วันที่ชาว GM Thailand เฝ้ารอคอยมาถึงแล้ว เพราะวันนี้ GM Thailand & Southeast Asia ในฐานะบริษัทลูก
ของ General Motors (GM) สรหัญอเมริกา ประกาศเปิดศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลมูลค่า 6,000 ล้านบาท
(200 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในจังหวัดระยองอย่างเป็นทางการ เสริมศักยภาพการผลิตร่วมกับศูนย์การผลิตรถยนต์
ของจีเอ็มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลงทุนที่มีมูลค่าสูงสุดของ GM ในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้

การเปิดโรงงานได้สำเร็จตามแผนในวันนี้ ต้องถือว่า เป็นความพยายามที่แสนจะเหนื่อยอ่อนของหลายฝ่าย
เพราะหลังจากผ่านพ้นพิธีวางศิลาฤกษ์ ไปเมื่อปี 2008 GM ก็ประสบประสบกับปัญหาชะงักงัน ด้านการเงิน
จนต้องเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 และปล่อยให้ GM Thailand ต้องดิ้นรนหาเงินกู้ มาทำโรงงานเอง
ทำให้ โครงการนี้ เดินหน้าต่อมาได้

ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งนี้มีพื้นที่ 54,275 ตารางเมตรหรือราว 34 ไร่ นับเป็นศูนย์การผลิตเครื่องยนต์
ดีเซลของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ
เป็นแห่งแรกในโลกที่จะผลิตเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ใหม่ล่าสุดในตระกูลดูราแมกซ์ (Duramax)

ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 120,000 เครื่องยนต์ต่อปี ศูนย์การผลิตฯ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่สามารถรองรับการ
ปรับเปลี่ยนแผนการผลิตสำหรับใช้ในยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย และส่งออกไปในอีกหลายประเทศ
ทั่วโลก จีเอ็ม คาดการณ์ว่า ภายในปี 2555 จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้ราว 2,800 ล้านบาท (94 ล้านเหรียญฯ)
จากการใช้ชิ้นส่วนและการบริการที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเพื่อการผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้

เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกที่ออกจากสายการผลิตจะถูกติดตั้งอยู่ในรถกระบะ Chevrolet Colorado รุ่นใหม่
ที่ได้รับการพัฒนาด้านวิศวกรรม และผลิตโดยศูนย์การผลิตรถยนต์ของจีเอ็ม ในจังหวัดระยองแห่งนี้เช่นกัน

ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของจีเอ็มแห่งนี้ เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการเติบโตและก้าวขึ้น
เป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยก่อนหน้านี้ จีเอ็ม ได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 4,500 ล้านบาท (150 ล้านเหรียญฯ) เพื่อเปิดดำเนินการ
ศูนย์การผลิตรถยนต์เบกาซี ในอินโดนีเซียอีกครั้ง รองรับการผลิตรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในงานแถลงข่าวเปิดศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวง
อุตสาหกรรม มร.ไมเคิล แอล.แมคกี ที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำ
ประเทศไทย พร้อมแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานมากมาย ทั้งพนักงานจีเอ็ม ประเทศไทย ผู้แทนจำหน่ายรถ
เชฟโรเลต คู่ค้า ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากมร.มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ
ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

“จีเอ็ม มีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตและขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”   
มร.แอพเฟล กล่าว “ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของเราแห่งนี้ เป็นไปตามปณิธานที่ให้ไว้ นั่นคือ การ
พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทรงประสิทธิภาพ และเปี่ยมด้วยสมรรถนะ
เพื่อลูกค้าของเรา”

มร.แอพเฟล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การผลิตเครื่องยนต์ในประเทศไทย ตอกย้ำคำมั่นของเราที่ต้องการยกระดับ
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของจีเอ็มในระดับภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป ขณะเดียวกัน ยังเป็นสัญญาณที่ดีที่ชี้ว่าอุตสาหกรรมภายในประเทศมีประสิทธิภาพ
และเรามีความเชื่อมั่นอย่างมาก”

ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งนี้จะดำเนินงานด้วยพนักงานจำนวน 500 คน
ภายในสิ้นปีนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ผสมผสานระบบคอมพิวเตอร์และเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อ
คุณภาพที่ดีเยี่ยม ขณะเดียวกัน ยังมีความสามารถผลิตเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตรสลับกันได้
ตามความต้องการของตลาดในขณะนั้น  

ศูนย์การผลิตฯ แห่งนี้ ยังใช้เทคโนโลยีควบคุมให้ปราศจากฝุ่นละออง และควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมอย่างสูงสุดต่อการทำงาน

นอกจากนี้ จีเอ็ม ประเทศไทย ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งการดำเนินงานของศูนย์การผลิตฯ ซึ่งรวม
ถึงการใช้ระบบแสงไฟที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบทั่วไป

ก่อนหน้าการเปิดศูนย์การผลิตฯอย่างเป็นทางการ จีเอ็ม ได้ทดสอบการผลิตอย่างเข้มข้นเป็นระยะเวลา
กว่า 9 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถผลิตเครื่องยนต์ตามมาตรฐานสูงสุดที่วางไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เปิด
ดำเนินการ

เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล DURAMAX ใช้
ฝาสูบอลูมิเนียม เพลาราวลิ้นเหนือฝาสูบ พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ที่ไม่เพียงจะได้รับการ
พัฒนาให้มีแรงบิดสูงสุดในเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน รวมทั้งทนทาน และประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่
เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 4 สูบรุ่นนี้ ยังผ่านการทดสอบอย่างถึงขีดสุดในทุกสภาวะการขับขี่ ทั้งในแอฟริกา
เอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียยูโร 4  และ
รองรับทั้งระบบเคลื่อนสองล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ  

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร ยังผ่านกระบวนการพัฒนาและทดสอบแบบเดียวกันกับ
เครื่องยนต์ DURAMAX เทอร์โบดีเซลขนาด 6.6 ลิตรที่จำหน่ายอยู่ในอเมริกาเหนือเวลานี้ มีความ
โดดเด่นที่สมรรถนะอันยอดเยี่ยม พร้อมกับมีชื่อเสียงในด้านความทนทาน และรองรับการใช้งาน
ในทุกสภาวะ โดยมียอดจำหน่ายนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งหมดถึง 1.3 ล้านเครื่อง

ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งนี้ ทำให้เม็ดเงินลงทุนในประเทศไทยของจีเอ็ม นับตั้งแต่ปี 2541
มีจำนวนทั้งหมดอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท (1,300 ล้านเหรียญฯ)

————————————///—————————————–