งาน Los Angelis Autoshow 2013 ในปีนี้เป็นงานที่จะต้องจัดชนกับงานแสดงรถยนต์
ระดับ Big Name พร้อมกันถึง 2 งาน ได้แก่ งานช้างอย่าง Tokyo Motorshow 2013
และงานแสดงรองลงมาคือ Guangzhou Autoshow 2013 แต่งานหนักของ LA Autoshow
คือการต้องไปประจันหน้ากับงาน Tokyo Motorshow เสียมากกว่า ส่วนงานแสดงรถที่จีน
ยังไม่มีรถไฮไลต์มากมายอย่างที่คิด
แต่ปีนี้โชคดีหน่อยตรงที่ผู้ผลิตรถสามารถจัดการลำดับให้ความสำคัญกับ LA Autoshow 2013 ใน
ระดับหนึ่ง หลายค่ายถึงกับต้องสร้างรถโปรโตไทป์สำหรับอวดโฉมกันแบบข้ามสองฟากโลกกันเลย
ทีเดียว คงจะมีเพียงค่ายรถญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะไม่ส่งท่านประธานมาเปิดบูธในปีนี้ เพียงแค่นั้นเอง
ดังนั้นสีสันในงาน LA Autoshow 2013 ปีนี้จึงยังมีความครึกครื้นให้ได้เห็นบ้าง
Cadillac
งานนี้ขอขน Cadillac Escalade เอสยูวันพันธุ์ยักษ์รุ่นใหม่ล่าสุดขวัญใจเจ้าพ่อ, มาเฟียและ
นักการค้าของดำ (ไม่ใช่ของดำสำหรับถวายพระราหู 10 อย่างแน่นอน) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย
เหล่านั้นได้มาสัมผัสและเตรียมตัวจับจองกันได้เลย บุคลิกตัวรถต้องบอกได้เลยว่าใหญ่และ
ยาวไม่ยำเกรงใครในโลกหล้า ถึงแม้มันจะเป็นฝาแฝดกับ Chevrolet Tahoe รุ่นใหม่ แต่นี่คือ
Cadillac มันก็รู้สึกว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างกันพอสมควร
ภายในห้องโดยสารถือว่าปฏิวัติ Cadillac Escalade การออกแบบภายในพอสมควร เพราะมัน
เริ่มไปสู่ความหรูหราและพรีเมี่ยมในแบบรถราคาแพงควรจะมีกัน คอนโซลหน้าโดดเด่นด้วยหน้าจอ
ระบบอินโฟเทนเมนต์ CUE ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมการตกแต่งด้วยลายไม้แท้ และระบบ
ไฟสร้างบรรยากาศรอบคัน
ขุมพลังที่ใช้ใน Escalade โฉมใหม่นี้ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน EcoTec3 แบบ V8 ขนาด 6.2 ลิตร
ที่สามารถสร้างกำลังได้ 420 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 623 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อกำลังผ่านล้อ
คู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และมีออพชั่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือกติดตั้งด้วยเช่นกัน
เห็นใหญ่ ๆ ไฮโซขนาดนี้ เขาก็กล้าอัดแน่นทัพเทคโนโลยีช่วยเหลือด้านความปลอดภัยแบบใหม่
ให้มากเป็นพิเศษ เริ่มต้นด้วยระบบถุงลมนิรภัยฝั่งด้านในเบาะหน้า ระบบเตือนมุมอับ ระบบช่วย
เบรกอัตโนมัติ เบาะนั่งพร้อมระบบสั่นเตือน ระบบป้องกันการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ ไปจนถึง
ระบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control และระบบ Automatic Collision Preparation
Chevrolet
เรามาดูกระบะฉลองครบรอบความแกร่ง 102 ปีกันดีกว่ากับ Chevrolet Colorado US Version
อย่าฟังชื่อแล้วเบือนหน้าหนีไปก่อนนะ เพราะหน้าตา Colorado ไม่เหมือนกับ Colorado บ้านเรา
ซะนิด ยกเว้นเรือนร่างโครงตัวถังที่เหมือนกับบ้านเราเป๊ะ
Chevrlet Colorado US Version ถึงจะใช้โครงสร้างตัวถังและกระบะหลักร่วมกับ Colorado
เมืองไทย แต่รายละเอียดร้อยละ 70% จะไม่เหมือนกับเมืองไทยเลยสักนิด เอาแค่ง่าย ๆ เลยเมื่อ
เรามองซุ้มล้อทั้งหมดก็ต่างกันพอสมควรเลย
ด้านหน้ามาในแบบ Chevrolet เจเนเรชั่นใหม่ที่มีความคมสัน, มีความเรียบ ๆ สไตล์อเมริกัน ส่วน
ภายในห้องโดยสารไม่มีชิ้นส่วนใดใช้ร่วมกับ Colorado เวอร์ชันไทยได้เลย แค่มองจากภาพก็รู้เลย
ว่าเอาใจตลาดอเมริกัน 100% เพราะดูหรูน้อยกว่าและดูหรรษาน้อยกว่าเมืองไทย
Chevrlet Colorado US Version มีเครื่องให้เลือก 2 เครื่อง ได้แก่เครื่อง 2.5 ลิตร 193 แรงม้า
แรงบิด 253 นิวตันเมตร ให้กำลังแรงบิดสูงถึง 90% ตั้งแต่รอบ 2,000 – 6,200 รอบ/นาที และ
เครื่องยนต์ 3.6 ลิตร 302 แรงม้า แรงบิด 366 นิวตันเมตร
ไม่แน่ใจว่า Chevrolet Colorado โฉมปรับปรุงจะมีหน้าตาที่ใกล้เคียงกว่านี้หรือไม่ เห็นทีต้องลุ้น!?
ไหน ๆ Cadillac เปิดตัว Escalade แล้ว Chevrolet ควรจะต้องเปิดตัวรถคู่แฝดของตัวเองบ้าง
นั่นก็คือ Chevrolet Suburban ตัวถังยาวและ Tahoe ซึ่งก็คือ Suburban เวอร์ชันท้ายสั้นกว่า
รูปร่างหน้าตาไม่ต้องเพ่งนาน ไม่ต้องคิดมากเพราะหน้าตามันเหมือนกัน ต่างกันที่ความยาวของ
ตัวถังเท่านั้น แต่ที่เด่นมาก ๆ คือโคมไฟหน้าทรงคล้ายสัญลักษณ์ ] ดูแปลก ๆ ดี
เห็นเป็นคู่แฝด Cadillac Escalade แต่อย่านึกว่าจะใช้ข้าวของร่วมกันเป็นอันขาดเพราะ รถคู่นี้
กลับติดตั้งเครื่องยนต์ V8 5.3 ลิตร ฉีดเชื้อเพลิงตรงติดตั้งเทคโนโลยีพักลูกสูบอัตโนมัติ 355 แรงม้า
แรงบิด 519 นิวตัน-เมตรจับคู่เกียร์อัตโนมัต 6 จังหวะ Hydra-Matic 6L80
Ford
มาดูเอสยูวีคันใหญ่คันนี้ถึงแม้ชื่อจะดูตกยุคใหม่ ก็ชื่อ Edge นี่มันเป็นเทคโนโลยีคมนาคมไร้สาย
2.75G ล้าหลังกว่า 3G/3.75G และ 4G ตั้งเยอะ!!!
เอาล่ะถ้าเราไม่เล่นมุขแล้วแปลความหมายชื่อ Ford Edge ตามพจนานุกรมแล้วล่ะก็มันจะมี
ความหมายว่า ความเฉียบคม และหานำไปประกบกับคำว่า cutting-edge ก็หมายความว่า
ความล้ำหน้า ล้ำสมัยอะไรทำนองนี้ และเมื่อมองตัวรถก็สมชื่อครับมีทั้งความคมและความล้ำ
แต่เรื่องความล้ำว่ากันไม่ได้เพราะมันคือ Ford Edge Concept รถต้นแบบก็ต้องล้ำเป็นธรรมดา
Ford Edge Concept เป็นเอสยูวีที่มีขนาดและภาพลักษณ์ที่เหนือกว่า Ford Escape หากใคร
ยังนึกไม่ออกอีกก็ลองคิดว่านะครับว่า Ford Edge ก็น่าจะเป็นขั้นหม่อมเจ้า ส่วน Ford Ecosport
ก็คงเป็นหม่อมหลวง อะไรทำนองนี้ นอกจากนี้ Ford ยังวางแผนให้ Edge รุ่นใหม่กลายเป็นรถ
ระดับโลกขายทั่วโลกแน่นอน
สไตลิ่งดูจะฉีกแนวไปจาก Ford Edge รุ่นเดิมและ Ford SUV หลายคันมากเพราะมันมีบั้นท้ายที่
สั้นพอสมควร สังเกตจากช่องกระจกโอเปร่าท้ายที่เล็กลีบดูเผิน ๆ คล้ายรถแฮทช์แบคไม่น้อย
จุดเด่นบันลือโลกนั่นก็คือ Ford ได้ติดตั้งระบบช่วยการขับขี่อัตโนมัติที่มีเซนเซอร์รอบคันคอยตรวจจับ
วัตถุเพื่อรองรับการช่วยเหลือที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยจอดที่รองรับการจอดแบบคู่
ขนานหรือหักศอก, เตือนการเปลี่ยนเลน, ระบบเบรกฉุกเฉิน, ระบบ Blind Spot
Ford Edge Concept คงใกล้จะแนะนำในเร็ววันนี้ แต่สำหรับเมืองไทยเห็นจะต้องพูดคำว่า Say No สวัสดี
GMC
ผ่านมาสองแฝดไปแล้วทั้ง Cadillac Escalade และ Chevrolet Tahoe/Suburban คราวนี้มา
ถึงแฝดที่สาม(แต่ไม่สยอง)กับ GMC Yukon และ Yukon XL ต่างกันที่ความยาวตัวถังเท่านั้น
เห็นแค่หน้าอย่าเพิ่งนึกว่า D-Max ตัวที่แล้วนะครับ ลองสังเกตดี ๆ ว่านี่คือ GMC ที่มีดีไซน์เป็นยุคใหม่
ไฟหน้าก็จะมีหยดย้อยบ้าง แต่ดูแล้วก็แอบทันสมัยไม่น้อยเลยทีเดียว
เครื่องยนต์กลไกไม่ต้องคิดมากยกมาจาก Chevrolet Tahoe/Suburban และ Cadillac Escalade
จับมารวมกัน ได้แก่เครื่อง V8 6.3 ลิตร 420 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 623 นิวตัน-เมตรและ
V8 5.3 ลิตร ฉีดเชื้อเพลิงตรงติดตั้งเทคโนโลยีพักลูกสูบอัตโนมัติ 355 แรงม้า แรงบิด 519 นิวตัน-เมตร
จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ฟีเจอร์หลายอย่างก็แทบจะเคาะเหมือนกับ Chevrolet Tahoe/Suburban และ Cadillac Escalade
โดยเฉพาะหน้าจอสัมผัส 8 นิ้วเพื่อความบันเทิงและข้อมูลข่าวสารนั้น GMC เขาก็ตั้งชื่อว่า IntelliLink
Honda
เอาจริง! ใช่ Honda เขาเอาจริง! กับตลาดรถ Fuel Cell อย่างแรงกล้าไม่แพ้ Toyota เช่นกัน
Honda ถึงกับส่งรถต้นแบบหน้าสุดล้ำ Honda FCEV Concept มาให้ชาวมะกันได้อวดโฉมกัน
ก่อนที่จะวางจำหน่ายจริงในปี 2015 เอาล่ะสิงานนี้ชนกับ Toyota FCEV ในปีเดียวกันเต็ม ๆ
หน้าตาตัวรถยังนึกไม่ออกเลยว่าเวอร์ชันคันขายจริงจะล้ำหลุดโลกกันแบบนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ
รถต้นแบบคันนี้ก็ยังเน้นหลักอากาศพลศาสตร์อย่างรุนแรงน่าดู
นวัตกรรมใหม่ที่ Honda ภูมิใจนำเสนอคือรถต้นแบบคันนี้จะติดตั้งขุมพลัง Fuel Cell เจเนเรชั่นใหม่
ไว้ภายในเนื้อที่ใต้ฝากระโปรงหน้าทั้งหมดซึ่งจะช่วยจัดสรรเนื้อที่ห้องโดยสารได้กว้างขวางและ
เหมาะสำหรับการพัฒนารถยนต์ในหลากรูปแบบขึ้น
Fuel Cell Stack แบบใหม่จะช่วยเพิ่มกำลังมากกว่า 60% แต่มีขนาดเล็กลง 33% เมื่อเทียบ
กับ Honda FCX Clarity มีระยะทางวิ่งสูงสุดมากกว่า 480 กิโลเมตร ใช้เวลาเติมก๊าซ
ให้เต็มภายใน 3 นาที
Jaguar
ถึงแม้ในช่วงนี้มีงานแสดงรถยนต์พร้อมกันถึง 3 งานชนกัน แต่สำหรับค่าย Jaguar ก็บ่ยั่น เพราะ
พวกเขา Control ได้เทพมาก พวกเขาจัดการส่งรถรุ่นใหม่อวดงาน Guangzhou Autoshow 2013
ด้วย C-X17 แบบใกล้เคียงคันผลิตจริงและส่ง F-Type Coupe เข้าโชว์พร้อมกันในงาน Tokyo
Motorshow 2013 และ LA Autoshow 2013
ดีไซน์โดยรวมไม่แตกต่างจาก Jaguar F-Type เวอร์ชันเปิดหลังคาที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้นมากนัก
แต่พอมีหลังคาก็ทำให้ตัวรถดู Smooth มากขึ้นเพราะมีแนวเส้นหลังคาที่สอดรับกับตัวถังและกระจก
บานท้ายที่ถูกเพิ่มเข้ามา
เครื่องยนต์ก็จัดเต็มด้วยเครื่องยนต์ 3 แบบได้แก่ V6 3.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ 340 แรงม้า (PS) มีอัตราเร่ง 0-100
กม./ชม. ภายใน 5.1 วินาที ในรุ่น F-Type มาตรฐาน V6 3.0 ลิตร 380 แรงม้า (PS) อัตราเร่ง
0-100 กม./ชม. ภายใน 4.8 วินาที ในรุ่น F-Type S และเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร 495 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.0 วินาทีในรุ่น F-Type R
Lexus
Lexus CT200h Minorchange ได้อวดโฉมหน้าสวย ๆ ทั้งงานใน Tokyo Motorshow 2013,
Guangzhou Motor Show และ LA Autoshow 2013 พร้อมกัน อันเป็นการประกาศศักดาว่า
Lexus ก็ยังไม่ทิ้ง CT200h แต่อย่างใด
จุดเด่นของ Lexus CT200h คือการยกหน้าใหม่ที่ดู Aggressive ไม่แพ้ Lexus IS Sedan กันเลย
ทีเดียว ยกเว้น DRL ทรงโลโก้รองเท้า Nike ที่ยังไม่ติดตั้งมาให้ อันนี้คงต้องให้รุ่นพี่ได้ใช้เสียก่อน
เดี๋ยวรุ่นน้องจะดูเด่นมากเกินไป ส่วนภายในห้องโดยสารก็จะเปลี่ยนแค่เกจ์วัดแสดงผลต่าง ๆ
และหน้าจอสีที่เป็นแบบยึดตายตัว (รุ่นก่อนจะพับได้) ส่วนขุมพลังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
Lincoln
Lincoln อยากจะเปิดหน้าใหม่ให้กับตลาดรถหรูด้วยการเปิดตัว Lincoln MKC เวอร์ชันขึ้นสายการ
ผลิตจริงเสียที กะจะกวาดตลาดเอสยูวีคอมแพคท์ระดับหรูที่เริ่มจะมีการเติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกา
ขึ้นเรื่อย ๆ เอาล่ะเรามาส่องคันจริงกันว่าแตกต่างจากเวอร์ชันต้นแบบยังไงกัน
Lincoln MKC เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงแตกต่างจากเวอร์ชันต้นแบบระดับหนึ่ง เอาเป็นว่ามันมี
ดีไซน์ด้านท้ายที่ใกล้เคียงกัน แต่คันจริงจะไม่ปราดเปรียวเฟี้ยวฟ้าวเท่าต้นแบบก็แค่นั้นเอง ฝากระโปรง
นำเทรนด์ใหม่แบบเดียวกับ Citroen C4 Picasso คือฝังไฟท้ายลงในฝากระโปรงท้ายเต็ม ๆ
ขุมพลังก็ยกมาจาก Ford Escape โฉมใหม่ที่ทำตลาดในอเมริกา (แต่ไม่ทำตลาดในไทย) ด้วย
เครื่องยนต์เทคโนโลยี Ecoboost 2.3 ลิตร 275 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 406 นิวตันเมตรที่
3,000 รอบ/นาที แต่ถ้าใครอยากจะสวย เริด เชิด หยิ่งในราคาประหยัดก็จงเลือกเครื่อง
Ecoboost 2.0 ลิตร 240 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 366 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที
จุดขายสำคัญของมันคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ระบบจะช่วยปรับแดมเปอร์ตามโหมด 3 โหมด
ได้แก่ Sport, Comfort, Normal พร้อมใช้กล้อง CCD จับสภาพถนนเพื่อให้ระบบเปลี่ยนแปลง
ช่วงล่างให้เหมาะสมภายในไม่ถึง 20 มิลลิวินาที
Lincoln ค่อนข้างหวังกับเอสยูวีหรูคันนี้พอสมควร
Mini
หนึ่งในไฮไลต์ที่สำคัญในงานนี้คือการอวดโฉม All New Mini เจเนเรชั่นใหม่ คุณล่ะคาดหวังความ
ใหม่อะไรจาก Mini คันนี้ คุณคงหวังได้ในหลาย ๆ เรื่องอยู่ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่มีการพัฒนาไป
ในทางทันสมัยขึ้นด้วยการใช้ไฟ LED อ้อ เครื่องยนต์กลไกไม่ต้องพูดถึงมันใหม่จริงอะไรจริงแน่นอน
แต่ถ้าจะให้พลิกโฉมรูปลักษณ์ชนิดที่จำของเดิมไม่ได้คงจะยากมากทีเดียว
Mini เจเนเรชั่นใหม่จะได้แรงบันดาลใจงานออกแบบจากรถต้นแบบ Mini Rocketman ไม่น้อย
ขนาดตัวถังยังคงมีความกะทัดรัดเหมือนเช่นเคย ภายในห้องโดยสารต้องบอกได้เลยว่ามีกลิ่นของ
ความทันสมัยมากกว่าความย้อนยุคพอสมควร ในเมื่อทุกอย่างต้องเดินหน้าจึงได้ย้ายแผงมาตรวัด
ความเร็วมาอยู่หลังพวงมาลัยแทน แล้วปล่อยให้จอกลมตรงกลางติดตั้งหน้าจอสีแบบสัมผัสได้แทน
หากใครคิดถึงภายในที่เห็นสีตัวรถภายนอกเห็นทีจะต้องซื้อรุ่นเก่าเท่านั้น
Mini Cooper จะติดตั้งเครื่องยนต์บล็อก 3 สูบ 1.5 ลิตร 134 แรงม้า (BHP) ที่ 4,500 – 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 219 นิวตันเมตร (หาก overboost ก็จะมีแรงบิดถึง 230 นิวตันเมตร)ที่ 1,250 รอบ/นาที
ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.4 วินาทีในเกียร์ธรรมดา ภายใน 7.3 วินาทีในเกียร์อัตโนมัติ
Mini Cooper S ติดตั้งเครื่อง 4 สูบ 2.0 ลิตร 189 แรงม้า (BHP) ที่ 4,700 -6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,250 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.5
วินาทีในเกียร์ธรรมดา ภายใน 6.4 วินาทีในเกียร์อัตโนมัติ
และฟีเจอร์ยอดฮิตที่จะต้องติดมาในรถพรีเมี่ยมทุกวันนี้คือระบบ Dynamic Damper Control
ปรับแดมเปอร์ตามสภาพถนน
Mini รุ่นใหม่อีกไม่นานน่าจะมาไทย
Nissan
เล่นเอาซะงงเมื่อ Nissan จับเรือนร่าง Sentra/Sylphy มาสวมวิญญาณซิ่ง Nismo กันหน้าตาเฉย
ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือเป็นการขยายซับแบรนด์ Nismo ให้มีลักษณะคล้าย ๆ กับ AMG ของ
ฝั่ง Mercedes-Benz ไม่น้อยเลย ดังนั้น ถ้ารถตลาดหลายรุ่นจะสวม Nismo ก็คงจะไม่แปลกใจอะไรมากนัก
หน้าตาถือว่า Nismo พยายาม Keep Look ของความเป็น Sentra รุ่นใหม่คือ ไม่ซิ่งสปอร์ตมาก
แต่ก็ไม่ได้ดูคล้ายรุ่นดั้งเดิมจนมากเกินไป ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ใต้ฝากระโปรงนั่นก็คือเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
ฉีดเชื้อเพลิงตรงเทอร์โบชาร์จ DIG-T ที่ผ่านการจูนจาก Nismo จนได้กำลังมากกว่า 240 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 325 นิวตันเมตรจับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและ Limited Slip
Sylphy บ้านเราอยากจะซิ่งกันไหม?
Porsche
บูธ Porsche ปีนี้แค่เปิดตัวรถออกมาก็สามารถฆ่าบูธอื่นให้ตายได้ด้วย Porsche Macan เอสยูวี
คอมแพคท์ที่เล็กกว่า Cayenne งานนี้บรรดาไฮโซทั่วโลกต่างพากันจ้องตาเขม็งไม่น้อย ก็แน่นอน
ว่าบรรดาผู้มีอันจะกินในเมืองไทยคงต้องไม่พลาดที่จะได้เป็นเจ้าของ Macan หรือไอ้เจ้าเสือน้อย
รูปลักษณ์คือจุดขายของมันเพราะรู้เลยว่า Porsche พยายามนำ DNA แบบรถสปอร์ตของตัวเอง
มาจับใส่กับรถคันนี้มากกว่า Cayenne เสียอีก ภายในห้องโดยสารถ้าไม่บอกว่าเป็นเอสยูวีก็
คงนึกว่ารถสปอร์ตกันเลยทีเดียว พร้อมชูจุดเด่นฟีเจอร์ระบบ Porsche Traction Management
(PTM) ช่วยให้รถผลิตระบบขับเคลื่อนที่เต็มไปด้วยพละกำลัง
Porsche Macan ทำตลาดด้วย 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Macan S ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V6
ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบคู่
ให้กำลัง 340 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสู
งสุด 460 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,450 ถึง 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อผ่าน
ระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ PDK แบบ 7 จังหวะ
อีกรุ่นหนึ่งคือ Macan Diesel นำเอาขุมพลัง
ดีเซลแบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบมาติดตั้ง จนสามารถสร้างกำลังได้ 258 แรงม้า
ที่รอบ 4,000 ถึง 4,250 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 580 นิวตัน-เมตรที่ 1,750 ถึง 2,500 รอบ/นาที
ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ PDK 7 จังหวะเช่นเดียวกัน
Subaru
แปลกมาก! ปีนี้แปลกมากที่ Subaru มีไฮไลต์รถรุ่นใหม่และรถต้นแบบสำคัญมาอวดโฉมในงาน
LA Autoshow 2013 โดยไม่ทิ้งไฮไลต์สำคัญในงาน Tokyo Motorshow 2013 อีกด้วย
แต่เมื่อดูยอดขาย Subaru ในตลาดสหรัฐอเมริกาแล้วก็คงไม่แปลกใจนักว่าทำไม Subaru
ถึงให้ความสำคัญกับตลาดนี้เป็นอย่างมาก
Subaru Legacy Concept 2013 ที่ผู้เขียนต้องใส่เลข 2013 เพราะ Subaru เคยเล่นมุข
Legacy Concept ในปี 2009 มาก่อนแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไม Subaru ถึงตั้งชื่อ Legacy Concept
ซ้ำกันอีกครั้ง
ดีไซน์ทั้งหมดจะแสดงให้เห็นถึงทิศทางการออกแบบ Subaru Legacy Sedan ตัวถัดไปซึ่งก็
เฟี้ยวฟ้าวทั้งสัดส่วนตัวถังและเส้นสายบนตัวถัง ไฟท้าย, กระจังหน้าและไฟท้ายคือสัญลักษณ์
ที่แสดงออกได้ชัดเจนว่านี่แหล่ะคือ Subaru ยุคใหม่
ดังนั้น พวกเราจึงควรทำใจเป็นกลางแล้วรอ Legacy โฉมใหม่ตัวจริงปีหน้าดีกว่า
ส่วนอีกคันหนึ่งคือ Subaru WRX เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริง งานนี้ไม่ต้องคิดมากเพราะมัน
คือ Impreza Sedan ที่ดัดแปลงตัวถังใหม่นั่นเอง ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรสูบนอน Boxer
ฉีดตรง เทอร์โบแบบ Twin Scroll พร้อมวาล์วแปรผันพิเศษ(D-AVCS) กำลังอัดสูงมากที่
10.6:1 ให้กำลัง 268 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 349 นิวตันเมตรที่
2,000 – 5,200 รอบ/นาที
บ้านเราน่าจะพอมีลุ้น
———–