ่งยัง
ครองยอดขายสูงสุดถึง 27,714 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 23% ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 มียอดขายสูงถึง
8,744 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% ส่วนรถยนต์นั่ง Mazda 3 ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.0 ลิตรใหม่ มียอดขายสูงสุด
ในตลาดถึง 5,476 คัน พร้อมกันนี้ส่วนรถในกลุ่มพรีเมี่ยมคาร์ทั้งสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 จำนวน 22 คัน และ
Croosover สุดหรู 7 ที่นั่ง Mazda CX-9 ได้ยอดขายทั้งสิ้น 24 คัน นอกจากนี้ยังมีในส่วนของยอดจองซื้อที่ยังคงมีเข้ามา
อย่างต่อเนื่องจากทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ Mazdaได้เร่งส่งมอบให้กับลูกค้าเพื่อสามารถรับรถได้ทันใจไม่ต้องรอ
ที่สำคัญในฐานะบริษัท ซูม-ซูม มาสด้ายังไม่หยุดอยู่แค่นี้ โดยในปี 2555 นี้ เตรียมแต่งตัวลงเปิดศึกในตลาดรถปิกอัพซึ่ง
ถือเป็นตลาดเซ็กเม้นต์ใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยการส่งรถปิกอัพใหม่ดีไซน์ล้ำจุดขายเด่น All New Mazda BT-50 PRO
ออกสู่ตลาดในเดือนมกราคมนี้ มั่นใจจะสามารถสร้างเทรนด์ปิกอัพสไตล์ใหม่ให้เกิดขึ้นกับตลาด และที่สำคัญมาสด้ายัง
พร้อมเสริมทัพในส่วนของตลาดรถยนต์นั่ง โดยมาสด้าเตรียมเปิดตัวมาสด้า3 เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร โฉมใหม่ในไตรมาส
แรกของปีนี้ และยังมีอีกหลายรุ่นที่จ่อคิวเปิดตัวสร้างความคึกคักตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้าที่
ประสบความสำเร็จอย่างสูงในรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น Racing Series ที่กระแสตอบรับร้อนแรงอย่างยิ่ง ซึ่งาถือเป็นนโยบาย
หลักเพื่อสร้างความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอด
ระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มาสด้าได้นำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนางานบริการและ
สร้างความพึงพอใจหลังการขาย จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างท่วมท้น พร้อมๆ กับขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น
สำหรับปีที่ผ่านมานั้นต้องถือว่าประเทศไทยต้องเผชิญกับปีที่ยากลำบากอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งโดยทางอ้อม
และทางตรง ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการซื้อออกไปบ้าง แต่ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่อีกมาก ซึ่งคาดว่านับจากนี้ ตลาด
รถยนต์จะกลับมาเฟื่องฟู โดยเฉพาะในส่วนของตลาดปิกอัพที่การแข่งขันจะทวีความเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นเนื่องจาก
เกือบทุกค่ายดันรถใหม่ของตนออกสู่ตลาดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ประกอบกับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ได้รับอานิสงค์จาก
ปัจจัยเอื้อหลายอย่างซึ่งจะเป็นตัวเสริมให้ตลาดกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง นอกจากนี้มาสด้ายังมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ให้
เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด และเราได้ทำกิจกรรมการตลาดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน ด้วยการชูกลยุทธ์ด้านการ
ตลาดที่แตกต่างจากค่ายอื่น ในปีนี้มาสด้าได้เตรียมจัดกิจกรรมเชิงรุกต่างๆ ตลอดทั้งปีทั้งด้านการขายสำหรับลูกค้าใหม่ บริการ
หลังการขายและสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าปัจจุบัน เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในรถยนต์มาสด้ามาโดยตลอด
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการ ตลาด, แคมเปญโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ที่ออกแบบให้แสดงบุคลิกที่เข้ากับแบรนด์และเน้นเข้าถึง
กลุ่มเป้าหมาย ซูม-ซูม เป็นหลัก
มาสด้ามองว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะเติบโตสูงขึ้นประมาณ 5-6% โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และตลาดรถปิกอัพ
คาดว่าจะรุ่นแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ต้องแบ่งเป็น 2 รูปแบบ หนึ่งคือการแข่งขันด้านการโฆษณา-ประชาสัมพันธ์เพื่อ
แย่งพื้นที่ในใจลูกค้า อันนี้ต้องคึกคักแน่นอน ทุกคนก็จะลงมาใช้เม็ดเงินโฆษณามากขึ้น อีกทั้งเนื่องจากมีหลายๆ ค่ายได้
เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดหลายรุ่นซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์เดียวกันกับเรา ซึ่งเราเองจะมีแผนที่พร้อมปรับเปลี่ยน
ให้รองรับได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมในการเปิดตัวปิกอัพใหม่ของบริษัท All New Mazda BT-50 PRO ใหม่
และรถยนต์นั่ง Mazda 3 รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร โฉมใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนี้เรายังเตรียมกิจกรรมด้าน
การตลาดรวมถึงแคมเปญส่งเสริมการขายตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งจากวันนี้เป็นต้นไปจะเห็นมาสด้าเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อกวาด
ส่วนแบ่งตลาดทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัดให้ได้ไม่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ อีกด้านหนึ่งคือเรื่องของโปรโมชั่นจูงใจ เนื่องจาก
ตลาดส่งแนวโน้มเติบโต ดังนั้นการฟาดฟันกันทางด้านรายการส่งเสริมการขายมองว่าไม่น่าจะรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มร. โชอิชิ ยูกิ ยังได้กล่าวถึงแผนนโบบายด้านบริการหลังการขาย เพื่อรองรับกับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่าง
รวดเร็วว่า ขณะนี้มาสด้าได้มีการปรับช่องซ่อมในศูนย์บริการทุกแห่งเพื่อรองรับปิกอัพใหม่ที่กำลังจะมาในเร็วๆ นี้ เนื่องจาก
ตัวรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก รวมถึงการเพิ่มจำนวนช่องซ่อมให้เพียงพอกับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังได้มีการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ 2554 ที่ผ่านมาได้มีการขยายจำนวน
ดีลเลอร์เพิ่มขึ้นจาก 109 แห่งเมื่อ 2553 เป็น 125 แห่ง และคาดว่าภายในสิ้นปี 2555 นี้ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 140 แห่ง เพื่อ
ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ๆ จะมี
การขยายออกไปสู่ท้องถิ่นระดับอำเภอมากยิ่งขึ้น เป็นการเติบโตที่รวดเร็วมากหากนับจากปี 2008 ที่มีเครือข่ายเพียง
80 แห่ง มีผู้จำหน่ายลงทุนเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการของมาสด้าเพิ่มขึ้นอีกถึง 60 แห่ง ถือเป็นการเติบโตทางเครือข่าย
ขายและบริการเกือบเท่าตัวภายในเวลาเพียง 4 ปี นอกจากนี้ มาสด้ายังให้ความสำคัญกับการอบรมพนักงานขาย ที่ปรึกษา
การขาย ช่างเทคนิค รวมถึงการรับบุคลากรเพิ่มเติมเพื่อรองรับการบริการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจำนวนที่
เพิ่มสูงขึ้นแล้วอีกสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ คุณภาพของการบริการที่มาสด้าเน้นความเป็นเลิศให้ลูกค้า
และเป็นที่พึงพอใจของลูกค้าอยู่เสมอ
ตารางยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า มกราคม-ธันวาคม ปี พ.ศ. 2554 เปรียบเทียบกับ พ.ศ. 2553
Model |
ธันวาคม 54 |
ธันวาคม 53 |
เปลี่ยนแปลง% |
ม.ค.- ธ.ค. 54 |
ม.ค.- ธ.ค. 53 |
เปลี่ยนแปลง% |
Mazda2 SD |
2,152 |
1,246 |
+ 72.71 |
14,758 |
11,398 |
+ 29.45 |
Mazda2 HB |
2,008 |
1,076 |
+ 86.62% |
12,956 |
11,139 |
+ 16.31% |
Mazda3 |
593 |
669 |
– 11.36% |
5,476 |
5,798 |
– 5.55% |
Mazda BT-50 |
96 |
1,033 |
– 90.71% |
8,744 |
6,712 |
+ 30.27% |
Mazda MX-5 |
2 |
1 |
+ 100.0% |
22 |
41 |
– 46.34% |
Mazda CX-9 |
4 |
5 |
– 20.0% |
24 |
59 |
– 59.32% |
ยอดรวม |
4,855 |
4,030 |
+ 20.47% |
41,980 |
35,147 |
+ 19.44% |