กล่าวกันว่าวัตถุโบราณ ของเก่าขึ้นหิ้ง หรือสิ่งมีชีวิตที่ตากแดดตากลมอยู่คู่ชีวิตมีริ้วรอยจน L’oreal มิอาจฟื้นฟูหนังหน้าทั้ง 7 ประการได้ ยิ่งเคารพ ยิ่งบูชา ยิ่งกราบไหว้ จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่สำหรับรถยนต์ตกรุ่นไปแล้วนานกว่า 30 ปีมันน่าจะมีสถานะที่เป็นตรงกันข้ามกับย่อหน้าข้างบน ขึ้นชื่อว่ารถยนต์มันต้องมากับคำว่าเทคโนโลยี และคำว่าเทคโนโลยีมันต้องมาพร้อมกับคำว่าใหม่หรือนวตกรรม
ตลาดรถประเทศอินเดียก็พิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นแล้วว่ารถยนต์ตกรุ่น 20 ปีก็กลายเป็นรถขายดีได้มาแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อและยิ่งถ้าย้อนแค่ 7-8 ปีก่อนก่อยวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์และแนวโน้มตลาดประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้มาแรงเหมือนยุคนี้ เชื่อว่าแฟน ๆ ในวงการรถยนต์คงส่ายหน้าว่านี่คือแหล่งรวมรถตกรุ่น ตกพิมพ์เขียวที่ยังนำมาประกอบในประเทศนี้ที่เดียวเท่านั้น
สิ่งใด ๆ ล้วนอนิจจัง Maruti Suzuki เจ้าพ่อตลาดรถยนต์อินเดียที่ร่วมสร้างวัฒนธรรมเก็บกรุของเก่าไว้ตำนานจนมียอดขายสูงนั้นเริ่มยอมรับสภาพความเปลี่ยนสังคมโลกและการสื่อสารที่ฉับไวทั่วโลกส่งต่อมาถึงชาวอินเดียที่รวดเร็วขึ้นกว่าสมัยก่อนทำให้การรับรู้ข่าวสารรถใหม่ ๆ สะดวกขึ้น
ปัจจัยสำคัญอีกประการคือคู่แข่งในระดับผู้ท้าชิงเลือกนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของโลกมาผลิตทำตลาดและมีอายุขัยการทำตลาดไม่แตกต่างจากตลาดสากลโลกหรือถ้าจะลากขายยาวอย่างน้อยก็ไม่เกิน 15 ปีซึ่งน้อยรายที่จะลากขายได้ยาวเท่ากับ Maruti Suzuki
Maruti Suzuki ไม่อาจจะทนเป็นเป้านิ่งต่อไปได้จึงค่อย ๆ ปรับตัวเองนำรถยนต์ในตลาดโลกขึ้นสายพานตามนโยบายของ Suzuki Global โดยไม่กระทบต่อยอดขายรถทำเงินแม้แต่น้อย เพราะส่วนใหญ่รถใหม่เหล่านั้นกลับมียอดขายรถเก็บกรุที่ Maruti Suzuki ลากขายอยู่เสียอีก
การแข่งขันทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ ชาวอินเดียจึงได้เห็น Maruti Suzuki Wagon R เจเนเรชั่นที่ 4 แบบเดียวกับเวอร์ชันญี่ปุ่นส่งตรงมาถึงประเทศอินเดียแล้ว
Maruti Suzuki เปิดตัว Wagon R ครั้งแรกในปี 2001 ด้วยรูปโฉม Wagon R เจเนเรชั่นที่ 2 นับตั้งแต่นั้นก็มีลูกเล่นการปรับโฉมสารพัดเพื่อดึงความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา นับว่า Wagon R ในตลาดอินเดียประสบความสำเร็จอย่างสูงเพราะไม่มีค่ายไหนที่ตอบโจทย์รถเล็กแต่มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขวางได้เท่านี้มาก่อน ซึ่งมีแต่รถเคคาร์ Tall Boy เท่านั้นที่ทำได้
การเปิดตัว Maruti Suzuki Wagon R โฉมใหม่รุ่นปี 2010 ด้วยตัวถัง Wagon R เจเนเรชั่นล่าสุดที่เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นปี 2008 มาแล้วก็น่าจะสร้างความอิจฉา Small Car Lover ไม่น้อย
งานนี้ Maruti Suzuki ลงทุนออกแบบสร้างความแตกต่างจากตลาดญี่ปุ่นที่เด่นชัดที่สุดคือชุดไฟหน้าโตมโหฬารจนได้รับฉายาว่า Blue eyed Boy พร้อมกระจังหน้าทรงใหม่เพื่อให้ตรงกับรสนิยมชาวอินเดีย, บั้นท้ายถูกออกแบบไฟท้ายและฝากระโปรงท้ายใหม่
มิติตัวถังใหญ่กว่าเวอร์ชันญี่ปุ่นเล็กน้อยเท่านั้น ยาวแค่เพียง 3,595 มม. กว้าง 1,495 มม. และสูง 1,700 มม. ฐานล้อยังความยาวไว้ที่ 2,400 มม. เช่นเคย
ภายในห้องโดยสารยังคงรูปแบบชิ้นส่วนจากเวอร์ชันญี่ปุ่น แต่รายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งก็จงอย่าได้หาความสวยหรูเหมือนกันเลย รวมไปถึงการตกแต่งสีภายในห้องโดยสารต้องย่อมน่าใช้น้อยกว่าเวอร์ชันญี่ปุ่นอีกเช่นกันโดยเฉพาะรุ่นล่าง ๆ แต่สำหรับรุ่นบน ๆ ไปหน่อยก็จะตกแต่งและมีโทนสีใกล้เคียงกับเวอร์ชันญี่ปุ่นครับ
ติดตั้งเครื่องยนต์ตระกูล K-series ความจุกระบอกสูบ 998 ซีซี อัตราสิ้นเปลือง 18.9 กิโลเมตรต่อลิตรและรองรับน้ำมันแก๊ซโซฮอลล์ E10 ได้ด้วย
Maruti Suzuki ตั้งราคาพุ่งเข้าชนรถในระดับราคา 3 แสนกว่ารูปีไล่ตั้งแต่ 329-382 แสนรูปีคิดเป็นเงินไทยง่าย ๆ เพียงแค่ใส่หน่วยเป็นบาทเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอินเดียก็ถือว่าเป็นราคาสมเหตุสมผลทีเดียว