ถ้าผมสามารถเข้าไปบุกท่านประธาน Lotus นามว่า Mr. Mr.Dany Bahar เขย่าตัวท่านแล้วถามว่าทำไม Lotus ถึงบ้าระห่ำเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่ 5 รุ่นในงาน Paris Motorshow 2010 ชนิดสร้างความ Shock (ไม่ใช่ Shock Pinky แบบเด็กสาววัยสยามแน่นอน) จนทำให้ขากรรไกรผู้สื่อข่าวค้างในความบ้าระห่ำกล้ายกระดับแบรนด์ Lotus ไปสู่ระดับเดียวกับ Lamborghini และ Ferrari ให้จงได้

นอกเหนือจากภารกิจผลักดันแบรนด์รถสปอร์ต Lotus ให้นั่งอยู่ในระดับเทวดาแล้ว หน้าที่อีกสำคัญประการหนึ่งก็คือจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อมระดับล้ำหน้าเพื่อนำรถดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ตัวขายสำคัญเพื่อเจาะตลาดเศรษฐีรักสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงการแบ่งปันเทคโนโลยีนี้ให้แก่ Proton อีกด้วย

นั่นจึงถือกำเนิดของ Lotus City Car Concept รถยนต์ขนาด A-segment ขุมพลัง Hybrid และน่าจะใช้พื้นฐานแพลทฟอร์มและขุมพลังร่วมกับ Proto EMAS Concept ที่เคยอวดโฉมในงาน Geneva Motorshow 2010 อีกด้วย
ดีไซน์ตัวรถมาในแนวรถเล็กสปอร์ตโฉบเฉี่ยว นำลายเส้นของรถสปอร์ต Lotus ยุคใหม่มาเจือปนบ้างประปราย แต่ได้โปรดอย่าดูถูกรถเล็กคันนี้เด็ดขาดเพราะของดีอยู่ที่ขุมพลัง Hybrid ซิ่งทะลุโลกจนรถสปอร์ตคอมแพคท์บางคันต้องเหนียมอายกันบ้างล่ะ

ขุมพลังของรถ Hybrid คันนี้เป็นชนิด Series หรือเรียกอีกแบบหนึ่งก็คือรถไฟฟ้าที่สามารถขยายระยะทางได้ แต่ในเมื่อ Lotus ต้องการเรียกรถของตนว่า Hybrid เราก็ไม่ขัดศรัทธาครับ ขุมพลังของมันประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเหนือเพลาล้อหลังและติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน 3 สูบ 1.2 ลิตรรองรับ Flex Fuel ไว้ด้านหลัง ส่วนแบตเตอรี่ก็ถูกติดตั้งบริเวณห้องโดยสาร

สมรรถนะของมันสามารถรีดเค้นได้ถึง 220 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 24.24 กิโลกรัมเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 60 กรัมต่อกิโลเมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร
แต่กว่าจะให้เศรษฐีได้จับจองกันได้ก็จะต้องรอกันถึงปี 2014 เลยทีเดียว สารภาพตามตรงว่าถ้าราคาคันนี้เท่ากับ Aston Martin Cygnet รถคันนี้น่าสนใจกว่าเยอะเลยครับ