แม้กระแสรถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดจะมาแรงจนกลบกระแสรถยนต์พลังแรงสูงและรถสปอร์ตทุกขนาดไปจน
แทบมิดกระแสในช่วง 2-3 ปีก่อน แต่ทว่าค่ายรถและลูกค้าเองก็น่าจะเบื่อกับสถานการณ์ที่ไม่มีรถยนต์คันไหนสร้างความ
น่าตื่นตาตื่นใจด้านงานวิศวกรรมและความแรงมานานแล้ว นี่คือโอกาสการปล่อยของในงาน Geneva Motorshow
2012
ค่ายรถระดับ Super Niche หรือ Ultra Luxury ได้พร้อมใจกันปล่อยรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่นความแรงและความ
สปอร์ตเยอะมาก จนเรียกว่าต้านกระแสรถสีเขียวในระดับหนึ่งเลยทีเดียว และน่าแปลกใจเหมือนกันที่ปีนี้มีแต่ค่ายรถ
ตลาดจากฝั่งเอเชียแสดงแสนยานุภาพกว่าค่ายรถตลาดจากยุโรป คาดว่าพวกเขาอาจจะรอปล่อยของดีในช่วงปลายปีนี้
มากกว่า
Audi
Audi A3 โฉมใหม่ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวในงานนี้โดยเฉพาะ นับว่าเป็นรถยนต์ไฮไลต์สำคัญประจำบูธสี่ห่วง รูปร่างหน้าตาไม่
แตกต่างจากรุ่นพี่รุ่นน้องมากนัก มาในเรือนร่างที่คุ้นเคยกันดี มิติตัวถังไล่เลี่ยกับเจเนเรชั่นที่แล้ว แต่ได้ขยับขยายฐานล้อ
และเนื้อที่ห้องโดยสารให้ใหญ่โตขึ้น แถมน้ำหนักเบากว่าเดิม 80 กิโลกรัม
All New Audi A3 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร TFSI 122 แรงม้า (น้ำหนักตัวรถเพียงแค่ 1,175 กิโลกรัม) ต้องการ
เครื่องแรงกว่านี้ก็เลือกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร TFSI 180 แรงม้าและเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 150 แรงม้าจับคู่เกียร์ธรรมดา
5 จังหวะและเกียร์ S Tronic 6 จังหวะ เบื้องต้นมาในระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น ส่วนเวอร์ชันขับเคลื่อนสี่ล้อ
ตลอดเวลา Quattro จะติดตั้งขุมพลังที่แรงกว่านั้น
Audi A3 โฉมใหม่พกพานวตกรรมใหม่คล้ายรถซีดานขนาดใหญ่ ได้แก่ ระบบเบรคมือไฟฟ้าที่สามารถสั่งงานผ่านหน้าจอ
MMI ขนาด 4.3 นิ้ว, ระบบ Adaptive Cruise Control ใช้งานควบคู่กับเรดาร์ เป็นต้น
Audi RS4 Avant จะแตกต่างจาก A4 Avant รุ่นมาตรฐานที่มีบุคลิกความสปอร์ตเต็มด้วยชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตสุด ๆ
พร้อมกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมลายรังผึ้งติดเป็นชิ้นเดียวกัน, หลอดไฟส่องสว่างตอนกลางวัน LED ฝังไปในตัว
และติดตั้งตัวตัดกระแสลมมีลักษณะคล้ายรถแข่ง บั้นท้ายจะถูกออกแบบไฟท้าย LED แบบใหม่และติดตั้งท่อไอเสียคู่
หัวใจสำคัญของ Audi RS4 Avant หนีไม่พ้นเครื่องยนต์พลังแรงจัด V8 4.2 ลิตร 450 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 43.84 กิโลกรัมเมตรจับคู่เกียร์ S Tronic 7 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ถ้าเศรษฐีท่านใดอยากจะแรงขึ้นก็ต้องซื้อแพคเกจพิเศษสำหรับการปลดล๊อคความเร็วสูงสุด
ซึ่งจะไต่ไปถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องยนต์แรงขนาดนี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า Audi RS4 Avant มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่ารุ่นเดิมที่ 11 ลิตร
ต่อ 100 กิโลเมตรหรือประมาณ 9 กิโลเมตรต่อลิตร ระบบขับเคลื่อนก็ติดตั้งระบบ Differential
อัจฉริยะที่สามารถตัดสลับแรงขับเคลื่อนระหว่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลังได้ตามสภาวะการขับขี่
Audi A6 Allroad เปิดตัวตามหลังรุ่นน้องไม่นานนักมาพร้อมกับชุดแต่งแนวครอสโอเวอร์มาตรฐานรอบคัน อาทิ
กาบล้อสีดำ, ติดตั้งแร๊คหลังคา, ล้ออัลลอยด์ทรงใหม่ แถมยังยกสูงขึ้นอีก 2.5 นิ้วติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน
หลากหลายรุ่น
Bentley
ในที่สุดความลับก็เปิดเผยเสียทีสำหรับ Bentley SUV มาในนาม Bentley EXP 9 F Concept รถต้นแบบเพื่อบ่งบอกทิศทางงานออกแบบเอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเตรียมทำตลาดเคียงค้าง
รถยนต์ Bentley ตระกูลอื่นๆ ซึ่ง Bentley เชื่อว่าตลาดเอสยูวีระดับบนสุด ๆ (Ultra Premium) ยังมีช่องว่างประกอบ
กับประสบการณ์การพัฒนารถยนต์ระดับสูงสุดก็น่าจะช่วยทำให้เอสยูวีของตนโดดเด่นมากขึ้น
ดีไซน์ของ Bentley EXP 9 F Concept เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญชาญชัย ให้อารมณ์ร่วมสมัย ทีมงานได้ค้นหาเส้นที่ให้
ความรู้สึกทรงพลัง, สะอาดตา เส้นสายด้านข้างมีมัดกล้ามสะท้อนคุณภาพล้วนอันเป็นหัวใจหลักของ Bentley ด้านหน้า
เต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ Bentley ด้วยกระจังหน้าลายตาข่าย, ไฟหน้าทรงกลม จุดที่น่าสนใจคือเส้นสายเชื่อมต่อจากไฟ
หน้ายังเส้นสายข้างที่มีรายละเอียดระดับหนึ่งเมื่อดูมุมเฉียงก็สามารถสังเกตเห็นรอยฝากระโปรงพับเป็นรอยปีกขอบรถได้
จุดที่สร้างความแตกต่างได้ก็คือการออกแบบหลอดไฟส่องสว่างกลางวัน LED ล้อมรอบพัดลมระบายอากาศสำหรับ
เครื่องยนต์ W12 ถือเป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์ บั้นท้ายถูกออกแบบให้ดูมีความกว้างเป็นพิเศษ, โดดเด่นด้วยท่อไอ
เสียคู่ขนาดยักษ์, ไฟท้ายได้แรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์กังหัน
ภายในห้องโดยสารเน้นความโปร่ง, โล่งและร่วมสมัยด้วยการนำความสปอร์ตหรูหราแบบฉบับอังกฤษมาประยุกต์
พยายามผสมความหรูหราและอเนกประสงค์ให้ลงตัว ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ล้ำสมัยตามยุค
Bentley EXP 9 F Concept พี่งพากำลังจากเครื่องยนต์ W12 6.0 ลิตร 600 แรงม้า ให้อัตราเร่งสูงสุดและอัตราเร่ง 0-96
กิโลเมตรต่อชั่วโมงดีมากจนเป็นมาตรฐานของเอสยูวีไปเลย คาดว่าเวอร์ชันผลิตจริงน่าจะไม่แตกต่างไปจากนี้มากนัก
BMW
ปีนี้ BMW ไม่แสดงตัวโดดเด่นมากเท่าที่คาดการณ์ไว้ คงเพราะจะต้องปล่อยทีเด็ดออกมาตั้งแต่ปลายปีนี้มากกว่าจะอวดของเด็ดช่วงต้นปีนี้
แต่อย่างน้อยก็ได้เปิดตัว BMW M Performance ชุดตกแต่งที่สามารถเลือกซื้อได้พร้อมชุดคิทเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ดั่งใจต้องการ
Bugatti
หากถามว่าบูธไหนมีจำนวนม้าในคอกมากที่สุด ทุกคนจะต้องปิดตาเอานิ้วชี้ไปยังบูธ Bugatti แล้วต้องจ้องไปที่
Bugatti Grand Sport Vitesse คันนี้คันเดียวเท่านั้น เพราะมันมีพละกำลังสูงถึง 1,200 แรงม้า (HP)
จนสามารถครองตำแหน่งรถสปอร์ตที่มีพลังม้าสูงตลอดกาลไปจนได้
ขุมพลัง Bugatti Grand Sport Vitesse นั้นดัดแปลงจากเครื่องยนต์ 16 สูบจาก Grand Sport รุ่นดั้งเดิมให้มีกำลังถึง
1,200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,500 นิวตันเมตรหรือ 152 กิโลกรัมเมตร ความเร็วสูงสุด 431 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมทั้ง
ปรับปรุงโครงสร้างตัวถังอีกเล็กน้อยเพื่อรองรับแรงม้ามหาศาลขนาดนี้
Chevrolet
GM ประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นยอดขายรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์ทั่วโลกได้สำเร็จกับรุ่น Cruze มาแล้วด้วย
ยอดขายรวมผ่านหลักล้านคันอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปี บัดนี้ GM Europe ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Chevrolet Cruze Wagon
ตะลุยบุกเนื้อที่รถยนต์อนกประสงค์ยอดนิยมในยุโรป
Chevrolet Cruze Wagon มาพร้อมกับรูปลักษณ์ด้านหน้าแบบปรับโฉมเรียบร้อยแล้วและน่าจะเป็นต้นแบบในการปรับ
โฉมในตัวถังซีดานในไม่ช้านี้ ดีไซน์ครึ่งคันหลังถูกออกแบบให้รับส่วนครึ่งคันหน้าไม่เน้นความโฉบเฉี่ยวมากจนความ
อเนกประสงค์หายไป
ดเด่นของ Chevrolet Cruze Wagon มีความจุห้องสัมภาระสูงสุด 1,500 ลิตร ภายใต้รูปลักษณ์
ที่มีความปราดเปรียว, การขับขี่สนุก, กว้างขวางและประหยัด ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 1.7 ลิตร
VCDi 130 แรงม้า (BHP) ติดตั้งเทคโนโลยี Star-Stop ทำให้ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 119 กรัมต่อกิโลเมตร
และเครื่องยนต์ดีเซลเจ้าเก่า 2.0 ลิตร ก็ถูกปรับปรุงใหม่ รวมไปถึงเครื่องยนต์เบนซิน 1.6, 1.8 ลิตรและเบนซิน
เทอร์โบ 1.4 ลิตร ก็มาประจำการใน Chevrolet Cruze Wagon เช่นกัน
Ferrari
งาน Geneva Show 2012 นี้แทนที่ค่ายรถตลาด ๆ จะโดดเด่นในด้านการนำรถยนต์อนุรักษ์พลังงานมาจัดแสดง
กลับกลายเป็นว่าค่ายรถระดับซูเปอร์คาร์หรือซูเปอร์ลักชัวรี่กลับแย่งซีนต่อหน้าต่อตา บูธ Ferrari ก็เช่นกัน
Ferrari F12berlinetta ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6,300 ซีซี ให้กำลัง 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 70.36 กิโลกรัมเมตร
ให้พละกำลังราว 80% ที่รอบแค่เพียง 2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.1 วินาที จับคู่กับ
เกียร์ F1 Dual Clutch
Ferrari California รุ่นปี 2013 ก็อัพเดทสมรรถนะกันเล็กน้อยด้วยการหั่นน้ำหนักตัวลง 30 กิโลกรัม พร้อมเพิ่มพละกำลัง 30 แรงม้า เลยทีเดียว
Fiat
Fiat 500L มินิแวนรุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่ Fiat Idea และ Multipla
อาศัยความแข็งแกร่งของแบรนด์ Fiat 500 มาช่วยขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มที่ตนเองยังไม่ประสบความสำเร็จ
Fiat 500L (L ย่อมาจากคำว่า Large ที่แปลว่าใหญ่) จัดเป็นรถยนต์ในตระกูล 500 อันโด่งดัง
มาในฐานะมินิแวนขนาดซับคอมแพคท์ที่อาศัยหน้าตาแบบ Fiat 500 แต่ดัดแปลงให้
มีความเป็น Fiat ยุคใหม่และประทับกับร่างทรงมินิแวนมาตรฐาน และได้เพิ่มเติม
คุณสมบัติพิเศษก็คือความเป็นรถเอสยูวีด้วยการยกพื้นตัวถังสูงขึ้นเล็กน้อย
ด้วยบุคลิคอันโดดเด่นของ Fiat 500L ที่ผสมผสานทั้งความเป็นเอสยูวีและผสมกับ
ความสะดวกสบายของห้องโดยสารราวกับมินิแวนภายใต้มิติตัวถังและมีอัตราสิ้นเปลือง
ระดับเดียวกับ B-Segment ก็จะสร้างทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าที่คิดจะ
ซื้อรถยนต์ B และ C-Segment ตัวถังมาตรฐาน
Fiat 500L จะรองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 5 ที่นั่งมีความยาวตัวถัง 414 เซนติเมตร
, ความกว้าง 178 เซนติเมตร, ความสูง 166 เซนติเมตร โดยได้แรงบันดาลใจ
การออกแบบฐานล้อชิดมุมตัวถังแบบเดียวกับ Fiat 600 Multipla
รถอเนกประสงค์ยุคเก่าตั้งแต่ปี 1956-1965
Fiat 500L จะผลิตในโรงงานเซอร์เบียพร้อมเปิดตัวครั้งแรกในงาน Geneva Motorshow 2012
และทำตลาดทั่วยุโรปตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2012 มีเครื่องยนต์เบนซิน TwinAir
และ 1.4 ลิตรมาตรฐาน และเครื่องยนต์ดีเซล 1.3 ลิตร
Ford
Ford Tourneo Concept แค่เห็นก็ทราบเลยว่าน่าจะมาแทน Ford Transit ก็ต้องยอมรับว่ามันผสมผสานแนวการ
ออกแบบ Kinetic Design II เข้ากับความเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ได้ลงตัวกว่าที่คาด ส่วนคู่แข่งก็คือ Volkswagen T5
หรือ Caravelle ยอดนิยมในไทยและ Hyundai H-1 สามารถรองรับผู้โดยสาร 8 ที่นั่ง
ระบบขับเคลื่อนจะแตกต่างจากรถตู้ในบ้านเรามากเพราะเป็นรถตู้ขับเคลื่อนล้อหน้าติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร
Duratorq TDCi มีให้เลือก 100, 115 และ 153 แรงม้า ติดตั้งระบบ Auto Start-Stop มีให้เลือกทั้งฐานล้อสั้นและ
ฐานล้อยาว
Ford Tourneo Concept พร้อมรุกตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ทั่วโลก ตั้งแต่ ยุโรป,เอเชีย, ละตินอเมริกา ส่วนตลาดอเมริกา
เหนืออาจจะดัดแปลงระบบขับเคลื่อนให้เป็นแบบล้อหลัง
Ford B-Max ก็ได้ฤกษ์ทำตลาดในยุโรปอย่างเป็นทางการแล้ว ดีไซน์ภายนอกของ Ford B-Max นำจุดเด่น Kinetic
Design ชุดล่าสุดมาประยุกต์ลงในมินิแวนขนาดสั้นคันนี้ดูเผิน ๆ ก็คล้ายกับนำ Ford C-Max จับมาย่อส่วนอีกขั้นหนึ่ง
ด้านหน้าถูกออกแบบให้มีความสปอร์ตกว่ามินิแวนตระกูล Ford ด้วยช่องดักลมกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าที่มี
ลูกเล่นมากขึ้น
จุดเด่นของ Ford B-Max ก็คือการออกแบบบานประตูคู่หลังแบบสไลด์ ดูเหมือนจะงั้น ๆ แต่แท้จริงแล้ว Ford กล้า
แตกต่างจากคู่แข่งด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวถังแบบไร้เสา B !! ทำให้การเข้าออกห้องโดยสารสะดวกยิ่งขึ้นมาก ๆ
แนวคิดนี้ไม่ใช่ของใหม่ 100% เท่าไรนัก แต่เราไม่นึกว่า Ford จะใจถึงด้วยการตัดเสา B ทั้งสองด้านเลยทีเดียว
ความปลอดภัยหายห่วง Ford ออกแบบโครงสร้างบานประตูทั้ง 4 บานทำจากเหล็กโบรอนชั้นดีให้รองรับแรงกระแทกได้
เปรียบเสมือนมีเสา B หนำซ้ำยังมีค่ามาตรฐานความปลอดภัยเหนือกว่ารถยนต์ที่มีเสา B ทั่วไปด้วยซ้ำ
มิติตัวถังก็ใหญ่กว่า Ford Fiesta เล็กน้อยด้วยความยาวแตะ 4 เมตรเศษหรือยาวกว่า Ford Fiesta 11 ซม.
สั้นกว่า Ford C-Max 32 ซม.
เนื้อที่ห้องโดยสารจนถึงห้องสัมภาระก็มีความยาวมากถึง 2.35 เมตร ยาวพอบรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ยาวได้มากพอ
ความสูงห้องโดยสารสูงกว่า Ford Fiesta ถึง 11 ซม.
ภายในห้องโดยสารก็ถูกออกแบบให้มีระดับพรีเมี่ยมแทบจะถอดแบบมาจาก Ford C-Max ไม่ว่าจะเป็นชุดแผงควบคุม
Ford HMI ประกอบไปด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 6 นิ้ว, ชุดปุ่มที่ออกแบบสไตล์เดียวกับมือถือ, แผงหลังคากระจก
Panorama เฉพาะครึ่งคันหน้า เป็นต้น
Honda
แม้ Honda จะไม่เปิดเผยรถยนต์รุ่นสำคัญหรือรถต้นแบบคันใหม่ล่าสุดในงานนี้ แต่พวกเขาก็ได้เปิดเผยโฉม Honda NSX
Concept เป็นที่แรกนอกตลาดอเมริกาเหนือ และที่สำคัญยังได้เปิดตัว All New Honda CR-V เวอร์ชันยุโรป หน้าตาไม่
แตกต่างจากเวอร์ชันอเมริกาเหนือมากนัก พอสังเกตได้ว่ารายละเอียดกันชนหน้าและล้ออัลลอยด์ลายใหม่ที่แตกต่างหน่อย
Hyundai
Hyundai i-oniq Concept รถต้นแบบสะท้อนถึงแนวทางการออกแบบ Fluid Sculpture เจเนเรชั่นต่อไป Mr. Thomas
Bürkle หัวหน้านักออกแบบจาก Hyundai ทวีปยุโรป ได้อธิบายภาษากายของรถว่ามันมีสองเส้นโค้งขนานกันซึ่งตัดกับ
ความนุ่มนวลของโครงรถ จุดขายสำคัญอยู่ที่ขุมพลัง Hybrid จับคู่เครื่องยนต์สันดาปภายใน 1.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า
ร่วมกันได้ 109 แรงม้า
Hyundai i30 Wagon มีหน้าตาไม่แตกต่างจาก Hyundai i30 และ Elantra เท่าไร จุดแตกต่างของ Hyundai i30 Wagon
ก็คือบั้นท้ายที่ยื่นออกมาเป็นรถอเนกประสงค์จนมี
ความยาวตัวถัง 4,485 มม. ยากว่า Hyundai i30 รุ่นแฮทช์แบค 185 มม. และยาวกว่า Hyundai i30 Wagon
เจเนเรชั่นที่แล้วเพียง 10 มม. จนมีเนื้อที่ห้องสัมภาระมากถึง 528 ลิตร หากพับเบาะหลังทั้งหมดจะมีเนื้อที่
เพิ่มขึ้น 1,642 ลิตร
ดีไซน์ตัวถัง Hyundai i30 Wagon จะมาแนวโฉบเฉี่ยวผสมผสานกับความเป็นรถยนต์ครอบครัวภายใต้
เส้นสายแนวคิด fluidic sculpture
เครื่องยนต์กลไกมีให้เลือก 6 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องดีเซล 3 เครื่องโดยรุ่นท๊อปสุดคือบล๊อก 1.6 ลิตร 128 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 26.51 กิโลกรัมเมตร เครื่องยนต์เบนซิน 3 เครื่องโดยรุ่นสูงสุดเป็นเครื่อง 1.6 ลิตร GDI 136 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 16.72 กิโลกรัมเมตร
Hyundai i20 Minorchange มีความโฉบเฉี่ยวใกล้เคียงกับรถยนต์ Hyundai เจเนเรชั่นใหม่เพียงแต่ยังมี
ความอ่อนละมุนอยู่บ้างเพื่อให้เข้ากับเส้นสายตัวถังที่ดูเรียบ ๆ ธรรมดาอยู่คล้าย ๆ กับใบหน้าของ Hyundai i10 รุ่นปรับ
โฉม
นอกจากจะปรับโฉมหน้าตาให้เรี่ยมเร้แล้วยังได้เพิ่มทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลบล๊อกใหม่ U-II 3 สูบ 1.1 ลิตร ให้กำลัง 74
แรงม้า ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 84 กรัมต่อกิโลเมตร หากแค่นี้ไม่พอก็ขอแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลบล๊อก 1.4 ลิตร 90
แรงม้า ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 96 กรัมต่อกิโลเมตร
Infiniti
ไฮไลต์สำคัญก็มาอวดโฉมในงานนี้ด้วย Infiniti Emerg-E Concept ต้นแบบซูเปอร์คาร์เพื่อสำรวจสำรวจปฏิกริยารถยนต์
ว่าที่ซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ของตนก่อนที่จะวางจำหน่ายภายใน 5 ปีข้างหน้า เส้นสายเหมือนกับนำรถต้นแบบ Essence มา
ขยายร่างและสร้างรายละเอียดซับซ้อนขึ้น
Infiniti Emerg-E Concept จะติดตั้งขุมพลัง Hybrid ชนิดขยายระยะทางโดยอาศัยเครื่องยนต์สันดาปภายใน
ขนาด 1.2 ลิตรเป็นตัวปั่นกำลังไฟฟ้าลงแบตเตอรี่ เน้นสมรรถนะความเป็นสปอร์ตอย่างสมศักดิ์ศรี รายละเอียด
ทั้งหมดอดใจรอในงาน Geneva Motorshow 2012
Jaguar
Jaguar เริ่มมีสถานะแบรนด์และฐานการเงินค่อนข้างมั่นคงแล้วหลังจากพยายามปัดฝุ่นเช็ดล้างแบรนด์ใหม่ให้กลาย
เป็นรถยนต์อวกาศคลาสสิคล้ำสมัยทางเทคโนโลยีจนช่วยสร้างตำแหน่งการตลาดให้สูงกว่าเดิมได้ ล่าสุด Jaguar
ก็ส่ง XF Sportbrake เพื่อมาแย่งยอดขายจาก BMW 5-Series Touring มีให้เลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตรและ 3.0 ลิตร
ปลักษณ์ถือว่าลงตัวสวยงามในแบบฉบับ Jaguar ยุคใหม่ วางจำหน่ายไตรมาส 3 ปี 2012
Kia
Kia Cee’d Modelchange ะมีขนาดตัวถังที่ยาว, กว้างและเตี้ยกว่ารุ่นเดิม สัดส่วนตัวรถมีลักษณะ
คล้ายรถคูเป้ด้วยเสา A ลาดเอียงและมีเส้นบ่ากระจกเตี้ยพอสมควร ด้านหน้ามาพร้อมเอกลักษณ์ใหม่
Tiger Nose ด้วยชุดกระจังหน้าทรงเอกลักษณ์และไฟหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยว
จุดขายสำคัญของ Kia Cee’d Modelchange ก็คือภายในห้องโดยสารในที่ถูกออกแบบให้เป็นรถระดับ
พรีเมี่ยมตั้งแต่ดีไซน์, วัสดุผิวสัมผัสที่ใช้คุณภาพสูงมาก, การจัดวางปุ่มกดหรูหราและตำแหน่งการใช้งาน
ทั้งหมด Kia ได้ใช้ดีไซน์จากแผงคอนโซลอากาศยานค่อนข้างโอบอุ้มกับผู้ขับขี่ นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ผู้คน
จะประทับใจตัวรถคันนี้อย่างแน่นอน
Lamborghini
Lamborghini Aventador J น่าจะเรียกว่า Lamborghini Aventador LP7004 ในเวอร์ชันหลังคาเปิดประทุน
ในแบบรถซิ่งที่คล่องตัว มาในลักษณะพิเศษไม่มีกระจกบังลมใบหน้าผู้ขับขี่และผู้โดยสารแต่จะติดตั้งแผงกระจายลมไม่ให้ปะทะใบหน้าตรง ๆ
โดยให้เหตุผลเดียวว่าต้องการสร้างบุคลิคให้เหมือนกับการขี่รถจักรยานยนต์สปอร์ต ดังนั้นทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องสวมหมวกกันน๊อคสถานเดียว
เพื่อจะได้รับมือพละกำลังจากเครื่องยนต์ 12 สูบ 6.5 ลิตร 700 แรงม้า ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
Lexus
Lexus ถึงขั้นอวดโฉม RX Minorchange (RX450h) ในตลาดยุโรปเป็นครั้งแรกกันเลยทีเดียวก็น่าจับตาต่อไปว่าอนาคตของ
RX น่าจะมีเกี่ยวพันกับความต้องการครอสโอเวอร์หรูในยุโรปมากยิ่งขึ้น รูปลักษณ์ของ RX Minorchange
ถูกปรับโฉมกระจังหน้าทรงกระสวยอวกาศอันเป็นดีไซน์ล่าสุดของ Lexus พร้อมติดตั้งหลอดไฟส่องสว่างกลางวัน
LED ช่วยทำให้ภาพรวมด้านหน้าดูสดใสและลงตัวยิ่งขึ้นด้วยชุดกันชนหน้าที่ได้สมดุลมากยิ่งขึ้น
ส่วน Lexus RX F Sport จะเพิ่มพูนความสปอร์ตตั้งแต่ชุดกระจังหน้าลายสปอร์ต, ลายล้ออัลลอยด์ใหม่, พวงมาลัยทรง
สปอร์ต, แป้นเหยียบอัลลอยด์
Mercedes-Benz
ไฮไลต์เด่นประจำบูธนี้คือ All New Mercedes-Benz A-Class ที่พลิกโฉมจากมินิแวนเล็กทรงป้อมกลายเป็น
รถสปอร์ตแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัดดูหรูหราและกระจุ๋มกระจิ๋มในตัวถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานแพลทฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า MFA ชนิดใหม่ล่าสุด
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารชัดเจนมากว่าได้รับอิทธิพลจากรุ่นพี่อย่างสูงซึ่งหนีไม่พ้นต้นฉบับสำคัญจาก
SLS AMG นั่นเอง จุดขายสำคัญของ Mercedes-Benz A-Class โฉมใหม่คือการควบรวมความสามารถ
ของสมาร์ทโฟน iPhone ให้เข้ากับการใช้งานภายในรถยนต์ได้
เพียงแค่ผู้ใช้ A-Class ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Digital DriveStyle App” จาก Apple AppStore
ลงบนสมาร์ทโฟน iPhone เสียก่อนจากนั้นจึงนำมือถือโปรดของคุณวางบนแท่น (Dock) ภายใน A-Class
โฉมใหม่ ความสามารถพิเศษของแอพพลิเคชั่นนี้มีได้แก่
สามารถฟังเพลงออนไลน์ AUPEO เลือกสถานีได้ตามใจคุณ, มีระบบแผนที่นำทาง 3 มิติจาก Garmin
, การเชื่อมต่อ Social Network, ระบบคำสั่งด้วยเสียงบนพื้นฐาน Siri หน้าตาเมนูที่สั่งการบนหน้าจอ
สัมผัสบนรถก็ใช้งานง่ายเพราะมีแค่ 3 เมนู ได้แก่ Social, Media และ Places นอกจากนี้ยังสามารถ
ใช้งานร่วมกับระบบข้อมูลบันเทิง COMAND ได้อีกด้วย
All New A-Class จะติดตั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรและ 2.0 ลิตร มีให้เลือกตั้งแต่ 115 แรงม้าจนถึง 156 แรงม้า
และสำหรับรุ่น A250 จะติดตั้งเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงตรงพร้อมเทอร์โบให้กำลัง 211 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซลก็มีให้เลือกความแรงตามรุ่นย่อย
A180 CDI 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.49 กิโลกรัมเมตร, A200 CDI 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 30.59 กิโลกรัมเมตร
, A220 CDI เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.69 กิโลกรัมเมตร
Mini
Mini Clubvan Concept ถเพื่อการพาณิชย์กลุ่มพิเศษโดย
ตัวรถถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Mini Clubman ปรับแต่งเนื้อที่ห้องโดยสารตอนหลังและ
ห้องสัมภาระให้เน้นเนื้อที่การบรรทุกของอย่างแท้จริง กรอบกระจกหน้าต่างภายในห้องโดยสารจะ
ตกแต่งด้วยวัสดุโพลีคาร์บอเนตลดการขีดข่วน
เหตุที่ Mini คิดอยากจะเจาะกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์แนวใหม่เพราะ Mini ต้องการส่ง Clubvan
ทำตลาดในกลุ่มบริษัทที่มีแบรนด์ไลฟ์สไตล์ เช่น บริษัทแฟชั่นชั้นนำ, เจ้าของแกลเลอรี่รูปภาพ
และเป็นรถที่เจ้าของกิจการรายย่อม ๆ สามารถลิ้มรถความเป็นMini โดยไม่เสียการงานแต่อย่างใด
ซึ่งจัดว่าเป็นความคิดที่น่าสนใจไม่น้อย
Mitsubishi
ในงาน Geneva Motorshow 2012 Mitsubishi ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว All New Outlander รถยนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวี
เจเนเรชั่นที่ 3 สานต่อความสำเร็จตั้งแต่เจเนเรชั่นแรกที่ยังเคยใช้ชื่อว่า Airtrek ในปี 2001จนมียอดขายสะสมจนถึงเดือน
ธันวาคม 2011 ถึง 950,000 คัน
All New Mitsubishi Outlander มีแนวคิดเป็นครอสโอเวอร์พรีเมี่ยมเปี่ยมนวตกรรม, พัฒนาบนพื้นแพลทฟอร์มระดับ
โลกและสามารถจัดสรรคุณสมบัติ 5 ประการอย่างสมดุล ได้แก่ กระทบสิ่งแวดล้อมน้อย, ความปลอดภัยขั้นสูง, ขับขี่สบาย
และความสะดวกเพิ่มขึ้น
ดีไซน์ภายนอกก็เปลี่ยนภาษาการออกแบบใหม่เน้นความเป็น “รถยนต์แห่งวิศวกรรม” ดูแข็งแกร่ง ปลอดภัยและเรียบง่าย
รายละเอียดตัวรถก็จะถูกยกเส้นขอบตัวรถสูงขึ้น, เส้นบ่าข้างชัดเจน ให้ความรู้สึกแลดูปลอดภัย ด้านหน้าได้รับการ
ออกแบบใหม่และคาดว่าน่าจะเป็นรูปแบบกระจังหน้าสำหรับรถยนต์ Mitsubishi รุ่นใหม่ซึ่งมีพื้นที่หน้าตัดน้อยมาก
ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุเกรดดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุพื้นผิวสัมผัส, วัสดุหุ้มหนัง, วัสดุสะท้อนเงาต่าง ๆ ออกแบบตาม
หลักสรีระการใช้งานของมนุษย์และรองรับการใช้งานเน้นผู้ขับขี่มากขึ้น
ตลาดยุโรปจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร MIVEC 150 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 19.88 กิโลกรัม
เมตรที่ 4,100-4,200r รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร DID 150 แรงม้า รุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
แรงบิดสูงสุด 38.74 กิโลกรัมเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แรงบิดสูงสุด 36.70 กิโลกรัม
เมตรที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที
All New Mitsubishi Outlander จะเปิดจำหน่ายในรัสเซียเป็นที่แรก ตามมาด้วยตลาดยุโรป, ญี่ปุ่น, โอเชียเนีย,
จีนและอเมริกาเหนือ ในอนาคตจะแนะนำเวอร์ชัน Plug-in Hybrid EV ซึ่งจะมีระยะทางวิ่ง สูงสุด 800 กิโลเมตร
มลพิษต่ำ
Nissan
Nissan Invitation Concept รถต้นแบบเพื่อบอกอนาคตของ Nissan Note ตัวต่อไปซึ่งดูเหมือน Nissan พยายามบอกกับตลาดว่ามันจะเป็นรถยนต์
B-Segment ที่จะมาต่อกรกับ Ford Fiesta โดยให้ Nissan March/Micra เจาะตลาดระดับล่างกว่า ทั้งที่แต่เดิม Nissan Note เคยเป็นรถประเภทเดียวกับ
Opel Meriva ที่เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กโดยตรง
ดีไซน์ Nissan Invitation Concept มีพลัง, นำเส้นสายสดใหม่, มีนวัตกรรมและความเร้าใจไปยัง
รถยนต์ระดับมวลชน เส้นสายและเส้นเงาดูสะอาดแสดงออกถึงความปราดเปรียวและ
สะท้อนความเป็นรถยนต์ที่มีหลักอากาศพลศาสตร์สูงสุดจนส่งผลต่อประสิทธิภาพ
ด้านข้างตัวรถมีเส้นสายแบบเฉพาะตัวด้วยเส้นตวัด ‘Squash Line’ ดูมีพลัง ด้านหน้ามีสไตล์
ที่โดดเด่นคาดว่ามีแรงบันดาลใจจาก Nissan Quest และบั้นท้ายที่ถูกออกแบบตามสไตล์ Nissan ยุคใหม่
ภายในห้องโดยสารมีความสดชื่น สามารถใช้งานได้จริงผสมกับความทันสมัย สร้างความประทับใจ
ด้วยคุณภาพและความอเนกประสงค์
Mr. François Bancon รองผู้จัดการทั่วไปแผนกกลยุทธ์สินค้าและวางแผนสินค้ากล่าวว่า “ชื่อ Invitation
เป็นชื่อที่สื่อถึงรถตัวนี้อย่างถ่องแท้ คุณสมบัติของรถทั้งหมดจะเป็นตัวดึงดูดใจ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์
ภายนอกรถอันรัญจวนใจ, มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างสะดวกสบาย, การจัดสรรแพคเกจอย่างชาญ
ฉลาดภายใต้ขนาดตัวถังขนาดคอมแพคท์ และนี่ก็เป็นคำเชิญชวน (invitation แปลว่าเชิญชวน)
จาก Nissan สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาคอมแพคท์แฮทช์แบคอยู่”
Nissan Invitation Concept ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังน้ำหนักเบาและการออกแบบเน้นหลัก
อากาศพลศาสตร์พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องยนต์ล้ำสมัยส่งผลให้มีทั้งความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
และลดค่าไอเสียระดับผู้นำ Nissan เคลมว่าเป็นชุดขุมพลัง Pure Drive ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา
ขณะเดียวกัน Nissan Invitation Concept จะมีการขับขี่คล่องตัวผสานกับการขับขี่เชิงพลวัตร
ส่งผลให้เป็นรถที่มีสมรรถนะการขับขี่ลำดับต้น ๆ ของตลาด
นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยกล้องส่องรถรอบทิศทาง Around View Monitor (AVM)
ครั้งแรกในกลุ่มรถยนต์ระดับ B-Segment ช่วยเพิ่มความอุ่นใจขณะขับรถถอยหลังหรือจอดเข้าซองขนาน
Nissan Motor ถึงขั้นลงทุนปรับปรุงสายการผลิตในโรงงานซันเดอร์แลนด์ สหราชอาณาจักรสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์เพื่อ
ขึ้นสายการผลิต Nissan Invitation หรือ Note โฉมใหม่ปีละ 1 แสนคัน โดยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษ
15 ล้านบาท ช่วยสร้างงานเพิ่มในระบบอีก 2,000 พันตำแหน่ง ส่วนจะมาเมืองไทยไหมคงต้องตามข่าวตลอดเวลา
Nissan Hi-Cross Concept รถต้นแบบที่น่าสนใจและน่าติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะนี่คือร่างทรงของ Nissan X-Trail
เจเนเรชั่นใหม่ รวมไปถึง Nissan Qashqai+2, Rogue โฉมต่อไปด้วยเช่นกัน
การมาของ Nissan Hi-Cross Concept จะทำให้แบรนด์ Nissan เข้มแข็งมากในกลุ่มตลาดรถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์
ในระดับโลก เพราะถือเป็นการเติมเต็มสินค้าใหม่ให้เต็มทุกไลน์ ไล่ตั้งแต่ Juke-Qashqai จนไปถึง Murano รถยนต์
ต้นแบบคันนี้ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกะทัดรัดแต่ห้องโดยสารกว้าง หรูหราแต่เปี่ยมอรรถประโยชน์ อันเป็น
เอกลักษณ์ของรถยนต์ Nissan รุ่นใหม่ ๆ
Nissan Hi-Cross Concept ติดตั้งที่นั่ง 3 แถว รองรับผู้โดยสารและผู้ขับขี่ 7 คน ติดตั้งขุมพลัง Hybrid ที่คิดค้นโดย
Nissan Motor จับคู่เครื่องยนต์สันดาปภายในเบนซิน 2.0 ลิตรฉีดเชื้อเพลิงตรง และแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนชนิดเดียวกับ
Nissan Leaf ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหน้าหรือขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้พละกำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแต่มีอัตรา
สิ้นเปลืองและค่ามลภาวะน้อยกว่า
แนวคิด Nissan Hybrid จะมาแนวเดียวกับรุ่นพี่ 1 มอเตอร์ 2 คลัทช์ จับคู่กับเกียร์ XtronicCVT เจเนเรชั่นใหม่ที่ให้อัตรา
สิ้นเปลืองดีขึ้น 10% เมื่อเทียบกับ CVT เจเนเรชั่นที่แล้ว สามารถขับขี่ในเมืองสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนโดยไม่
ต้องใช้เครื่องยนต์ได้
มิติตั้งถัง Nissan Hi-Cross Concept มีความยาว 4,660 มม. ความกว้าง 1,850 มม. ความสูง 1,670 มม. ฐานล้อยาว
2,780 มม. เรียกได้ว่ายกระดับให้เป็นครอสโอเวอร์รุ่นพี่ Qashqai โดยทันที
ดีไซน์ผสมผสานกับสิ่งที่ Nissan มีอยู่เข้ากับสิ่งใหม่ ๆ กระจังหน้าแบบ V-Line จับคู่กับไฟหน้าทรงปราดเปรียว เส้นสายที่
บ่งบอกถึงความกล้าหาญในการออกแบบโปรดสังเกตเสา D , การออกแบบโคมไฟท้ายทรงแปลกตา และแผงแดชบอร์ด
ทรง T-Shape
Nissan Hi-Cross Concept จะเป็นต้นแบบของ Nissan X-Trail เจเนเรชั่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2013 ซึ่งจะมาแทนที่
Nissan Qashqai+2 และ Nissan Rogue ที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือไปในตัวตามหลักการดำเนินธุรกิจระดับสากลที่
หลายคนในวงการคาดเดากันง่ายดาย
ที่สำคัญ Nissan X-Trail เจเนเรชั่นใหม่จะใช้งานวิศวกรรมและพื้นแพลทฟอร์มร่วมใหม่ล่าสุด CMF1 (แต่ยังใช้ชุดช่วงล่าง
บางส่วนจาก C-platform ดั้งเดิมอยู่) กลุ่มแรก ๆ ร่วมกับ Nissan Qashqai เจเนเรชั่นใหม่ซึ่งเป็นงานวิศวกรรมและพื้น
แพลทฟอร์มร่วมล่าสุดที่จะใช้กับรถยนต์ Renault-Nissan ตั้งแต่รุ่นเล็กถึงรุ่นใหญ่ในอนาคตโดย Nissan อ้างว่า CMF1
จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 30% และสามารถวางแผนการผลิตรถยนต์รวดเร็วกว่าที่เคยเป็น
ตำแหน่งการตลาด Nissan X-Trail โฉมใหม่จะเป็นครอสโอเวอร์ “เกรดสูงกว่า” Nissan Qashqai ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่
X-Trail ปัจจุบันเป็นรถยนต์เอสยูวีทางเลือกแต่อยู่ในระดับเดียวกับ Qashqai เท่านั้น
มีความเป็นไปได้สูงมากว่า Nissan X-Trail เจเนเรชั่นใหม่จะผลิตในประเทศไทยเพื่อทำตลาดไทยอย่างจริงจังขึ้น รวมถึง
ส่งออกในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งจะทำให้ Nissan สามารถสร้างตลาดครอสโอเวอร์ควบคู่กับครอสโอ
เวอร์รุ่นน้องได้
Porsche
Porsche Boxster ใหม่ ยังคงใช้พื้นฐานที่พัฒนาร่วมกับคู่แฝดหลังคาแข็งอย่าง Porsche Cayman ซึ่งมีขนาดเรือนร่าง
ยาวขึ้น กว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน Porsche ตัดสินใจขยายความยาวฐานล้อของ Boxster ออกไปอีกเกือบ 5 นิ้ว
เพื่อพื้นที่ในห้องโดยการ รวมถึงการบังคับควบคุมรถที่มีบุคลิกคาดเดาอาการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้
พื้นที่บรรทุกสัมภาระรวมมีปริมาตรถึง 280 ลิตร (ด้านหน้า 150 ลิตร และด้านหลัง 130 ลิตร)
ทั้งนี้ การขยับขนาดตัวใหญ่ขึ้น เป็นหนึ่งในเป้าหมายของ Porsche ที่จะขยับระดับตลาดของ Boxster
ให้สูงขึ้นเพื่อเขยิบที่ให้กับ “Baby Porsche พิกัด 4 สูบ” ที่จะมาถึงภายในราว 2-3 ปีนับจากวันนี้
สำหรับแนวคิดในการออกแบบ Porsche มีความตั้งใจให้ Boxster รุ่นใหม่นั้นมีรูปทรงที่คมคายและดู
เซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าทรวดทรวงเมื่อมองผ่านแบบคร่าวๆจะมีความคล้ายกับรถรุ่นเดิม แต่ไฟหน้าเป็นแบบใหม่
มีรูปทรงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งของ Porsche ในยุค 1970s ถัดมาที่ด้านข้างของตัวรถ
ช่องระบายอากาศด้านข้างถูกขยายให้โตขึ้นกว่าเดิม และพยายามออกแบบให้ดูคล้ายรถ 550 Spyder
จากในอดีต สำหรับส่วนท้ายรถนั้นนอกจากจะมีไฟท้ายทรงใหม่แล้วยังมีการเดินเส้นแนวขวางจากไฟท้าย
ด้านซ้าย พาดผ่านส่วนท้ายของรถไปยังด้านขวา ซึ่งส่งผลให้ตัวรถดูมีความอ่อนช้อย แต่ไม่ลดความดุดันลงไป
ในยุคที่รถเปิดประทุนหลายรุ่นพากันหันไปคบกับหลังคาแข็งแบบพับได้ Porsche Boxster ใหม่ยังมีหลังคา
ผ้าใบเหมือนเช่นเดิม แต่ได้รับการพัฒนากลไกไฟฟ้าให้ทำการเปิด/ปิดได้รวดเร็วในเวลาเพียง 9 วินาที
อีกทั้งเมื่อเปิดหลังคาแล้ว ตัวโครงหลังคาทั้งหมดจะพับเข้ารูปอย่างเรียบร้อยไว้ในช่องเก็บหลังคาด้านหลัง
โดยไม่จำเป็นต้องมีฝาปิดเหมือนรุ่นเดิม
ดีไซน์ภายในนั้นทางทีมออกแบบกล่าวว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Carrera GT แต่ลักษณะโดยรวมกลับ
มีความเหมือนกับ 911 รุ่นใหม่ เพียงแต่ลักษณะของช่องเป่าลมเครื่องปรับอากาศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
มาตรวัดแบ่งเป็น 3 เบ้า โดยจอขวาสุดจะเป็นจอ TFT ที่บ่งบอกค่าต่างๆของตัวรถและเป็น Trip computer
ในด้านพัฒนาการทางเทคนิคนั้น Porsche มุ่งความสนใจไปยังการลดมลภาวะโดย Boxster ทุกคันจะ
ติดตั้งระบบ Stop/Start เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เปลี่ยนระบบบังคับเลี้ยวมาใช้พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า
เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ และปรับการทำงานของหัวฉีด Direct Injection ซึ่งเมื่อนำการปรับปรุงทุกอย่าง
มารวมกัน Porsche กล่าวว่า Boxster รุ่นใหม่ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเดิมได้ถึง 15-18%
และเพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม Porsche นำเอาอลูมิเนียมมาใช้เป็นวัสดุในการประกอบส่วน
ภายนอกของรถ ซึ่งด้วยวิธีนี้ นาย Hans-Jurgen Wohler หัวหน้าทีมวิศวกรรับผิดชอบโครงการ 981
กล่าวว่าช่วยลดน้ำหนักตัวถังให้เบากว่ารุ่นเดิม 30-50 ก.ก และทำให้ Boxster เป็นรถที่เบาที่สุดใน
Segment ของมัน
ความเบาของตัวถังยังช่วยให้ Porsche สามารถปรับตั้งค่าโช้คอัพใหม่ให้มีความหนืดน้อยลงกว่าเดิม
โดยที่ไม่สูญเสียความสนุกในการขับขี่ (ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของ Boxster) นอกจากนี้ ทีมวิศวกร
ช่วงล่างยังปรับความแข็งของสปริงใหม่เพื่อให้ Boxster สามารถลดความสะเทือนของช่วงล่าง
ในการวิ่งที่ความเร็วต่ำบนถนนขรุขระลง ซึ่งความสะเทือนนี้ก็คือหนึ่งในสิ่งที่ลูกค้ารถรุ่นเดิมได้ตำหนิและ
เสนอข้อคิดเห็นเพื่อการปรับปรุงมายังทีมวิจัยของ Porsche
เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ Boxster ใหม่ มาพร้อมกับทางเลือกด้านความแรง 2 รุ่นด้วยกัน
รุ่น “Boxster” ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.7 ลิตร (ลดลงจาก 2.9 ลิตรในรุ่นเก่า)
เครื่องยนต์เป็นแบบ 6 สูบนอน DOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus
มีพละกำลัง 265 แรงม้า (HP) ที่ 6,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 4,500-6,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.ภายใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 262 ก.ม./ช.ม. (ใช้เกียร์อัตโนมัติ PDK)
ปล่อยมลพิษ CO2 180 กรัม/ก.ม.
Boxster รุ่นมาตรฐานนี้จะได้ภายในตกแต่งด้วย Alcantara, จอมัลติมีเดียขนาด 7 นิ้ว และล้ออัลลอยขนาด
18 นิ้ว พร้อมหลังคาเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
ส่วนรุ่น “Boxster S” สำหรับคนเท้าหนักนั้นจะใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.4 ลิตร
เครื่องยนต์แบบ 6 สูบนอน DOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus
มีพละกำลัง 315 แรงม้า (HP) ที่ 6,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 4,500-5,800 รอบ/นาที
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ภายใน 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 277 ก.ม./ช.ม. และปล่อย CO2 206 กรัม/ก.ม.
Boxster S มีการเพิ่มอุปกรณ์จากรุ่นมาตรฐาน อันได้แก่ล้ออัลลอย 19 นิ้ว, ท่อไอเสียแบบคู่ และตกแต่งภายใน
ด้วยหนังเพิ่มเติม
ลูกค้าที่สั่งซื้อสามารถเลือกระบบส่งกำลังได้ 3 แบบ รุ่นพื้นฐานจะมีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีเกียร์อัตโนมัติ PDK 7 จังหวะให้เลือกเป็นอุปกรณ์พิเศษในขณะที่รุ่น
Boxster S จะได้เกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ และมีเกียร์ PDK เป็นอุปกรณ์ให้เลือกอีกเช่นกัน
และเพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิต Porsche ตัดสินใจย้ายฐานผลิต Boxster จาก Valmet
ที่ประเทศฟินแลนด์มาที่โรงงาน Karmann เมือง Osnabruck ประเทศเยอรมันนีซึ่งเป็นโรงงาน
ที่ VW Group เป็นเจ้าของและปัจจุบันใช้ประกอบรถเปิดประทุน เช่น VW Golf Cabrio
งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นที่งาน Geneva motor show ในเดือนมีนาคมนี้ และพร้อมส่งขึ้นโชว์รูม
ภายในเดือนเมษายน 2012 สำหรับตลาดพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย อาจได้สัมผัส
Boxter ใหม่ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี
Renault
Renault Zoe รถไฟฟ้า 100% ขนาดซับคอมแพคท์มาถึงแล้ว ดีไซน์ไม่แตกต่างจากรถต้นแบบมากนัก ความน่าสนใจของ
มันก็คือมันสามารถวิ่งระยะทางสูงสุด 210 กิโลเมตรภายใต้การทดสอบมาตรฐานยุโรป NEDC หากวิ่งขณะอุณหภูมิต่ำจน
ต้องมีระบบอุ่นแบตเตอรี่ก็จะสามารถวิ่งระยะทางสูงสุด 150 กิโลเมตร
Toyota
Toyota FT-Bh Concept น้องเล็ก Hybrid เกิดมาเพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบสำหรับ Toyota Yaris Hybrid
เจเนเรชั่นถัดไป โปรดอย่าเพิ่งตกใจว่าจะนำดีไซน์เช่นนี้มาผลิตทันทีเพราะทีมงานคงจะต้องนำเส้นสายต่าง ๆ มาทำวิจัย
และขัดเกลากันอีกนาน มิติตัวถังยาว 3,985 มม. กว้าง 1,695 มม.สูง 1,400 มม. ฐานล้อยาว 2,570 มม. มีน้ำหนักแค่
เพียง 786 กิโลกรัม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียงแค่ 0.235
เป้าหมายหลักของ Toyota FT-Bh Concept คือการลดน้ำหนักตัวถัง, ลดมลภาวะ, ลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงภายใต้
รถยนต์ระดับ B-Segment ติดตั้งขุมพลัง Full Hybrid ประกบคู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน 2 สูบ 1.0 ลิตร และ
มอเตอร์ไฟฟ้าส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองต่ำมากแค่ 2.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 49 กรัมต่อ
กิโลเมตร
Volkswagen
รูปร่างหน้าตานั้น Volkswagen Golf GTI Cabriolet ก็เหมือนกับ Volkswagen
Golf GTI รุ่นมาตรฐานยกเว้นโคมไฟหน้าส่องสว่างกลางวัน LED หลังคาผ้าใบก็สามารถพับเก็บได้ภายใน 9.3 วินาที
ขณะที่รถวิ่งความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสริมความปลอดภัยด้วยโรลบาร์ซ่อนอัตโนมัติ
ขุมพลัง Volkswagen Golf GTI Cabriolet ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280
นิวตันเมตรที่ 1,700-5,300 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ DSG 6 จังหวะ
อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที
Volkswagen จะวางจำหน่ายภายในครึ่งปีหลัง 2012
Volvo
Volvo V40 เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์คอมแพคท์แฮทช์แบคที่มีบั้นท้ายยื่นออกมาเล็กน้อยพอให้มีเนื้อที่ห้องสัมภาระ
เหนือคู่แข่งระดับเดียวกันบ้าง ที่แน่ ๆ ทุกคนคงยังไม่เคยเห็นภายในห้องโดยสารของ Volvo V40 วันนี้เราก็ได้เห็นกัน
เต็มตาแล้วครับ โครงสร้างแผงหน้าปัดดูอ่อนละมุนแลดูใช้งานง่ายแต่ล้ำสมัยด้วยแผงมาตรวัดจอสี
Volvo V40 ติดตั้งเครื่องยนต์ T5 เทอร์โบชาร์จ 254 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.7 วินาที ปล่อย
ค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 94 กรัมต่อกิโลเมตร พร้อมระบบ Idle Stop และระบบสะสมพลังงานจลน์จากแรงเบรค
Volvo คาดหวังความสำเร็จของ V40 สูงถึงปีละ 90,000 คัน ลูกค้า 85% จะเน้นในภูมิภาคยุโรป ส่วนลูกค้าชาวไทยจะมี
โอกาสได้สัมผัสหรือไม่ต้องติดตาม