Geneva Motorshow 2015 หรือเรียกเต็มยศก็เรียก Geneva International Motor Show ครั้งที่ 85 ยังจัดที่ศูนย์
นิทรรศการ Palexpo เหมือนเดิม และแน่นอนว่างาน Geneva จัดขึ้นอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ได้มี
แบรนด์รถยนต์ประจำชาติอีกทั้งจัดอยู่ในช่วงที่ดีมาก ๆ นั่นก็ทำให้งาน Geneva กลายเป็นงานแสดงรถยนต์ที่น่าสนใจ
ที่สุดในสายตาบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก
ในงานนี้มีการเปิดตัวยานพาหนะระดับ Wolrd Premiere และ European Premier ถึง 130 รุ่น ส่วนของรถยนต์รุ่น
ใหม่ก็มีความหลากหลายมากกว่าหลายปีก่อนที่มัวกระจุกตัวแต่รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมกัน
Audi
เปิดบูธแรกก็เจอของแรงดึงลูกค้าเสียแล้ว Audi จัดแสดง R8 โฉมใหม่และรถต้นแบบอีก 1 คัน เรามาดู Audi R8 โฉมใหม่
กันก่อน มาครั้งนี้มากันครบ Full Line-Up เมื่อดูตัวรถเราก็เรียนตามตรงว่ามันมีดีไซน์แทบไม่ต่างจาก R8 รุ่นเดิมเท่าไรนัก
มีเพียงแค่ด้านหน้าที่ดูทันสมัยขึ้นเท่านั้นซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจจาก Audi TT
พระท่านสอนว่าดูใครต้องดูให้ลึก ดังนั้น Audi R8 โฉมใหม่มันจึงมีคุณงามความดีแอบซ่อนไว้ข้างในพอสมควรเลย เริ่ม
จาก โครงสร้างตัวถังมาในแบบฉบับ Audi Space Frame ที่ผสมผสานวัสดุทั้งอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ ก็ทำให้
Audi R8 V10 มีน้ำหนักเบาแค่ 1,555 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วน Audi R8 V10 Plus เบาแค่ 1,454 กิโลกรัม เพิ่มความ
แข็งแกร่งต่อการบิดตัวดีขึ้นกว่าเดิมเยอะถึง 40% เฉพาะรุ่น R8 V10 Plus มีการติดตั้ง Splitter หน้าและ Diffuser ท้าย
มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro แบบใหม่ล่าสุด ทำงานด้วยคลัทช์หลายแผ่นซ้อนทำงานด้วยไฮโดรลิคไฟฟ้า
สำหรับเพลาหน้า ในโหมดปกติกำลังทั้งหมดจะถ่ายทอดลงสู่ล้อคู่หลัง 100% แต่เมื่อยามจำเป็นระบบคลัทช์ก็สามารถดึง
กำลังเครื่องยนต์มาถ่ายทอดลงสู่ล้อคู่หน้า 100% ได้
จุดขายสำคัญคือการชูเครื่องยนต์ V10 Plus ที่แรงถึงใจ 610 แรงม้า แรงบิด 560 นิวตันเมตรที่รอบสูงสุด 6,500 รอบต่อ
นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายใน 3.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งคู่จับคู่เกียร์ S tronic 7
จังหวะ ที่มีโหมดการทำงานทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมในตัว หรืออยากแรงน้อยลงกว่านี้อีกหน่อยก็จงเลือกรุ่น
เครื่อง V10 ปกติ 540 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน
3.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 323 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Audi R8 e-tron โฉมใหม่ที่เพิ่มชื่อสร้อย 2.0 ห้อยท้ายก็มีลุคที่ดู Fantasy มากกว่า R8 รุ่นปกติ เท่าที่ดูด้วยสายตาก็จะ
แตกต่างตรงที่ลายกระจังหน้า, สกู้ปฝากระโปรงหน้า, Diffuser, ล้ออัลลอยใหม่ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถูกออกแบบตามหลัก
อากาศพลศาสตร์จนได้ค่าประมาณ 0.28 
รายละเอียดเทคนิคเบื้องต้นจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าสองลูกรวมพลังกันได้ 462 แรงม้า แรงบิด 920 นิวตันเมตร (รุ่นเดิม 381
แรงม้า แรงบิด 820 นิวตันเมตร) ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมงพร้อม แบตเตอรี่ทรง T-Shape ที่พัฒนาเพื่อรองรับพลังไฟฟ้ากระแสสูงบนพื้นฐานแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนใหม่ มี
ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จประจุเพียงแค่ครั้งเดียว
ไหน ๆ ก็เปิดตัวเวอร์ชันสำหรับรถบ้านไปแล้ว Audi ก็ส่ง R8 LMS ด้วยพร้อมกัน ทำทุกอย่างเพื่อให้เข้ากฎรถแข่ง GT3
ประจำปี 2016 พร้อมทั้งรองรับมาตรฐานการชนคลาส LMP1 ตัวรถเบากว่ารุ่นเดิม 24 กิโลกรัม สวมหัวใจ 5.2 ลิตร 585
แรงม้า ตัวรถจะเตรียมลงสนามแข่งภายในกลางปี 2016
มาถึงคิวรถต้นแบบกันบ้าง Audi Prologue Avant Concept ตัวสานต่อจาก Prologue Concept แต่มาอยู่ในรูปแบบ
รถแวกอนที่ว่ากันว่าจะเป็นต้นแบบสำหรับบ่งบอกทิศทาง Audi Avant ในรุ่นถัดไป ยอมรับเลยว่าออกแบบได้แตกต่าง
จากเดิมด้วยสัดส่วนที่พยายามจะให้ดูเหมือนรถแฮทช์แบค ภายในก็อินดี้จัดด้วยจอสัมผัสทั้งหมด
Audi Prologue Avant Concept ติดตั้งขุมพลัง V6 Plug-in Hybrid ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่
455 แรงม้า จับคู่เกียร์ 8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.1 วินาที ถ้าวิ่งในโหมดรถไฟฟ้าก็มี
ระยะทางวิ่งสูงสุด 53 กิโลเมตร
ท่านก็ลองคิดดูว่ารถแวกอนจาก Audi มันจะเป็นอย่างไร ถ้ามันมีหน้าตาทำนองนี้?
Aston Martin
อีกค่ายที่เงินในกระเป๋าแทบไม่ค่อยมี แต่ก็ทำตัวเป็นป๋าสมัย Lotus เมื่อ 5 ปีก่อนเปี๊ยบ คือพยายามออกรถต้นแบบให้เยอะ
ๆ เข้าไว้ก่อน และก็ไม่ได้ผลิตจริงครบทุกรุ่นเพราะมีปัญหาการเงิน แต่ดูเหมือนว่า Aston Martin แอบฉลาดล้ำลึกกว่าที่
คิดไว้คือบางรุ่นก็ผลิตจำนวนจำกัด เอาให้ราคาโด่งคุ้มทุนไปเลย ส่วนต้นแบบอีกคันก็เป็นแค่ Mock-Up โชว์ดีไซน์เท่านั้น
Aston Martin Volcan Supercar คันใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตที่รับการสนับสนุนแนวการพัฒนาจาก
Aston Martin Racing มีเลย์เอาท์เครื่องวางหน้า-กลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่รับกำลังจากเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.0
ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศใด ๆ ให้กำลัง 800 แรงม้าจับคู่เกียร์ sequential shift 6 จังหวะ
งานวิศวกรรมก็อ้างอิงกับมาตรฐานการสร้างรถแข่ง GTE ของ FIA กันเลย อาทิ ใช้โครงสร้างตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ก็ติดตั้ง Limited Slip, กระบอกเพลาที่ทำจากวัสดุแม็กนีเซียมและตัวเพลาที่ทำจาก
คาร์บอนไฟเบอร์, จานเบรกเซรามิก Brembo เส้นผ่าศูนย์กลาง 380 มิลลิเมตรสำหรับล้อคู่หน้าและ 360 มิลลิเมตร
สำหรับล้อคู่หลัง
งานออกแบบเหมือนจะพยายามออกแบบด้านหน้าและไฟหน้าและเรียวแหลมเหมือนคนตาตี่ และนั่นคงเป็นสัญญาณใหม่
แล้วว่านับต่อจากนี้ไป Aston Martin จะ “กากี่นั้ง” อ้อ เห็นแซบ ๆ แบบนี้จำกัดการผลิตแค่ 24 คันในโลกเท่านั้น
Aston Martin DBX Concept ว่าที่ Luxury GT ยุคต่อไป ขอสารภาพเลยว่านิยามของมันจริง ๆ มันจะเป็นอะไรเอ่ย จะ
เป็นลูกผสมระหว่างคูเป้และรถยกสูงหรือเปล่า? แต่มีสิ่งหนึ่งที่มาแปลกคือ Aston Martin บรรจงสร้างรถคันนี้ให้มีความ
ลงตัวทั้งความงามและการใช้งาน
หัวใจหลัก ๆ ของรถคันนี้คงจะเป็นทิศทางการออกแบบที่จะต้องนำมาใช้กับ Aston Martin รุ่นใหม่ซึ่ง Andrew Palmer
ก็พูดออกมาตรง ๆ ว่ารถต้นแบบมันไม่ได้พร้อมสำหรับการผลิตจริงแต่มันน่าจะบ่งบอกถึงทิศทางการสร้างรถ GT ใน
อนาคตได้
เครื่องยนต์กลไกของตัวนี้อย่าถามหา เพราะมันติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ in Wheel กักเก็บพลังด้วยแบตเตอรี่ lithium
sulphur cells, ระบบพวงมาลัย drive-by-wire, มีระบบ KERS มาให้ด้วย
Bentley
Bentley Continental ปรับโฉมแล้ว ปรับโฉมแบบน่าทึ่งไม่น้อยเลยเพราะผู้เขียนดูแล้วว่า Bentley ก็เก่งนะที่พยายาม
รักษาเอกลักษณ์คลาสสิคเด่นของตัวเองเอาไว้ได้ เคล็ดลับน่ะหรือ ลองสังเกตบริเวณกันชนหน้าดูนะครับว่ามันมความ
เปลี่ยนแปลงยังไง?
ส่วนความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่พอจะเห็นได้ก็ได้แก่ ช่องดักลมด้านข้างตัวถังรูปตัว B, ออกแบบชายล่างขอบประตูให้ดู
เฉี่ยวขึ้น, ติดตั้ง Diffuser ท้าย ส่วนภายในห้องโดยสารดูเหมือนไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงอะไรนัก
Bentley EXP 10 Speed 6 Concept รถต้นแบบที่เพิ่งได้รับคำชมจาก Peter Schreyer กูรูนักออกแบบจากค่าย
Hyundai-Kia ว่าเป็นรถที่เร้าอารมณ์ไม่บ้าคลั่ง แต่ก็เป็นรถที่คำนึงถึงการใช้งานได้ด้วย
เมื่อดูภาพหลายมุมก็บอกได้เลยว่ามันมีดีไซน์ที่แปลกตากว่า Bentley ทั่วไปมาก มองข้าง ๆ ยังรู้สึกเลยว่าไฟคู่หน้าจะ
กลมหรือจะรีก็ไม่สุดสักที, ด้านหน้ายาวยื่นแต่ท้ายสั้นกุด, กระจังหน้าก็วางไว้ต่ำเหลือเกิน
Bentley บอกว่า EXP 10 Speed 6 Concept คือการตีค่าความงามจากความคลาสสิคสู่สมัยใหม่ก็ต้องประกอบไปด้วย
ชุดกระจังหน้าและไฟสี่ดวงเอกลักษณ์ นอกนั้นก็ถูกจัดวางไปด้วยเทคนิคหรือรายละเอียดทางเทคโนโลยีเพิ่มเข้ามา เส้น
สายตัวรถกลมกลืนไปด้วยเส้นอันเฉียบคม, เส้นที่ลื่นไหลและเส้นหมุนเกลียว
ว่าง่าย ๆ ก็คืออวดโฉมดีไซน์ว่าคุณจะชอบมันไหม?
Citroen
ปีนี้แทบไม่มีรถน่าสนใจมาอวดโฉมเลยนอกเสียจาก Citroen Berlingo Minorchange รถตู้ขนของขนาดย่อมที่มีหน้าตา
ดีขึ้นหน่อย หลัก ๆ ก็เปลี่ยนกันชนหน้า, ติดตั้ง DRL LED และปรับปรุงกระจังหน้าใหม่ นอกจากนี้ยังมีการนำ Berlingo
มาตกแต่งให้เหมาะสมกับรถฤดูหนาวภายใต้ชื่อ Citroen Mountain Vibe Concept ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบด้านหน้า
ใหม่, สวมยางที่สามารถลุยหิมะได้, จับยกสูงขึ้นอีกสักหน่อยและแต้มสีชมพูเพื่อให้รู้สึกว่ามันมีอะไรน่าสนใจบ้าง
DS5 Minorchange ก็มาอวดโฉมใกล้ ๆ บูธ Citroen ด้วยเช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือการเปลี่ยนกระจังหน้า
ไปสู่เอกลักษณ์ใหม่ที่ดูเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ก็น่าแปลกที่มันไม่ทำให้ตัวรถดูด้อยลงหรือดูแปลกตาน้อยลงแต่อย่างใดเลย
นอกจากนี้ยังแอบขึ้นรูปฝากระโปรงหน้าจากรอยนูนขีดเดียวให้กลายเป็นสันนูนคู่
ภายในห้องโดยสารก็มีการปรับปรุงอินเตอร์เฟซที่เน้นการใช้งานผ่านหน้าจอสัมผัส พร้อมกับลดปุ่มบางปุ่มลงเพื่อลดความ
สับสนลง
Ford
ไม่เน้นความหวือหวาแต่เน้นความมั่นคงน่าจะเป็นสโลแกนสำหรับบูธ Ford ในปีนี้ เพราะนอกจากอวดโฉมแค่ Ford
Focus RS แล้วก็มีเพียงแค่ Ford Ecosport Minorchange ที่แรกสำหรับตลาดยุโรป แก้อาการแป้กสนิทสวนทางกับ
คู่แข่งที่ขยันโกยยอดแล้วโกยยอดอีก
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญคือการถอดยางอะไหล่ท้ายออกไป และเปลี่ยนมาใช้ชุดปะยางแทน พร้อมกันนี้ยังมีการเพิ่ม
รุ่นตกแต่ง EcoSport S ซึ่งจะเปลี่ยนมาใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายสปอร์ต พร้อมเปลี่ยนเปลืองกระจกมองข้างและ
หลังคาเป็นสีดำ ติดตั้งกระจก Privacy Glass และกาบล่างกันชนหน้า-หลัง
ใช่ว่ามัวแต่ปรับโฉมภายนอกจนลึมนึกถึงงานวิศวกรรม Ford ก็ลงทุนเสริมวัสดุซับเสียงทั้งคันรถ เพื่อลดเสียงรบกวนขณะ
ขับขี่ ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอสีขนาด 4 นิ้วใหม่ แบบเดียวกับ Ford Focus ก่อนปรับโฉมเปลี่ยนตำแหน่งคันเบรก
มือ และปรับการตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ในรุ่น Titanium ระบบช่วงล่างปรับจูนใหม่ ทั้งตัวคานบิด โช้กอัพ และ
สปริง ให้มีความหนึบแน่นมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจการขับขี่และลดความสูงตัวถังกับพื้นถนนลง 10 มิลลิเมตร
Ford Focus RS ที่ทุกท่านเห็นอยู่ขณะนี้เป็นผลผลิตจากความร่วมมือในการพัฒนาของทีม Ford Performanceและทีม
นักแข่งแรลลี่มือฉมัง รวมถึง ’Ken Block’ นักแข่งแรลลี่ชื่อดังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ตระกูล EcoBoost ขนาด
2.3 ลิตร จาก Ford Mustang GT โฉมล่าสุดให้กำลังสูงสุดสะใจถึง 315 คาดว่ามีแรงบิดมากกว่า 433 นิวตัน-เมตร
นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาที่ดูพิเศษและขุมพลังที่แรงเกิดพิกัดแค้นแล้วก็ยังมาพร้อมระบบ ขับเคลื่อน Ford
Performance All-Wheel Drive พร้อมระบบ Dynamic Torque Vectoring Control ใหม่ล่าสุด ซึ่งเปิดตัวกับ Ford
Focus RS เป็นครั้งแรก งานนี้ ฟอร์ดใช้ชุดคลัทช์ไฟฟ้าคู่บริเวณเพลาล้อหลังแต่ละข้าง จึงทำให้สามารถจัดสรรปันส่วน
กำลังของเครื่องยนต์สู่ล้อแต่ละข้างได้อย่างอิสระและแม่นยำ สามารถแบ่งกำลังล้อคู่หลัง 70% หรือโอนถ่ายกำลังไปยังล้อ
คู่หลังซ้ายหรือขวาได้
Honda
Honda Civic Type-R เวอร์ชันขายจริงเปิดตัวแล้ว!! มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 310 แรงม้า PS ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด
สูงสุดที่ 400Nm มาตั้งแต่ 2,500 รอบต่อนาทีมันคือรถแปะป้าย Type R ที่มีแรงเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Honda
เลยทีเดียวพวกเขาเคลมว่า Type R สามารถเร่งาก 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ภายในเวลา 5.7 วินาที และพุ่งอย่างลื่นไหลต่อไป
จนถึงความเร็วสูงสุด 270 ก.ม./ช.ม.
เมื่อรถแรงขนาดนี้แล้วก็ต้องพึ่งพาเบรกของ BREMBO สี่ล้อขนาดใหญ่และช่วงล่างเป็นแบบ Adaptive Damper
System ที่สามารถปรับความแข็งหนืดของโช้คอัพ 4 กระบอกได้อย่างอิสระขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่และการทิ้งโค้ง ช่วง
ล่างหน้าได้รับการปรับปรุงให้เป็นแบบ Dual Axis ที่จัดมุมมาเพื่อช่วยลดอาการ Torque) ลงจากเดิม 50% เมื่อเทียบกับ
ช่วงล่างของ Civic รุ่นธรรมดา ช่วงล่างหลังเป็นคานบิดทอร์ชั่นบีมรูปตัว H ซึ่งวัสดุที่มาทำตัวคานนั้นจะแข็งแรงกว่า Civic
รุ่นปกติ 180%
Hyundai
Hyundai Tucson โฉมใหม่ไร้เงาชื่อ ix35 นัยว่าชื่อ “ทักษอร” ติดหูติดตลาดชาวโลกมากกว่า ไม่ว่าชื่อมันจะเป็นอย่างไร
แต่ตัวรถก็ไม่ได้เรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนกับชื่อแน่นอน หนำซ้ำยังดุดันในสไตล์ด้วยซ้ำ สัดส่วนตัวถังล่ำสัน ไม่ได้เน้น
ความเอียงของเสาหลังคาอะไรนัก แต่เน้นสัดส่วนที่เป็นรถยุคใหม่มากขึ้น ภายในห้องโดยสารก็มีการปรับปรุงวัสดุภายใน
ขึ้น
เครื่องยนต์กลไกมีให้เลือกหลายแบบ ได้แก่ เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร GDI ให้กำลัง 132 แรงม้า, 1.6 ลิตร เทอร์โบ 175
แรงม้า, ดีเซล 1.7 ลิตร 115 แรงม้า, ดีเซล 2.0 ลิตร 136 แรงม้าและ 186 แรงม้า
สำหรับรุ่นเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร สามารถเลือกรุ่นที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ซึ่งระบบจะถ่ายทอดกำลังยังล้อคู่หลัง 40% แต่
สามารถแปรกำลังขับเคลื่อน 50-50 ได้เมื่อวิ่งด้วยความเร็วต่ำ
Hyundai Tucson 48V Hybrid และ Plug-in Hybrid Concept มาอวดแสนยานุภาพกับเขาด้วย เริ่มจาก Hyundai
Tucson 48V Hybrid ระบบ Mild Hybrid ที่มีอัตราสื้นเปลืองเชื้อเพลิงเทียบเท่ากับ Full Hybrid จับคู่เครื่องยนต์ดีเซล
2.0 ลิตร 136 แรงม้ากับมอเตอร์ช่วยกำลัง 14 แรงม้า หลักการทำงานคือ สตาร์ทเตอร์เจเนเรเตอร์ช่วยปั่นกระแสไฟฟ้าเพื่อ
ช่วยขับพลังร่วมกับเครื่องยนต์ เก็บพลังไฟลงแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน 48 โวลต์ ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 20 กิโลกรัม
เมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน
Hyundai Tucson Plug-in Hybrid Concepts จับคู่เครื่องยนต์ดีเซล 1.7 ลิตรส่งกำลังยังล้อคู่หน้า พ่วงกับมอเตอร์
ไฟฟ้า 68 แรงม้าส่งกำลังยังล้อคู่หลัง จับคู่ผ่านเกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะ ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 48 กรัมต่อกิโลเมตร
Hyundai ix20 Minorchange เปลี่ยนกระจังหน้า/ช่องดักลมทรงรังผึ้งน้อยโชว์ แต่ชิ้นส่วนอื่น ๆ ไม่มีความเปลี่ยนแปลง
เท่าไรนัก แต่อย่างน้อย ๆ ไฟหน้าก็มาแบบโคมโปรเจคเตอร์และไฟท้าย LED มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซลให้มีแรงบิด
มากขึ้น เครื่อง 1.4 ลิตรเพิ่มแรงบิดเป็น 240 นิวตันเมตร เครื่อง 1.6 ลิตรเพิ่มเป็น 260 นิวตันเมตรทั้งคู่ใช้รอบเครื่องเพียง
แค่ 1,500 รอบต่อนาทีก็เรียกแรงบิดได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันเต็มพิกัด ไล่ตั้งแต่ idling stop, ยางลดแรงเสียดทาน, ระบบเก็บพลังงาน
จลน์และกระจังหน้าที่มีช่อง ปิด-เปิดรับลมได้
Infiniti
Infiniti อวดโฉม QX30 Concept เรียกน้ำย่อยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเตรียมขึ้นสายการผลิตจริงในไม่ช้า แต่เอาเข้าจริงมัน
ก็ดูไม่ต่างจากสมัย Q30 Concept เท่าไรนัก ต่างกันแค่กันชนหน้าที่ดูเหมือนจะดุดันกว่าเล็กน้อยพร้อมกับยกสูงขึ้นเสีย
หน่อยก็กลายเป็นครอสโอเวอร์ได้
Infiniti QX30 Concept เกิดมาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวมีเงินที่ชอบความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบซื้อรถตามตลาด
ทั่วไป มีความเป็นไปได้ว่าตลาดยุโรปอาจจะจำหน่ายเวอร์ชัน QX30 มากกว่า Q30 ที่เป็นทรงเดียวกันแต่เตี้ยกว่านิดเดียว
Kia
Kia Sportspace Concept แค่ดูแว้บแรกก็รู้เลยว่ามันเป็นร่างทรงของ Kia Optima โฉมใหม่ที่น่าจะมีตัวถังแวกอนให้
เลือกซื้อหากัน ถ้าดูดี ๆ ก็พบว่ามันไม่ใช่รถแวกอนที่ทำส่งเดชไปงั้น ๆ แต่ Kia เริ่มกล้านำสัดส่วนของรถอิตาลีเข้ามา
ประยุกต์มาบ้างแล้ว โดยเฉพาะการนำบั้นท้ายทรงเสน่ห์เข้ามาประยุกต์
แต่ Kia ก็เล่นตลกให้สื่อและผู้เข้าชมงานขำกลิ้งก็คือ Kia กลับยืนยันว่ามันไม่ได้เป็นรถแนวซาลูน, แนวแวกอน, แนวแฮทช์
แบคและก็ไม่ใช่แนว Shooting brake อีกด้วย Kia ได้ให้คำนิยามเอาไว้ว่ามันเป็นรถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
ขุมพลังก็พึ่งพาเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 247 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าส่วนรายละเอียดทางเทคนิคไม่มี
อะไรจะกล่าวไปมากกว่านี้
Koenigsegg
รถสปอร์ตชื่อแปลก Koenigsegg จากสวีเดนได้สร้างปรากฏการณ์ให้คนในงาน Geneva Motorshow 2015 ได้ตาค้าง
มาแล้วนั่นคือการแนะนำ Koenigsegg Regera ที่แรงมากถึง 1,800 แรงม้า เครื่องยนต์ 5.0 ลิตร V8 พ่วงหอยสองตัว
(Twin-turbo) ให้กำลังขับล้อหลังแบบตรงๆด้วยกำลังสูงถึง 1,100 แรงม้า ผ่านระบบ Koenigsegg Direct Drive ติดตั้ง
มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กทำหน้าที่เป็นสตาร์ทเตอร์พร้อมระบบเชื่อมต่อเพลาแบบไฮโดรลิก
อีก 700 แรงม้าถูกเติมเต็มด้วยพลังปั่นของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ลูกที่แยกติดตั้งที่ล้อหลังแต่ละข้าง พร้อมแบตเตอรี่
ขนาด 9 กิโลวัตต์ที่ถูกเลือกให้ประจำการในแกนกลางตัวรถ ให้กำลังในช่วงออกตัวแบบไฟฟ้าล้วนไร้มลพิษแรงบิดสูงโดย
ไม่ต้องใช้บริการเกียร์มาช่วยส่งกำลัง แถมยังสามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวได้ถึง 18 กิโลเมตร
พอความเร็วถึง 30 ไมล์ต่อชั่วโมง (48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยประมาณ) เครื่องยนต์จะถูกปลุกให้ตื่นมาช่วยกันสร้างพลังขับ
ให้ Supercar บ้าพลังคันนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องใส่เกียร์หลายจังหวะที่มีขนาดใหญ่
อัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ใช้เวลา 2.7 วินาที ฟังแล้วก็งั้น ๆ สำหรับรถ 1,800 แรงม้า แต่ถ้าเมื่อใดที่เร่ง 0-300 กม.
ต่อชม.กลับขอต่อเวลาเพิ่มแค่ 9.3 วินาที จาก 300-400 กม.ต่อชม.ใช้เวลาแค่เพียง 8 วินาทีเท่านั้น แต่จุดที่สามารถเรียก
พละกำลังออกมาได้ดีที่สุดคือการเร่งความเร็วตั้งแต่ 150 – 250 กม.ต่อชม.ใช้เวลาแค่เพียง 2 วินาทีเท่านั้น ถ้าใครเก่งกล้า
สามารถก็จงลองขับด้วยความเร็วสูงสุด 411 กม.ต่อชม. เลยครับ
Lexus
Lexus LF-SA ต้นแบบซับคอมแพคท์ระดับหรูในอนาคต รูปร่างก็สมกับอนาคตดีเพราะดูไม่เห็นวี่แววว่าจะดัดแปลงยังไงให้
เหมาะสมกับโลกจริงบ้าง คือดูยังไงมันก็เหมือนรถ 2 ประตูทรงรังไข่จับมายกสูงมากกว่า อย่างไรก็ตาม Lexus ก็คงใช้เวลา
ศึกษาพฤติกรรมลูกค้าสักพักใหญ่ก่อนที่จะขัดเกลาให้พร้อมลงตลาดจริง
Lexus LF-SA มีความยาว 3,450 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,430 มิลลิเมตร สามารถนั่งได้ 2+2 ที่นั่ง
ภายใต้งานออกแบบ L-Finesse Design
Lotus
Lotus Evora 400 คือความภาคภูมิใจครั้งใหม่ของ Lotus เพราะมันเป็นรถที่แรงที่สุดเท่าที่ Lotus เคยมีมา ความ
แตกต่างระหว่าง Lotus Evora 400 และ Evora รุ่นปกติก็คือ หน้าตาเจ้า 400 มันดูดุดันกว่ามาก ๆ ด้วยชุดกันชน
หน้าที่มีช่องดักลมหน้าขนาดยักษ์ ด้านท้ายก็มีการปรับปรุงกันชนท้าย, ติดตั้งปีกหลังแบบ 3 ชิ้น ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด
19-20 นิ้วพร้อมยาง Michelin Pilot Super Sport
ขุมพลัง V6 3.5 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จสามารถปั่นพลังได้ 400 แรงม้า (BHP) แรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา
และอัตโนมัติ 6 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมง
Mercedes-Benz
Mercedes-AMG GT3 คือลุคล่าสุดที่ต้อนรับฤดูมอเตอร์สปอร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป ตัวรถถูก
พัฒนาให้เข้ากฏรถแข่ง GT3 ตามมาตรฐานสมาพันธ์กีฬายานยนต์ FIA กำหนด เพียงแต่ว่า AMG รีบนำ GT3 มาเปิดตัว
ในงาน Geneva Motorshow 2015 ก่อนที่จะมีการทดสอบอย่างหนักหน่วงรอบสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจก่อนที่จะส่งมอบให้
ลูกค้าช่วงปลายปีนี้
แต่รายละเอียดทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับระบบส่งกำลังไม่ได้ระบุเอาไว้เลย
Mercedes-Benz G500 4×4² Concept คุณปู่ที่นึกอยากจะซิ่งกับชาวบ้านเขาด้วยแค่เห็นภายนอกก็รู้สึกว่าคุณปู่จะซู่ซ่า
ด้วย การเปลี่ยนชุดกันชนหน้าที่ออกแบบใหม่โดยสำนักแต่ง AMG, เปลี่ยนซุ้มล้อหน้า-หลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์, ล้ออัล
ลอยลาย 5 ก้านคู่ ขนาดวงใหญ่ถึง 22 นิ้วพร้อมยางออฟโรด
คุณปู่ก็เตรียมซู่ซ่าแข่งกับรุ่นหลานด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตรแบบใหม่พร้อมเทอร์โบคู่ สร้างแรงม้าได้
มากถึง 422 แรงม้า ไม่ระบุตัวเลขแรงบิด จับคู่เข้ากับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ DCT 7 จังหวะ ผ่านค่าไอเสีย Euro6
Mercedes-Maybach Pullman ถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบการจุติสุดยอดรถลีมูซีน Mercedes-Benz 600
Pullman 50 ปีพอดี มันก็น่าเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเจาะตลาดลีมูซีนยาวเฟื้อยในยุคนี้
ความยาวตัวรถยกให้พี่เขาไปเลย มันยาวได้ใจถึง 6,499 มิลลิเมตร ยาวกว่า Mercedes-Maybach S-Class ถึง 1,053
มิลลิเมตร มีความยาวฐานล้อเท่ากับรถคอมแพคท์หนึ่งคันหรือยาว 4,418 มิลลิเมตร สูง 1,598 มิลลิเมตร สูงกว่า
Mercedes-Maybach S-Class 100 มิลลิเมตร
ความนุ่มสบายของเบาะผู้โดยสารทั้ง 2 ที่นั่งสามารถรองรับการเดินทางระหว่างเจ้าของรถและแขก VIP ด้วยพื้นที่ห้อง
โดยสารกว้างขวางและมีฟีเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ถ้ามีผู้ติดตามเพิ่มอีก 2 ท่านก็สามารถนั่งบนเบาะเสริมที่หัน
ประชันหน้ากันกับเบาะนั่งระดับ Executive ที่สามารถปรับเอนกายได้หลายระดับ โดยที่พักเท้าจะปรับเอนตามกลไก
Mercedes-Maybach Pullman S 600 มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 biturbo 530 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 830 นิวตันเมตรที่รอบต่ำมากแค่ 1,900 รอบต่อนาที
Mercedes-Benz Concept V-ision-e รถต้นแบบชื่อตลกมันก็คือการจับนำ V-Class มาสวมขุมพลัง Plug-in Hybrid
จาก C350 e PHEV ด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 211 แรงม้า (PS) จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 121 แรงม้า รวมกันแล้วก็
แรงมากถึง 333 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที ทำความเร็ว
สูงสุด 206 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Mitsubishi
ดูเหมือน Mitsubishi ย้ำคิดย้ำทำกับรถต้นแบบ Concept XR-PHEV พอสมควร ล่าสุดก็เผยโฉม Concept XR-PHEV II
ที่ขัดเกลารูปร่างหน้าตาให้มีความเป็นรถโปรโตไทป์มากที่สุด แต่อย่าเพิ่งดีใจไปว่ารถเวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงจะเหมือน
เป๊ะ ๆ ขนาดนี้ เชื่อว่าจะต้องมีการขัดเกลาขั้นสุดท้ายก่อนการผลิตจริง
หากมองเผิน ๆ ก็คงคิดว่า Mitsubishi Concept XR-PHEV II ไม่แตกต่างจากเวอร์ชันก่อน แต่ถ้ามองกันดี ๆ ก็รู้เลยว่า
มันมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก อาทิ ไฟหน้าและรายละเอียดด้านหน้ามีตำแหน่งเสมือนรถยนต์ผลิตจริงมากขึ้น มี
ลวดลายกระจังหน้าที่ดูมีมิติขึ้น, ออกแบบแนวกรอบหลังคาและกระจกที่ดูเสมือนรถผลิตจริง, ลดทอนเส้นขึ้นรูปตัวถังให้ดู
ซับซ้อนน้อยลงและออกแบบบบั้นท้ายให้สมมาตรกับสัดส่วนรถทั้งหมด
ขุมพลังก็ใช้บริการระบบ plug-in hybrid EV (PHEV) ให้กำลัง 163 แรงม้าภายใต้ตัวถังกะทัดรัด, น้ำหนัก, ประสิทธิภาพ
สูง ขับเคลื่อนล้อหน้า ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 40 กรัมต่อกิโลเมตร
ดูทรงแล้วมันน่าจะกลายร่างเป็น Mitsubishi ASX แน่ ๆ
Nissan
Nissan Sway Concept รถต้นแบบทรงเฉี่ยวว่าที่ของรถซับคอมแพคท์รุ่นใหม่ของ Nissan ซึ่งเราก็อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ
รถต้นแบบก็พบว่า ผู้บริหาร Nissan ยุโรปยืนยันว่ารถต้นแบบคันนี้ไม่ได้มาแทน Nissan Micra โดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม
รถต้นแบบคันนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับรถเล็กรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในยุโรปปีหน้าพอสมควร
Nissan Sway Concept เป็นรถต้นแบบที่ไม่ได้โชว์รายละเอียดทางเทคนิคเลยนอกจากการนำ Design Language มา
ประยุกต์ใช้กับรถขนาดเล็ก Nissan ระบุว่ามันจะเป็นรถที่ดูกล้าหาญชาญชัยเหมือนกับ Juke และ Qashqai ถือเป็น
ความพยายามครั้งใหม่ในการแหกคอกรถระดับ B-Segment
ภายในห้องโดยสารได้รับแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ Nissan IDX Concept เน้นความ Minalism คล้าย ๆ กับแนวคิด
รถยนต์จากฝรั่งเศส
Range Rover
Range Rover Evoque Minorchange เกิดมาเพื่อต้องสู่กับคู่แข่งหน้าใหม่ที่เรียงตัวเผยโฉมกันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้ง
BMW X4, Mercedes-Benz GLE Coupé
รูปลักษณ์เดิม ๆ ก็ลงตัวแล้ว แต่ Range Rover ก็พยายามหาจุดติของ Evoque แล้วลงมือปรับปรุงมัน (จะสวยขึ้นหรือแย่
ลงก็แล้วแต่สายตาท่าน) อาทิ ปรับปรุงชุดกันชนหน้า ให้มีความลงตัวกว่าเดิม แต่คงดีไซน์คล้ายของเก่าเอาไว้ เปลี่ยนโคม
ไฟตัดหมอกเป็นแบบ LED และออกแบบไฟหน้า Adaptive LED ใหม่ให้เรียวเล็กลง เด่นด้วยเส้นไฟ LED DRL ทำให้ดูล้ำ
อนาคตขึ้นอีก
ส่วนกระจังหน้านั้น ในรุ่นปรับโฉมมีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ กระจังหน้าลายขวาง 2 ชั้นในรุ่น SE
และกระจังหน้าลายรังผึ้งคล้าย Range Rover Sport ในรุ่น HSE Dynamic ส่วนด้านท้ายออกแบบ
ฝาท้ายใหม่พร้อมสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งออกแบบโคมไฟท้าย LED ใหม่ และฟังก์ชั่นแกว่งเท้าเปิดฝาท้าย
Seat
Seat เงื่อง่าอยู่นานกับตลาดเอสยูวีอยู่เสียนาน คงเพราะพวกเขาซุ่มพัฒนาและหาจังหวะลงที่เหมาะสมอยู่ และเวลานี้
น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีแล้วในการอวดโฉมรถต้นแบบ Seat 20V20 Concept เอสยูวีชื่อแปลก แต่รูปทรงรูปร่างกลับคม
คายกว่าที่คิดมาก ๆ
Seat 20V20 Concept ถูกสร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม MQB เหมือนกับ Seat Leon แต่ดู
เหมือนว่า Seat แอบไปลอกการบ้าน Skoda Superb มาใช้ โดยเฉพาะเส้นสายด้านข้าง
และด้วยความโชคดีที่ Seat 20V20 Concept ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Seat Leon ก็ทำให้รถต้นแบบคันนี้กลับดูมี
มิติที่เพรียวกว่าเอสยูวีทั่วไป ในขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งความบึกบคนแข็งแกร่งในแบบที่เอสยูวีควรจะเป็น
Skoda
ไฮไลต์สำคัญของบูธต้องเป็น Skoda Superb รถ D-Segment ที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตา Volkswagen Passat ใหม่เสีย
อีก อย่างแรกที่เห็นเลยคืองานออกแบบที่มีความเฉียบคมและมีมิติเส้นสายตัวถังที่น่าลึกซึ้งมาก เส้นที่ทำให้รถโดดเด่นและ
โดนใจหลายคนมากคือการขึ้นคอนทัวร์ฝากระโปรงหน้าและเส้นเลเซอร์ด้านข้างที่ใช้เทคนิคการหลบแสงเงา
ขุมพลังทั้งหมดจะเป็นเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงตรงชุดเดียวกับรถยนต์ที่ใช้ MQB Platform และยังผ่านค่าไอเสียมาตรฐาน
EU6 และติดตั้งระบบ idling stop มาให้ด้วย เริ่มจากเครื่องเบนซินที่ให้กำลังระหว่าง 125 แรงม้าจนถึง 280 แรงม้า และ
เครื่องยนต์ดีเซล 120 แรงม้าจนถึง 190 แรงม้า เครื่องทุกรุ่นติดตั้งเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ยกเว้นเครื่องรุ่นล่าง
สวยบาดใจขนาดนี้ก็ต้องลุ้นตัวแทนจำหน่ายในไทยว่ายังคิดจะนำเข้ามาขายอีกหรือไม่
Suzuki
บูธเดียวออกรถต้นแบบถึง 2 คัน คันแรก Suzuki iM4 Concept ว่าที่ A-SUV หรือบางกระแสลือกันมาว่านี่ล่ะคือตัว
ตายตัวแทนของ Suzuki Jimny (ไม่ใช่ J!MMY ผู้บริหารเว็บเรา)
Suzuki บอกว่าดีไซน์แนวกรอบกระจกและแนวโค้งของหลังคาจะเหมือนกับหมวกกันน๊อคสำหรับนักซิ่ง นอกจากนี้ยังมีการ
หยิบยืมดีไซน์ของรถรุ่นประวัติศาสตร์มาใช้ด้วย อาทิ นำเสา C จาก Fronte Coupe, ด้านหน้าก็ดูคล้ายกับรถเล็ก Suzuki
รุ่นเก่าหลายรุ่น
Suzuki ภูมิใจนำเสนองานวิศวกรรมใหม่ล่าสุดไล่ตั้งแต่พื้นตัวถังใหม่หมดจดและระบบ Mild Hybrid ภายใต้ชื่อ SHVS
(Smart Hybrid Vehicle by Suzuki) ที่ประกอบด้วยสตาร์ทเตอร์เจเนเรเตอร์สำหรับช่วยเสริมกำลังกับเครื่องยนต์ Dual
Jet 1.2 ลิตร โดยใช้มอเตอร์ พ่วงด้วยแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนพร้อมด้วยระบบเก็บพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานจลน์ นี่ก็ทำ
ให้ระบบ Mild Hybrid นี้มีราคาถูก, กะทัดรัดและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับรถขนาดเล็ก
Suzuki iK2 Concept ต้นแบบรถคอมแพคท์ทางเลือกใหม่ที่เน้นซื้อรถด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ประมาณว่าซื้อเพราะ
คุ้ม นั่งสบาย แต่รูปทรงดูไม่น่าเบื่อ ไฮไลต์สำคัญคือการได้ใช้แพลทฟอร์มใหม่ล่าสุดและเครื่องยนต์ Boosterjet 1.0 ลิตร
ฉีดเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบชาร์จ เพียงแต่เขาไม่ระบุตัวเลขพละกำลังเลย บอกแค่เพียงว่ามันจะแรงขึ้นแต่ประหยัดน้ำมันขึ้น
ด้วยเช่นกัน
Toyota
Toyota Auris Minorchange ปรับหน้าให้เข้ากับ New Design Language ที่ให้ความรู้สึกคล้ายรถยุโรปมากขึ้น
โดยเฉพาะด้านหน้าที่เพรียวแหลมพุ่งออกมาด้านหน้าเข้าหาผู้ชม พร้อมกระจังหน้าที่เรียวเล็กเข้าคู่กับไฟหน้าทรงเพรียว
แหลมแปลกตา
และนี่เป็นครั้งแรกของ Toyota ที่แนะนำเครื่องยนต์ Downsizing แบบใหม่ล่าสุดขนาด 1.2 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 115
แรงม้า (PS) แรงบิด 185 นิวตันเมตรที่รอบระหว่าง 1,500 – 4,000 รอบต่อนาที ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายใน 10.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดน้ำมัน 4.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคงหนีไม่พ้น Toyota Avensis Big Minorchange ปรับโฉมเสียจำแทบไม่ได้ ถ้าพูดกันตามตรง Toyota
Avensis มันเป็นผลิตผลจาก Toyota ในยุคก่อนที่มีดีไซน์ติดความน่าเบื่อนิดหน่อยโดยเฉพาะภายในห้องโดยสารที่ไม่มี
ความโดดเด่นเท่าไรนัก มาครั้งนี้ก็จับปรับโฉมให้หมด
รูปลักษณ์ภายนอกแลดูคล้าย ๆ กับ Toyota Auris Minorchange กระจังหน้าดูไม่ซับซ้อนมากแต่ออกแบบกันชนหน้า
ให้ดูมีมิติความซับซ้อนขึ้น พร้อมกันนี้ยังเปลี่ยนไฟท้ายที่ดูมีสกุลรุนชาติกว่าเดิมเยอะมาก
หากลองหลับตาแล้วเข้าไปนั่งใน Toyota Avensis Big Minorchange แล้วลืมตาขึ้น คุณก็อาจตกใจจนสิ้นสติเพราะมัน
ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนกับ Avensis รุ่นเดิมเลย งานนี้ Toyota ลงทุนออกแบบแผงแดชบอร์ดใหม่อ้างอิงสไตล์รถ
ยุโรปที่มีความแข็งแกร่ง, เรียบง่าย เน้นการใช้งาน
Volkswagen
Volkswagen Sport Coupe Concept GTE ปวารณาตนเองไว้สูงค่ากว่า Volkswagen CC จนทำให้แอบคิดว่ามันจะ
กลายเป็นรถทัวริ่งที่ทำตลาดต่ำกว่า Phaeton หรือเปล่า? ไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจาก Volkswagen
ดีไซน์ภายนอกฉีกแนวจากรถยนต์ Volkswagen รุ่นอื่นพอสมควร เริ่มจากการออกแบบลายกระจังหน้า, ช่องดักลมกันชน
หน้าและไฟหน้าที่ถูกตีความใหม่, ออกแบบแนวกรอบเสาหลังคาให้ดูมีความต่อเนื่องตั้งแต่เสา A ลากยาวจรดเสา C, เสา
C ไม่มีส่วนใดที่แลดูแข็งทื่อหรือทำมุมแหลมแบบรถซีดานทั่วไป, ส่วนด้านหน้ายาวยื่น
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบเน้นความสะอาดตา, ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์, อินเตอร์เฟซที่เชื่อมต่อกับมนุษย์และ
กลไก ภายใต้แนวทางการออกแบบ avant-garde
ขุมพลัง Volkswagen Sport Coupe Concept GTE ก็ไหว้วานระบบ GTE plug-in hybrid ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6
TSI 380 แรงม้า (PS) และมอเตอร์ไฟฟ้าพ่วงด้วยแบตเตอรี่ ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลือง
เชื้อเพลิงต่ำเพียงแค่ 2.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
Volkswagen Passat Alltrack ใหม่รถยกสูงเอาใจตลาดผู้ที่ชื่นชอบรถแนวเอสยูวีแต่ไม่อยากจ่ายเงินแพง ๆ ออกแนวอยากได้รถยกสูงเฉย ๆ
Volkswagen Passat Alltrack ใหม่ถูกจับขึ้นยกสูง 27.5 มิลลิเมตรจาก Passat รุ่นมาตรฐาน ส่วนการตกแต่งนั้น
เปลี่ยนเปลือกกระจกมองข้างให้เป็นวัสดุโครเมี่ยมปัดด้าน เสริมราวหลังคาทรงใหม่ พร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลาย
พิเศษ พร้อมกาบซุ้มล้อและชายล่างตัวรถ เพื่อป้องกันการขีดข่วนจากการขับขี่
พิเศษสุด Volkswagen ติดตั้งหน้าจอ Active Info Display มาให้ ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงสถานการณ์ขับขี่ของตัวรถให้ผู้ขับ
ขี่ทราบ พร้อมกับการรองรับระบบ CarPlay บนอุปกรณ์ iOS ของ Apple และ Android Auto บนอุปกรณ์แอนดรอยด์
จาก Google
Volkswagen Touran Modelchange ที่ดูแล้วเน้นความคมสันมากขึ้น แตกต่างจากรุ่นที่แล้วอย่างชัดเจน เพราะนำเอา
เส้นสายอันเฉียบคมมาใช้กับรูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้น ทั้งโคมไฟหน้า LED และกระจังหน้าทรงเฉี่ยว เล่นเส้นสายต่อเนื่อง
ไปจนถึงช่องดักอากาศด้านหน้าที่ลดความอ่อนโยนลง และเส้นบ่าด้านข้างเน้นคมสันคล้ายกับ VW Passat ใหม่
ภายในห้องโดยสาร คือจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ ด้วยการออกแบบเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก
ทั้งสำหรับการโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง และการบรรทุกสัมภาระ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเบาะนั่งตามการใช้งาน
ได้อย่างสะดวกและหลากหลาย พร้อมระบบพับเบาะราบเรียบ จนสามารถบรรทุกของได้มากถึง 1,040 ลิตร
และมีช่องเก็บของจุกจิกถึง 47 จุดด้วยกัน
——————————————————