Lexus IS F ถือเป็นรุ่นสมรรถนะสูงบนพื้นฐานของ Lexus IS รุ่นปัจจุบัน ที่เล็กซัสหมายส่งไปต่อกร
กับตัวแรงของคู่แข่งตัวฉกาจ ไม่ว่าจะเป็น BMW M3 หรือ Mercedes-Benz C63 ที่กอบโกยและสร้าง
ชื่อในหมู่ลูกค้ารถยนต์พรีเมี่ยมที่ต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้นจนโดดเด่น
IS F รุ่นแรก มาพร้อมกับขุมพลังเบนซินแบบ V8 ความจุ 5.0 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศช่วย ซึ่งเป็นขุมพลัง
เดียวกันกับที่ใช้ใน LS 600h รถยนต์เรือธงรุ่นพี่ สร้างแรงม้าได้ 416 แรงม้า และแรงบิด 503 นิวตัน-เมตร
จนสามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้เพียง 4.6 วินาที
แต่เทรนด์เครื่องยนต์ปัจจุบัน กลับพึ่งพาระบบอัดอากาศมากกว่าเดิม จนทำให้สร้างแรงบิดในรอบต่ำ
และกำลังที่สูงกว่า รวมถึงเพิ่มความประหยัดน้ำมัน ซึ่ง BMW เองได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะถอดขุมพลัง
เบนซิน V8 ไร้ระบบอัดอากาศทิ้ง เลือกใส่เครื่องยนต์ 6 สูบพร้อมเทอร์โบใน M3 รุ่นใหม่แทน รวมไปถึง
Mercedes-Benz ที่ประกาศออกมาเช่นกันว่าจะเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 5.5 ลิตร เทอร์โบคู่ มาใส่ใน C63
แทนเครื่องยนต์เดิม
ดังนั้นจึงเป็นการเหมาะสมที่ IS F รุ่นต่อไป จะหันมาใช้เครื่องยนต์ลดกระบอกสูบ และเพิ่มระบบอัดอากาศ
แทน เพื่อสร้างแรงม้าในระดับ 450 แรงม้าได้เทียบเคียงกับคู่แข่ง ซึ่งผู้บริหารของเล็กซัสได้ให้ความเห็นใน
เรื่องนี้อย่างสั้นๆว่า ค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวทางนี้เพราะมีข้อดีมากขึ้นแทบจะในทุกๆด้าน ที่สำคัญคือการลงข้อตกลง
ในความร่วมมือระหว่าง BMW และ Toyota ในเร็วๆนี้ จึงเป็นไปได้หรือไม่ที่ Toyota จะหยิบยืมเครื่องยนต์
จาก BMW มาใส่ใน IS F รุ่นใหม่ แบบที่เคยทำกับแบรนด์ Subaru และ Toyota 86 มาแล้ว? เรื่องนี้จะชัด
เจนมากขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้าเมื่อ Lexus IS F รุ่นใหม่เปิดตัวขึ้นครับ