Honda ไม่ปล่อยให้แฟนพันธุ์แท้รอนานถึงขนาดรีบเผยโฉม New Honda CR-V Facelift พร้อมกันทั้งในยุโรป (ที่มาใน
ชื่อ CR-V prototype) และในตลาดอเมริกันที่พร้อมจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองตัวถังจะมีหน้าตาที่เหมือนกัน
แทบทุกประการ จะแตกต่างกันก็ตรงรายละเอียดล้ออัลลอยของ CR-V Prototype จะดูซิ่งสปอร์ตกว่าพอสมควร
รายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปของ Honda CR-V Facelift จะสังเกตได้จากไฟหน้าที่เปลี่ยนรูปทรงใหม่ดูเพรียวยาวที่มา
พร้อมกับ LED, กระจังหน้าได้รับอิทธิพลแนวคิดการออกแบบ Exciting H Design!!!, เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่และมีการ
เปลี่ยนรายละเอียดบั้นท้ายใหม่ อาทิ แถมโครเมี่ยมฝากระโปรงท้าย, เปลี่ยนทรงกันชนท้ายใหม่, เปลี่ยนรายละเอียดไฟ
ท้ายใหม่
สำหรับเวอร์ชันยุโรปจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC ใหม่ล่าสุดที่จะมาแทนที่เครื่องดีเซล 2.2 ลิตรด้วยกำลัง
160 แรงม้า (PS) แรงบิด 350 นิวตันเมตร ปล่อยค่าไอเสีย 130 กรัมต่อกิโลเมตรจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ เมื่อเทียบ
กับเครื่องเดิมก็ถือว่ามันมีประสิทธิภาพดีขึ้น 11%
นอกจากนี้ Honda ยังจะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 9 เกียร์ที่จะมีค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 135 กรัมต่อกิโลเมตร ดีขึ้นกว่า
เครื่องเดิมถึง 22%
สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อก็จะมีเครื่องดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC 120 แรงม้า ที่ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำ 112 กรัมต่อ
กิโลเมตร และใครที่รักเครื่องเบนซินก็เลือกมีให้พร้อมด้วยเครื่อง 2.0 ลิตร i-VTEC มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อและ
สี่ล้อ มีทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ
สำหรับเวอร์ชันอเมริกันเราก็จะได้เห็นภาพภายในห้องโดยสารเพิ่มเข้ามาบ้าง ความเปลี่ยนแปลงจะอยู่ตรงที่การออกแบบ
เรือนคอนโซลระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารใหม่เพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์และความสวยงามที่ดีกว่าเดิมมาก รวมทั้ง
ปรับปรุงวัสดุตกแต่งบางอย่างให้ดูหรูหราขึ้นบ้าง
นอกจากนี้ยังติดตั้งออพชั่นเสริมเพิ่มขึ้นในรุ่นท๊อป ได้แก่ ระบบเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบเตือน
รักษาเลน, ประตูท้ายไฟฟ้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, เบาะนั่งมีบันทึกความจำและระบบ Adaptive Cruise Control ทุกรุ่นจะ
ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 นิ้วที่สามารถสั่งการได้เหมือนการสัมผัสสมาร์ทโฟนทุกประการ
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกประการก็คือการหันมาใช้เครื่องยนต์ EarthDreams Technology 2.4 ลิตรฉีดเชื้อเพลิง
ตรง 184 แรงม้า (BHP) ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 245 นิวตันเมตรที่ 3,900 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 221 นิวตันเมตร)
จับคู่ด้วยเกียร์ CVT
รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมือง 27 MPG, นอกเมือง 34 MPG เฉลี่ย 29 MPG สำหรับรุ่น
ขับเคลื่อนสี่ล้อมีอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 26 MPG, นอกเมือง 33 MPG และเฉลี่ย 28 MPG ถือว่าประหยัดขึ้นกว่ารุ่นเดิม
พอสมควร
นอกจากนี้ Honda ยังลงทุนปรับปรุงช่วงล่างให้แก่ CR-V Minorchange เวอร์ชันอเมริกันด้วยการติดตั้ง VSA และ
พวงมาลัยไฟฟ้าสำหรับเวอร์ชันปี 2015, เพิ่มความกว้างของแทร๊คล้อคู่หน้าและคู่หลังอีก 0.5 มิลลิเมตร
Honda CR-V Facelift จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาประมาณวันที่ 1 ตุลาคม (ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา) เป็น
ต้นไป ส่วนบ้านเราอดใจรอไม่นานนี้
ที่มา : Carscoop, Worldcarfans