เป็นอีกหนึ่ง โครงการ ที่ผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ เฝ้าจับตามอง สำหรับ Land Rover LRX
Cross Over SUV สายพันธู์ใหม่ ที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตรถยนต์ออฟโรด ระดับพรีเมียม ที่เพิ่งถูก
เจ้าของเก่าอย่าง Ford ขายให้กับกลุ่ม Tata Motors จากอินเดีย ไปหมาดๆ เมื่อปีก่อนๆ กำลังมุ่งหน้า
มาเอาใจนักขับรุ่นใหม่ๆ มากยิ่งกว่าเก่า
ภาพถ่ายชุดล่าสุด โดย SB-Median ที่ถูกนำออกเผยแพร่ผ่าน Worldcarfans.com เผยให้เห็นว่า เส้นสาย
ของตัวรถ แทบจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเวอร์ชันต้นแบบ ซึ่งออกสู่สายตาชาวโลก เมื่อ 2 ปีก่อน เลยแต่อย่างใด
LandRover เคยบอกกับสื่อมวลชนว่า พกเขาหมายมั่นปั้นมือให้รถรุ่นนี้ มีบุคลิกเป็นตัวของตัวเองคล้ายๆกับ
แนวทางที่จะพบได้ MINI หากแต่ มีกลิ่นอายความเป็น Land Rover ยุคใหม่ อัดแน่นไว้ เต็มพิกัด
ขนาดของตัวรถ ที่เล็ก จะทำให้ LRX ใหม่ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มตลาด C-Segment CrossOver SUV ร่วมกันกับ
Nisan Qashqai/Dualis แต่ที่น่าจับตามองก็คือ LRX จะถือเป็น LandRover คันแรก ซึ่งใช้พื้นตัวถัง หรือ
Platform สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งนั่นหมายความ่าจะมี รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าให้เลือกด้วยอย่างแน่นอน
เครื่องยนต์ที่จะวางลงใน LRX นั้น จะมี 2 ขนาด ทั้งแบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ที่มีเป้าหมายในการ
ลดค่าการป่อยไอเสีย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้เหลือเพียง 130 กรัม/กิโลเมตร ในรุ่นขับล้อหน้า และเหลือ
140 กรัม/กิโลเมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ นอกจากนี้ จะยังมีเครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.2 ลิตร
Commonrail Turbo 185 แรงม้า (BHP) จากกลุ่ม PSA Peugeot Citroen มาประจำการให้อีกด้วย!
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า พื้นที่กระจกหน้าต่างรอบคันนั้น ค่อนข้างตีบตัน จากความตั้งใจในการสร้างบุคลิก
อันแตกต่างอย่างโดดเด่น และนั่นอาจจะทำให้ บรรยากาศในการขับขี่รถคันนี้ มีแนวโน้มว่า จะเกิดความอึดอัด
ไม่แพ้ Audi TT หรือ Volkswagen Scirocco อยู่พอสมควรเหมือนกัน อีกทั้งบานกระจกของประตูห้องเก็บ
สัมภาระด้านหลัง มีขนาดค่อนข้างเล็กมากกว่ารถแบบท้ายตัด Hatchback ทั่วๆไป อาจก่อปัญหาด้านทัศนวิสัย
ให้แก่ผู้ขับขี่ได้ไม่น้อยเหมือนกัน
LandRover มีแผนจะเปิดตัว LRX เวอร์ชันจำหน่ายจริง บนเวทีในงาน Paris Motor Show เดือนกันยายนนี้
ก่อนจะเริ่มทะยอยบุกตลาดยุโรป เป็นประเดิม จากนั้น ตามด้วยตลาดอังกฤษ ภายในช่วงสิ้นปีนี้ แล้วจึงเริ่ม
ทะยอยไปเปิดตัว ในตลาดต่างๆ ต่อไป ซึ่งยังไม่แน่ใจว่า ผู้จำหน่ายรายใหม่ในบ้านเรา คือ British Motor
จะพร้อมสั่งนำเข้ารถรุ่นนี้ มาเอาใจเศรษฐีวัยรุ่นยุคใหม่กันหรือเปล่า? เพราะแค่ราคาขายที่คาดหมายกันนั้น
รุ่นขับล้อหน้า ก็จะมีราคาค่อนข้างแพง ไปหยุดที่ 34,500 ยูโร ในรุ่นขับล้อหน้า และ 40,500 ยูโร ในรุ่น
ขับเคลื่อน 4 ล้อ อยากรู้ว่าเท่าไหร่ ก็คูน 40-42 บาท เข้าไปดูแล้วกัน
———————————————-///———————————————–