6 มกราคม 2015 ณ เมือง Torrance มลรัฐ California มีการแจก F กันถ้วนหน้า
แต่ F แบบนี้นักเรียนนักศึกษาไม่โอด เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้อสอบมิดเทอร์มหรอก แล้วก็
ไม่ใช่ F-Word ที่เอาไว้สรรเสริญพวกขับช้าในเลนรถเร็ว แต่เป็น F ที่เกี่ยวข้องกับความแรง
เร็ว และโหด ซึ่งเปรียบได้กับพรมแดนใหม่ที่อยู่เลยแม่น้ำทาคุมิไปค่อนข้างไกล ที่ผ่านมา
Lexus เคยส่งตัวแทนแห่งดวงจันทร์ไปลงทัณฑ์คู่แข่ง ข้ามพรมแดนแห่งความหรูเรียบเงียบจืด
นี้มาแล้วด้วย IS-F เจนเนอเรชั่นก่อนซึ่งยังแพ้ตัวแทนจากเยอรมันอยู่ในบางด้าน และ LF-A
ซึ่งเรียกเสียงซู้ดปากจากคนทั้งโลกได้อย่างจริงจัง แต่น้อยคนในโลกนี้จะได้เป็นเจ้าของ
หลังจากเรียกน้ำย่อยด้วย Lexus RC F Coupe แล้ว Lexus ส่งสารบอกให้โลกรู้ว่ามาครั้งนี้
พวกเขาจะเอาจริงกับการสร้าง Performance Line รุ่น “F” ซึ่งจะถูกปั้นให้มีดีกรีเทียบเท่า
กับ Mercedes-AMG, M-Division ของ BMW และ S-Line กับ RS ของ Audi ดังนั้น
การแจก F ครั้งที่สอง จึงตามมาด้วยซาลูนหรู อย่าง GS F ที่ท่านเห็นอยู่นี้
แน่นอนครับว่าคนซื้อซาลูนพลังสูงคงไม่มานั่งถามหรอกว่ามีโหมด Eco ไหม มีปุ่มสตาร์ทไหม
คุณอยากรู้มากกว่าว่า GS F จะต่างจาก GS350 F Sport ยังไง มันต้องเริ่มกันที่เครื่องยนต์
ขอยืนยันโดยข้อมูลทางการจาก Lexus Press เองเลยแล้วกันว่าเป็นเครื่อง V8 5.0 ลิตร
ไม่สนเทอร์โบ และไม่ง้อมอเตอร์ไฮบริด มันคือเครื่องตัวเดียวกับ RC F นั่นเอง โดยแรงม้า
สูงสุดอยู่ที่ 467 แรงม้า (hp) ที่ 7,100 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 527Nm ที่ 4,800-
5,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังจากเครื่องไปยังเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ลงสู่ล้อหลัง
มีการติดตั้งระบบเฟืองท้ายแบบ Torque Vectoring Differential ซึ่งมีคุณสมบัติในการ
ควบคุมแรงที่ส่งไปยังล้อแต่ละข้างด้วยเบรก/กลไก โดยผู้ขับสามารถเลือกโหมดการทำงาน
ของเจ้าระบบ “TVD” และลักษณะการตอบสนองของตัวรถได้ 3 แบบ ดังนี้
1. Standard – สำหรับการขับขี่ทั่วไปที่บาลานซ์ระหว่างความมั่นใจและคล่องตัว
2. Slalom – ให้ความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวที่ว่องไวขึ้น ขับเร็วๆแล้วสนุกขึ้น
3. Track – เทความสำคัญสูงสุดให้กับการทำความเร็วสูงๆในการขับบนสนามแข่ง
น้ำหนักตัวรถของ GS F อยู่ที่ 1,830 ก.ก. ล้อและยางมีขนาดใกล้เคียงคู่แข่ง โดยที่
ด้านหน้าจะใช้ยาง 255/35 ขอบ 19 นิ้ว ส่วนยางหลังจะเป็นขนาด 275/35 ขอบ 19
เช่นกัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ Lexus ประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนทราบคือเครื่องยนต์ ซึ่งนอกจาก
จะมีความแรงเป็นอันดับต้นๆเท่าที่ Lexus เคยทำใส่รถยนต์นั่งมาแล้ว ยังสามารถ
ทำงานได้ทั้งในแบบ Otto-Cycle และ Atkinson-Cycle หรือพูดภาษานักเลงรถง่ายๆ
ก็คือเครื่องนี้สามารถทำงานในแบบเครื่องเบนซินทั่วไปก็ได้ และสามารถทำงาน
เน้นประหยัดโดยเปิดวาล์วไอดีให้ลูกสูบเตะไอดีกลับออกเพื่อลดแรงต้านการเคลื่อน
ของลูกสูบและช่วยให้ประหยัดน้ำมัน (แบบเครื่องเบนซินของ Prius) ก็ได้ ..
แต่ที่เลือกเอามาเขียนไว้ข้างหลังนี้เพราะ..รู้กันอยู่ มีกี่คนกันอ่านข่าวสปอร์ตซาลูน
แล้วเลิ่กลั่กรีบมองหา Atkinson Cycle?
การเผยโฉมอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นวันที่ 13 มกราคม 2015 ในงาน Detroit
แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคใดๆอีกแล้ว รอลุ้นตัวเลขสมรรถณะและ
ภาพภายนอกกับภายในแบบครบๆกันเท่านั้นเลย! มารอชมกัน
บทวิเคราะห์เพิ่มเติมจากผู้เขียน
1. ในตลาด Performance Saloon เวลานี้ น่าจะเหลือ Lexus เพียงเจ้าเดียว
ที่ยังยืนยันจะยืนหยัดใช้เครื่องหายใจเอง (NA) เพราะเจ้าอื่นเลือกคบเทอร์โบ
หรือไม่ก็ซูเปอร์ชาร์จหมดแล้ว ดังนั้นนักเลงรถที่นิยมเสียง V8 ลั่นๆอาจชอบ
สไตล์ GS F ซึ่งน่าตลกดีในเมื่อ Lexus มักเน้นขายรถที่เงียบสงบ สันติ มาตลอด
นับตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้
2. แต่ในเรื่องสมรรถณะ Lexus ก็แบกความเสี่ยงจากการโดนเมินเช่นกัน
เพราะใครก็ตามที่ซื้อสปอร์ตซาลูน มีแนวโน้มจะเสพติดม้าหลายร้อยตัว
และในบรรดาคู่แข่งนั้น ม้า 467 ตัวของ GS F นั้นน้อยกว่า E63 AMG
อยู่ถึง 90 ตัว และแรงบิดน้อยกว่ากันเกือบ 200Nm ยังไม่นับรถอย่าง
M5 ซึ่งก็เป็น V8 เทอร์โบม้าเกินครึ่งพันเช่นกัน Lexus จะต้องมีจุดเด่นมากว่า
การเป็นรถ NA ที่ปั่นรอบได้สูงกว่าชาวบ้านในระดับเดียวกัน ไม่งั้นอาจ
สร้างยอดขายได้ไม่มากอย่างที่คิด..ต้องรอดูว่าราชาติกับความสุขได้ที่หลังขับ
จะดีสมกับที่ประชาสัมพันธ์ไว้หรือไม่
ภาพ/ข้อมูล: Lexus Global