คำว่า “Genesis” นั้น เมื่อผมลองนำไปกดๆหาความหมายในบรรดาพจนานุกรมออนไลน์แล้วก็ได้ความว่ามันคือ origin, beginning, creation (ต้นกำเนิด, การเริ่มต้น, การสร้าง) ซึ่งในเมื่อคำนี้ถูกนำมาใช้กับรถ ย่อมจะต้องมีความหมายลึกๆแฝงอยู่ในนั้น เพราะ Hyundai ยักษ์ใหญ่แห่งเกาหลีเลือกคำว่า Genesis มาใส่ให้กับรถของตัวเองสองรุ่น และทั้งสองคันต่างก็เป็นรถที่เปรียบได้กับ “การเกิดใหม่” ใน “เซกเมนต์ใหม่” ที่รถเกาหลีไม่เคยเข้าไปถึงมาก่อน
Genesis Sedan เป็นหัวหอกแรกในการนำ Hyundai เข้าสู่ตลาดรถยนต์ระดับหรูหราที่มีขนาดตัวใหญ่ ใช้เครื่องยนต์กำลังสูง และขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งเปรียบเสมือนกับการย่างเข้าไปในดงนักเลงที่มีแต่คู่แข่งเจนสนามรออยู่ไม่ว่าจะเป็น Lexus, BMW, Mercedes และ Infiniti โดยในระยะแรกนั้นไม่มีใครคาดคิดว่ารถรุ่นนี้จะประสบความสำเร็จไปถึงขนาดคว้ารางวัล North American Car of The Year 2008 ได้
นี่คือหน้าตาของ Genesis Sedan แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นขุนศึกทะลวงไส้ไปได้ ถ้าให้ผมเดา มันคงเป็นเพราะการนำเสนอตัวรถที่มีเทคนิคด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง และทางเลือกของเครื่องยนต์ที่มีรุ่น V8 4.6 ลิตรบล็อค Tau ที่ให้กำลังม้าปาเข้าไป 375 ตัว แถมฟีลลิ่งที่ได้จากการขับขี่ก็ทำได้เหนือความคาดหมายนักทดสอบ (แม้ว่าจะไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่ง) และถ้าเป็นเมื่อก่อน เรามอง Hyundai กันว่ามันคือรถยนต์ธรรมดา สำหรับคนธรรมดา ให้การขับขี่ที่ธรรมดา กับหน้าตาที่แสนจะธรรมดา มีไม่ธรรมดาอย่างเดียวคือราคาที่ถูก
แต่ในครั้งนี้ Hyundai จะทำรถที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมีหน้าตาไม่ธรรมดา เรี่ยวแรงไม่ธรรมดา และมาในราคาที่คนธรรมดาซื้อแล้วจะยิ้ม ซึ่งนี่ยังไม่นับแคมเปญการตลาดทุบหม้อข้าวหม้อแกงลิงของ Hyundai USA ที่ยอมผ่อนให้ฟรี 3 เดือนในกรณีที่คุณซื้อรถไปแล้วตกงาน หรือถ้าคุณไม่อยากใช้มันต่อ Hyundai ก็จะซื้อรถคันนั้นคืน แม้จะมีเงื่อนไขที่ลึกไปกว่านั้น แต่ในยุคที่หาความแน่นอนไม่ได้ มีบางคนที่ยอมเลิกยึดติดกับแบรนด์โปรด เพื่อลองมาชิมเนื้อย่างเกาหลีดูบ้างเหมือนกัน
หลังจากที่ปล่อยรุ่นซีดานลงตลาดบ้านตัวเอง และปีนกำแพงเข้าโจมตีข้าศึกในเมืองลุงแซมมาแล้ว ก็ได้เวลาที่จะเปิดตัว Genesis Coupe ตามมาสักที และในวันที่ 13 ตุลาคมปีที่แล้ว Hyundai ก็นำมันลงสู่ตลาดที่บ้านเกิด
จากนั้นก็นำมาบุกเป็นระลอกสองต่อจากรุ่นซีดาน ที่อเมริกา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เองครับ
นิตยสารรถแต่งของอเมริกาชื่อ Sport Compact เคยกล่าวถึงแนวโน้มของรถยนต์และวงการมอเตอร์สปอร์ตไว้ในบทความหนึ่ง โดยมีใจความสรุปได้ว่า ใครก็ตามที่ชอบรถขับเคลื่อนล้อหลังที่ขนาดตัวไม่ใหญ่นัก และดริฟท์ได้สนุก ก็คงกำลังหมดหวังกับรถจากฟากญี่ปุ่น เพราะหลังจากยุคของ 240SX (S14 ในอเมริกา) ก็ไม่มีรถขับหลังราคาถูกๆมาให้ยำเล่นอีกเลย 350Z หรือ Infiniti ก็เป็นรถที่ราคาแพงเกินกว่าคนวัยเพิ่งจบจะซื้อได้
บทความนั้นไม่มีอะไรมาสะดุดใจผมเท่ากับประโยคที่ว่า “If you’re looking for a cheap RWD thrill, you’ll be looking to nowhere but Korean” (ถ้าจะมองหารถขับหลังที่ขับมันส์ๆ ก็ให้จับตาดูรถจากเกาหลีไว้)
นี่คือหนังสือที่พิมพ์ขายในปี 2007 และหลังจากอ่านประโยคนั้นจบ ผมก็นั่งหัวเราะในลำคออยู่ในส้วมของออฟฟิศ “เกาหลีน่ะเหรอวะ”
ผ่านมาได้ปีกว่า ผมรู้แล้วว่าคนเขียนบทความนั่นรู้อะไรหลายอย่างที่ผมไม่ได้คาดคิดไว้ว่าจะมาจากผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลี
เรื่องของเรื่องคือ John Krafcik, CEO และประธาน Hyundai ฝั่งอเมริกา คิดมาก่อนแล้วว่าแม้คนอเมริกันทุกวันนี้จะมีอคติกับแบรนด์เกาหลีน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจขาลงที่คนส่วนมากจะกังวลมากกว่าปกติเมื่อต้องเจียด เงินก้อนใหญ่ซื้อรถ Hyundai เป็นแบรนด์ที่คนส่วนมากมักจะนึกถึงในแง่ของการเป็นรถที่ “ใช้การได้” และ “คุ้มเมื่อเทียบกับราคา”
แต่ไม่เคยมีใครนึกถึง Hyundai ในฐานะรถที่ขับสนุกมาก่อน จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนนี้ Hyundai ก็มีรถอย่าง Tiburon (ซึ่งในไทยคือรุ่น Coupe) ที่มีเครื่องยนต์ 2.7ลิตร V6 เกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เล่น แต่มันไม่ใช่รถที่เร็วที่สุดในคลาส เครื่อง V6 ยังไม่ถือว่าจัดจ้านสะใจ และที่สำคัญก็คือความที่มันเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งโอเคคนบางกลุ่มยอมรับได้ แต่ถ้าให้พูดกันจริงๆคนที่ชอบรถที่ขับสนุกแบบมีอาการพยศ มันต้องเป็นรถขับหลัง
Hyundai Genesis Coupe ขณะนี้ขึ้นสายผลิตที่เมือง Ulsanในเกาหลีใต้ และยังไม่เห็นวี่แววของพวงมาลัยขวา ในบ้านเกิดตัวเองนั้น มันกลายเป็นรถท้อปฮิตติดใจบรรดาโฮจุนเท้าหนักไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนในอเมริกานั้นยิ่งน่าจับตามองกว่าเพราะ John Krafcik คิดแผนการตลาดเอาได้อย่างน่ากลัว
เมื่อถูกถามว่า Genesis Coupe จะวางตำแหน่งไปแข่งกับรถคันไหน..คำตอบที่ได้ก็คือ “Infiniti G37” หรือ Skyline Coupe ของ Nissan นั่นเอง ช่างเป็นก้าวที่กล้าจนอาจจะดูเวอร์สำหรับค่ายที่เพิ่งทำรถคูเป้ขับหลังพลังแรงเป็นครั้งแรกในชีวิต
แล้ว 370Z ล่ะ? คงไม่ เพราะ Hyundai มองว่า Z มีตลาดที่เป็นสปอร์ตอย่างดิบเกินไป พวกเขาต้องการรถที่สามารถขับในชีวิตประจำวันได้ แม่บ้านขับไปซูเปอร์มาร์เก็ตได้ และพ่อบ้านขับไปดริฟท์เล่นที่สนามแข่งแถวบ้านได้ ซึ่งตลาดรถยนต์ระดับนี้ในอเมริกามีรถให้เลือกนับนิ้วได้เลย นอกจาก Infiniti ก็คงมีแค่ Mustang และอีกหน่อยอาจจะจอยด้วย Camaro
ซึ่งกลุ่มตลาดที่ว่านี้ก็คือรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังที่ขับสนุก มีรูปทรงที่เตะตา (บางคันเตะยายด้วย) มีหนทางให้โมดิฟายต่อเพื่อนำไปใช้ในการแข่งขันได้ และที่สำคัญคือราคาต้องถูก ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อไม่ต้องคิดมากเวลากระโดดจับ
Genesis Coupe ที่ลงขายในอเมริกา มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ และมีระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันอยู่ 3 แบบ ซึ่งสามารถเลือกให้เหมาะสมได้ทั้งสำหรับแม่บ้านเท้าหนักรักสบาย ไปจนถึงหนุ่มบ้าพลังที่ชอบนั่งปั่นโดนัทเล่นตามลานจอดรถ เบิร์นยางเล่นตามงานมีตติ้ง Race club
เรามาดูขุมพลังตัวแรกกันดีกว่าครับ
บล็อค Theta
นี่เป็นเครื่องยนต์รุ่นที่นำมาใช้ใน Genesis Coupe เป็นครั้งแรกและน่าจะเป็นเครื่องยนต์ตัวโปรดของบรรดาคอโมดิฟาย
เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง อัลลอยทั้งเสื้อสูบและฝาสูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร 16วาล์วที่มีชื่อทางการตลาดว่า “RS Turbo” นี้มาพร้อมกับแค็มแปรผันทั้งฝั่งไอดี และไอเสีย (CVVT- Continuously Variable Valve Timing) และที่สำคัญก็คือมันมาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์แปะอยู่ที่เขาไอเสีย
สเป็คโรงงานของมันนั้นคือมีแรงม้า 210 แรงม้า/6,000รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 302Nm มาให้ใช้กันตั้งแต่ 2,000รอบต่อนาที ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็ใช่ว่าจะดุเดือดอะไร เพราะขนาดของเทอร์โบที่ใช้ไม่ได้ใหญ่อะไร แถมบูสท์เพียงแค่7-8ปอนด์เท่านั้น จึงเหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้เน้นแรงมากเพราะต้องลากน้ำหนักตัว 1,498ก.ก. ซึ่งถ้าประกบกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดแล้วจะเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 7 วินาที และวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ภายใน 15.4 วินาที (ตามหลัง Civic Si K20 อยู่) ส่วนใครที่รักสบาย ก็จะมีเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด SHIFTRONIC พร้อม Paddle Shift หลังพวงมาลัยหลให้เลือกใช้กัน
็Hyundai คาดว่าเครื่องรุ่นนี้จะเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป และบรรดาจูนเนอร์ที่ชอบเสียงหวีดของหอยพิษ HKS ทำชุดแต่งรองรับเครื่องบล็อคนี้ออกมาแล้ว และจากการที่มันมีขนาดเล็ก และเบา ทำให้มีการขับขี่ที่เร็ว คล่อง และเปลี่ยนทิศทางไปตามสั่ง
ว่าแต่ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยเหอะ
ใครออกแบบหน้าตาฝาครอบเครื่องฟระ!?! ยิ่งมีพวกกว่าว่า RS ทำให้มันดูยังกะโผล่มาจากรถเมื่อ 30 ปีก่อนชะมัด
บล็อค Lambda V6
Hyundai ตั้งใจให้เครื่องรุ่นนี้มารับใช้บรรดาคนเท้าหนักของแท้ที่ต้องการลักษณะนิสัยตอบสนองทันควันสไตล์เครื่อง NA ความจุใหญ่ บล็อค Lambda V6 นี้เป็นเสื้อสูบและฝาสูบอัลลอยเช่นเดียวกับ Theta แต่ด้วยการที่มีความจุตั้ง 3.8 ลิตร ทำให้มันไม่ต้องพึ่งพาหอยที่ไหนมาเป่าเสกแรงเพิ่มเติม เครื่องบล็อคนี้สามารถพบได้ใน Genesis Sedan เช่นกัน แต่เมื่อถูกนำมาวางในรุ่น Coupe จึงถูกปรับจูนใหม่เล็กน้อย และให้ชื่อเล่นมาว่า RS3800 แรงม้าเพิ่มจากตัวสี่ประตูมาอีก 16 ตัว กลายเป็น 306 แรงม้าที่ 6,300 รอบต่อนาที และแรงบิด 361Nm ที่ 4,700 รอบต่อนาที โดยแรงบิดจะวิ่งมาเป็นช่วงกว้างทันทีตั้งแต่ 2,000รอบขึ้นไป
Genesis Coupe V6 ยังถูกปรับตั้งในเรื่องของเสียงดูดอากาศ รวมไปถึงเสียงคำรามของท่อไอเสียให้ออกมาดุดันมากกว่าปกติจนแม้กระทั่งนิตยสาร Automobilemag ของอเมริกายังบอกเลยว่า “Infiniti น่าจะไปศึกษาจาก Hyundai ว่าจะทำเสียงเครื่องยนต์ให้ดุดันได้อย่างไร”
ผมเองก็ไปฟังเสียงของมันจาก www.thegenesiscoupe.com มาแล้วเทียบกับ G37 ที่เคยได้ยินมา..เกาหลีเสียงโหดกว่าจริง
แต่ในเรื่องสมรรถณะ ก็ยังเป็นรองอยู่เพราะม้าน้อยกว่ากันเกือบ 30 ตัว Genesis V6 เกียร์ธรรมดา 6สปีดแร่งจาก 0-60ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.7วินาที และวิ่งควอเตอร์ไมล์ไ้ด้ภายใน 14.7 วินาที นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่เร็วอะไรนักสำหรับรถแรงๆที่ขายอยู่ในอเมริกา ส่วนถ้าใครไม่ได้รักจะแรงขนาดนั้น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SHIFTRONIC พร้อมแป้นชิฟท์หลังพวงมาลัยจาก ZF รุ่น 6HP26 ก็น่าลองไม่แพ้กัน
ไม่ว่าจะเลือกเครื่องยนต์รุ่นไหนมาก็ตาม ลักษณะตำแหน่งการวางจะเป็นแบบ Front-Midship แบบเดียวกับรถสปอร์ตอย่าง 350Z,370Z, หรือ RX-8 โดยตัวเครื่องทั้งหมดจะไม่ยื่นล้ำเกินแทร็คล้อคู่หน้า ระยะโอเวอร์แฮงก์หน้าออกแบบมาให้สั้นทำให้มีหักเลี้ยวได้คล่องมือและลดอาการอันเดอร์สเตียร์ลง Genesis Coupe นี้ถูกสร้างขึ้นบนแพลทฟอร์ม BH ที่พัฒนาให้ตัวถังมีความแข็งแรง ต้านแรงบิดตัวถังทั้งตามยาวและตามขวางได้ดี
ดีขนาดไหน?ก็คงไม่ใช่ระดับเทพ แต่ Hyundai เคลมว่าตัวถังของ Genesis Coupe สามารถต้านแรงเค้นได้มากกว่า BMW M3 E46 อยู่ถึง 24% และ M3 รุ่นนั้นก็น่าจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีในการเริ่มต้นกับรถสปอร์ตแล้ว
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ดูอัลลิงก์ ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ พร้อมกระบอกโช้คแยกจากสปริงมาอยู่ด้านนอก การเซ็ตค่าของช่วงล่างจะมีมาให้ลูกค้าเลือกสองแบบ คือแบบธรรมดา และแบบที่จูนมาเพื่อการขับขี่ที่ซาดิสก์กว่าปกติโดยจะได้โช้คอัพที่มีความหนืดมากขึ้น สปริงที่ยุบยากขึ้น และเหล็กกันโคลงที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น ซึ่งช่วงล่างแบบนี้จะอยู่ในรุ่น 2.0Track และ 3.8Track
และตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ใครก็ไม่รู้เป็นคนเริ่มต้นไว้ ขึ้นชื่อว่ารถแรง ต้องอุดหนุนผู้ผลิตเบรครถแรงๆจากอิตาลีที่มีนามกรว่า Brembo ในรุ่น Track ไม่ว่าจะเลือกเครื่อง 4สูบหรือ V6 ก็จะได้เบรคซิ่งพร้อมคาลิเปอร์ 4 Pot แบบนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถไปเลย ส่วนรุ่นอื่นๆก็จะได้เบรคหน้าตาธรรมดาไปใช้ แต่ก็มีระบบความปลอดภัยที่ขาดไม่ได้อย่าง ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD, Brake Assist หรือแม้กระทั่ง Electronic Stability Control และ Traction Control ก็มีให้ใช้กันถ้วนหน้าตั้งแต่รุ่นถูกสุดเป็นต้นไปเลยทีเดียว
นอกจากนี้ รุ่น Track จะได้ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วมาใช้ ในขณะที่รุ่นอื่นจะได้ล้อขนาด 18 นิ้ว (ซึ่งก็ไม่น่าจะถือว่าเล็กแต่ประการใด)
ลองมาดูภายในกันบ้าง Hyundai ในอเมริกาประสบความสำเร็จในการปั้นงานของตัวเองจนได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์หน้าใหม่ที่มีคุณภาพในการคัดเลือกวัสดุและมีความพิถีพิถันในการประกอบเทียบกับผู้นำในตลาดได้ และ Genesis Coupeก็เช่นกัน แม้ว่าห้องโดยสารอาจจะดูไม่หรูเท่า Infiniti G37 แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานนั้นไม่ต้องพูดถึง มีมาให้ครบครัน พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมได้ทั้งเครื่องเสียง และ Cruise Controlนอกจากนี้ยังมีเบาะคนขับที่ปรับดุนหลังได้, Trip Computer, ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางจากภายในรถ, ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth มาให้ ทุกอย่างที่กล่าวไปนั้นคือของเล่นที่พบได้ตั้งแต่รุ่นที่มีราคาถูกสุดเป็นต้นไป แต่ถ้าเลือกรุ่นที่ราคาแพงขึ้นไป ก็จะได้ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, เบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้า, เครื่องเสียงยี่ห้อ Infinity 10ลำโพง, SmartKey ที่แค่พกกุญแจไว้ก็ขึ้นรถได้ พร้อมปุ่มสตาร์ท, ซันรูฟ และไฟหน้าซีน่อนเป็นต้น
สำหรับความปลอดภัยของผู้โดยสารภายในรถนั้น ไม่ต้องเสียเวลาเปรียบเทียบระหว่างรุ่นต่อรุ่นเลย ตามที่ John Krafcik ผู้ซึ่งเป็น CEO ที่ฝั่งอเมริกาเคยได้ปราศรัยเอาไว้ว่า “Safety should not be made an option” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยแท้ก็คือความปลอดภัยนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าจะต้องมาเสียเงินเพิ่ม ดังนั้น Genesis Coupe ที่ขายในอเมริกาทุกคันจะมีถุงลมนิรภัยคู่หน้าที่มีการทำงานเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ที่เบาะนั่ง ซึ่งจะวัดน้ำหนักของผู้นั่งบนเบาะมาคำนวณเป็นความเบา-แรงในการปล่อยถุงลมนิรภัยเมื่อเกิดการชน นอกจากนี้แล้วก็จะมีถุงลมนิรภัยด้านข้าง และถุงลมนิรภัยระดับศรีษะที่ป้องกันการกระทบกระทั่งบริเวณด้านข้างกระจกเอาไว้ด้วยในกรณีที่ดริฟท์เพลินจนหลุดโค้ง พนักพิงส่วนศรีษะนั้นก็มีระบบป้องกันคอหัก..ไม่ใช่สิ ระบบดันหมอนขึ้นรองรับสันคอโดยอัตโนมัติในกรณีที่รถถูกชนท้าย เพราะถ้าไม่มี ก็คงไม่ใช่รถของยุคนี้แล้วล่ะ
ในบ้านเกิดที่เกาหลีนั้น Hyundai จะแบ่ง Genesis Coupe ออกเป็น 2 รุ่นหลักๆคือ 200Turbo และ 380GT ส่วนที่ฝั่งอเมริกานั้นจะแบ่งตามเครื่องยนต์และการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในออกเป็นรุ่น
2.0T- รุ่นพื้นฐานที่ราคาถูกที่สุด อุปกรณ์น้อยที่สุด
2.0Premium – ก็คือรุ่น 2.0T ที่เพิ่มเบาะไฟฟ้าด้านคนขับ เครื่องเสียง Infiniti และซันรูฟ
2.0Track – คือรุ่นที่ตกแต่งแบบพร้อมซิ่ง ช่วงล่างสปอร์ต เบรค Brembo ล้อ 19นิ้ว
แล้วตามด้วย
3.8 – เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับพลัง 300กว่าม้าที่ Hyundai ใช้เป็นตัวล่อลูกค้า ความหรูจะมากกว่า 2.0Tด้วยเบาะหนังดำ
3.8 Grand Touring – สำหรับคนชอบหรูแต่แรง เพิ่มเบาะไฟฟ้าด้านคนขับ เครื่องเสียง Infiniti และซันรูฟกับไฟซีน่อน
3.8 Track – เป็นรุ่นท้อปสุดที่รวมเอาความหรูของ Grand Touring เข้ากับช่วงล่างสปอร์ต เบรค Brembo และล้อ 19นิ้ว
และที่ไม่ได้พูดถึงมาแต่ต้น แต่กำลังจะบอกอยู่ตอนนี้คือราคา ซึ่งถูกล่ะรถขับหลังราคาเบาในตลาดอเมริกาก็ใช่ว่าจะไม่มี Mustang ไงล่ะ แต่อย่าลืมว่าเมื่อไม่นานมานี้เองที่ราคาน้ำมันพุ่งระดับ 4 ดอลลาร์ต่อแกลลอน Mustang ที่ขับสนุก มันก็เป็น V-8 4.6ลิตรที่ซดใช้ได้ ส่วนรุ่น V-6 ก็ไม่ได้แรงอะไรนัก แถมช่วงล่างแม้จะพัฒนาไปมากแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่รถที่ขับเร็วๆได้สนุกมือเพราะจริงๆแล้วมันคือ Muscle Car และไม่ใช่รถสปอร์ตคูเป้อย่าง Genesisดังนั้นจริงๆแล้วกลุ่มเป้าหมายจึงอยู่กันคนละกลุ่ม Mustang นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ 21,000ดอลลาร์ กับรุ่น V-6 210 แรงม้า ส่วนถ้าอยากได้พลัง 315 แรงม้า ก็ต้องว่ากันที่ราว 30,000 ดอลลาร์
ครั้นจะมองหารถขับหลังที่เครื่องไม่โต แต่แรงสั่งได้ มันก็มีแต่รถจากรั้วนิสสันอย่าง Infiniti G37 หรือตอนนี้ก็มี 370Z เพิ่มเข้ามา เพดานราคาของรถพวกนี้ก็สูงใช้ได้ รุ่นถูกที่สุดก็เริ่มกันที่ 31,000ดอลลาร์สำหรับ 370Z และ 35,900ดอลลาร์สำหรับ G37
Genesis Coupe เริ่มต้นที่ราคา 22,000 ดอลลาร์กับรุ่น 2.0T ถ้านึกไม่ถูกว่ามันถูกหรือแพง ก็คงต้องเทียบกับรถรุ่นอื่นที่มีขายทั้งในอเมริกาและไทยอย่าง Honda Accord 2.4 รุ่นล่างๆซึ่งมีราคาใกล้เคียงกันมาก ถ้าจะตีเป็นเงินไทย ก็ลองนึกดูก็ได้ว่ารถคูเป้ขับหลัง เทอร์โบ 210 แรงม้าเกียร์ธรรมดา 6 สปีดในราคาล้านห้า..เริ่มฟังดูดีขึ้นไหม
แต่จะยิ่งแปลกใจมากกว่าถ้าพบว่าคุณสามารถเพิ่มม้าอีกเกือบ 100 ตัวได้โดยการเลือกรุ่น 3.8 ซึ่งเขยิบราคาขึ้นมาอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์ (ซึ่งก็ถูกกว่า Accord V-6อีกเหมือนกัน และก็ยังถูกกว่า Infiniti G37 อยู่ 10,900ดอลลาร์)
เมื่อนำเม็ดเงินเข้ามาคำนวณด้วยแล้วจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากลงตลาดได้เดือนเศษๆJohn Krafcik ก็แฮปปี้กับยอดขายที่เจ้าตัวเองเปรียบว่า “Simply Smokin'” (พุ่งทะยานอย่างแรง) เพราะรุ่น 3.8 นั้นถือเป็นการเปิดทางให้กับบรรดานักเลงรถผู้ที่อยากเป็นเจ้าของรถพลังสูงที่ราคาไม่สูงเกินเอื้อมนัก
มันคือทางเลือกที่ถูกกะตังค์ที่สุดของคนที่ต้องการ 300แรงม้าในอเมริกา
ส่วนรุ่น 2.0 ลิตรนั้นมีการกำหนดตำแหน่งการตลาดไว้จับลูกค้าได้หลากหลายตั้งแต่แม่บ้านโลกสวย เพราะมี 210ม้าเท่า Mustang รุ่นล่างแต่กินน้ำมันน้อยกว่าอยู่โข และสามารถจับตลาดสาวกเทอร์โบที่ชอบซื้อรถด้วยราคาที่ถูกที่สุดแล้วไปโมดิฟายต่อเองได้อีกต่างหาก
จะเห็นได้ว่า Hyundai กล้าและทำการบ้านมาอย่างดีกับการเปิดตัวรถรุ่นนี้ ส่วนทางด้านมอเตอร์สปอร์ตนั้น หากลองค้นหาใน Google หรือ Youtube ตอนนี้ จะได้เห็นรถ Genesis Coupe ที่ทาง Hyundai ส่งให้ Rhys Millen นักแต่งและนักแข่งรถชื่อดังในอเมริกาทำการตกแต่งโมดิฟายสำหรับการแข่งขันไว้แล้ว จากข้อมูลที่ทราบ รถคันนั้นใช้เครื่อง V-6 ขยายความจุเป็น 4.1ลิตรและติดเทอร์โบจนได้กำลัง 540 แรงม้า
เป็นไงล่ะครับ หมูเกาหลีที่เคยเคี้ยวง่ายๆ ตอนนี้เริ่มเผ็ดขึ้นบ้างหรือยัง
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบติดตามดูความเคลื่อนไหวของ Hyundai ในอเมริกามาโดยตลอด นับตั้งแต่การเริ่มใช้แผน 24/7 โดยการเปิดตัวรถใหม่หมดจดให้ได้ 7 รุ่นภายใน 24 เดือน ซึ่งหลายรุ่นประสบความสำเร็จ SUV ใหญ่อย่าง Vera Cruz ทำคะแนนจากการทดสอบได้สูสีกับ Lexus RX-350 และ Elantra ก็ได้รับตำแหน่ง Best-Pick of the class จาก Consumer Report
แน่นอนผมเคยสงสัยว่าตำแหน่งพวกนั้นได้มาโดยการยัดเงินใต้โต๊ะหรือเปล่า แต่จากประสบการณ์ของตัวเองในรถที่จำหน่ายในไทยอย่าง Sonata และ H-1 นั้นก็พอจะบอกได้ว่า..คงไม่หรอกน่า หลายอย่างที่เปลี่ยนไปที่เราไม่เคยได้รับรู้ และบางอย่างมันก็คือภาพเก่าๆกับความคิดเก่าๆที่เราไม่ยอมล้างมันออกไปจากสมอง ผมต้องยอมรับว่าแม้จะมีบางอย่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก แต่ Hyundai วันนี้เปลี่ยนจาก “รถราคาถูกสำหรับคนไม่รู้เรื่องรถ” กลายมาเป็น “รถที่ดี…สำหรับเงินที่จ่าย”
ส่วน Genesis Coupe นั้น ท่าทางมันน่าจะกลายเป็น “รถที่ดี” โดยไม่มีคำอื่นมาต่อท้ายอีก
ยกเว้นคำว่า “และ มันส์”
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ Hyundai USA
เนื้อหาและข้อมูลจากเว็บไซต์เดียวกัน
และ
http://cars.about.com/od/detoursanddiversions/a/jkrafcik_pt3_3.htm
สงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาของบทความนี้
การนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ให้ขออนุญาตผู้เขียนก่อนเสมอ
การนำไป post เพื่ออ้างอิงบนเว็บบอร์ด กรุณาใส่ข้อความกำกับ
“อ้างอิงจากเว็บไซต์ www.HeadlightMag.com”
แถมท้ายด้วยสีต่างๆที่มีให้เลือก แหมดูเค้าตั้งชื่อสีแต่ละชื่อสิ..สนามแข่งทั้งน้านนน จะบ้าพลังกันไปถึงหนายยพ่อคูณณณ