กลายเป็นเรื่องใหญ่โตในประเทศสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว เมื่อ Consumer Report หน่วยงานทดสอบสินค้าสำหรับผู้บริโภค
ในแดนมะกัน ได้พบว่า Ford C-May Hybrid รถยนต์ MPV บนพื้นฐาน Focus ของค่าย Ford ไม่สามารถทำความประหยัด
น้ำมันได้เท่ากับที่เคลมเอาไว้ และพบว่ามีผู้บริโภคหลายรายที่พบว่า C-Max Hybrid กินน้ำมันเกินกว่าคำโฆษณาเมื่อใช้จริง
โดยเมื่อ Ford C-Max Hybrid เปิดตัวออกมา Ford ได้เคลมตัวเลขความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 47 ไมล์/แกลลอน หรือประมาณ
19.9 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในเมืองและทางไกล และทำการแปะตัวเลขเหล่านี้ลงบนฉลากสำหรับรถใหม่ แต่เมื่อมีผู้ซื้อ
Ford C-Max Hybrid ไปใช้จริง กลับพบว่าไม่สามารถทำความประหยัดได้เกิน 16 กม./ลิตรเลย ไม่ว่าจะพยายามขับแบบ
ประหยัดน้ำมันขนาดไหนก็ตาม
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในหมู่ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกามาก เพราะโดยปกติแล้ว สินค้าที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีความสามารถ
เท่ากับคำโฆษณาที่ได้กล่าวไว้ และยิ่งในระยะหลังนี้ ราคาน้ำมันในแดนมะกันเริ่มพุ่งสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคค่อนข้างอ่อนไหวต่อ
ความประหยัดน้ำมันในปัจจุบันกว่าปกติ
อันที่จริงแล้ว กรณีรถยนต์ไม่สามารถทำความประหยัดได้เท่ากับตัวเลขที่โฆษณาไว้ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้
ไม่นาน Hyundai และ Kia 2 แบรนด์รถยนต์จากแดนกิมจิ ก็ต้องมีการแก้ไขตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ของตนใหม่
หลังจากออกจำหน่ายได้ไม่นาน และมีผู้บริโภคเริ่มแสดงความไม่พอใจที่รถยนต์ของตนไม่สามารถประหยัดได้อย่างที่คาดไว้
หรือแม้แต่ Toyota Prius เองก็มีความแตกต่างค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตัวเลขความประหยัดน้ำมันตามมาตรฐานสหรัฐอเมริกาที่เคลมไว้
กับตัวเลขที่ได้ในชีวิตจริง
ซึ่งหลังจากเกิดความไม่พอใจของผู้ใช้ Ford C-Max Hybrid ทาง Ford ได้ออกมายอมรับว่า ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองดังกล่าวเป็น
ตัวเลขที่ไม่ได้เกิดจากการทดสอบจริง โดยเป็นการนำเอาตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของ Ford Fusion Hybrid ซึ่งใช้ขุมพลังเดียวกัน
มาดัดแปลงด้วยการคำนวณจากขนาดตัวรถและความลู่ลมของ C-Max Hybrid ทั้งนี้ เป็นเพราะช่องโหว่ของกฏจาก EPA หรือ
สำนักงานรักษาสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวไว้ว่า รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังเดียวกัน
และมีน้ำหนักตัวรถใกล้เคียงกัน จะอนุญาตให้ใช้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเดียวกันได้ แม้ว่าจะเป็นรถยนต์
คนละรูปทรงก็ตาม นั่นทำให้ Ford เลือกใช้ตัวเลขความประหยัดน้ำมันของ C-Max Hybrid ที่ใช้ขุมพลังและ
มีน้ำหนักใกล้เคียงกับ Fusion Hybrid
อย่างก็ตาม แม้ Ford จะอ้างถึงช่องโหว่จากกฏของ EPA แต่ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบอยู่ดี เนื่องจากแสดง
ถึงความไม่จริงใจต่อผู้บริโภค เพราะคู่แข่งโดยตรงอย่าง Toyota Prius V ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกัน และมีน้ำหนักใกล้เคียงกับ
Prius ตัวถังแฮตช์แบก ยังลงทุนทดสอบและใช้ตัวเลขความประหยัดคนละชุดกับ Prius เลย
สุดท้ายแล้ว Ford ตัดสินใจยินดีจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ใช้ Ford C-Max Hybrid ทั้งหมด เป็นจำนวน 550 เหรียญสหรัฐฯ
หรือประมาณ 17,260 บาท และ 325 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1 หมื่นบาท สำหรับผู้เช่าซื้อ และทำการ
ปรับตัวเลขฉลากความประหยัดน้ำมันบนรถยนต์ C-Max Hybrid ในดีลเลอร์ทั้งหมด ให้เป็น 43 MPG หรือ
18.2 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่แบบผสม 45 MPG หรือ 19.1 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในเมือง และ
40 MPG หรือ 17 กม./ลิตร เมื่อขับขี่บนไฮเวย์เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพื่อทำให้ตัวเลขมีความใกล้เคียงกับ
การใช้งานในชีวิตจริงมากขึ้น
สำหรับหลายๆคนที่ข้องใจว่า ทำไมรถยนต์ขุมพลังไฮบริดถึงมักจะมีตัวเลขความประหยัดที่ไม่ตรงกับตัวเลข
ที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างไว้ ทั้งนี้เป็นเพราะสภาพอากาศในชีวิตจริงที่มักจะแตกต่างกับในห้องทดลอง รวมถึงสภาพของ
รถยนต์ ซึ่งรถยนต์ที่ยังไม่พ้นช่วงรัน-อิน มักจะใช้น้ำมันมากกว่า เนื่องจากชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนยังไม่เข้าที่
ส่วนสำคัญหลักเลยคือสไตล์การขับขี่ของแต่ละคน โดยหากขับขี่โดยควบคุมคันเร่งอย่างนิ่มนวล และขับขี่
โดยพยายามใช้พลังงานไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด จะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้ โดยเฉพาะการขับขี่บนจราจรที่ติดขัด
นอกจากนี้ ด้านหน่วยงาน EPA เอง ก็เตรียมจัดระเบียบข้อกำหนดและกฏสำหรับการคำนวณตัวเลขอัตรา
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงใหม่ เพื่อทำให้มีความถูกต้องกับการใช้งานในชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น และเพื่อทำให้มีความ
เหมาะสมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนยุคใหม่ที่พลังงานไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างชัดเจน
นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ตั้งใจรักษาสิทธิผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งในอนาคตเราอาจได้เห็นตัวเลขความประหยัด
ที่เคลมจากผู้ผลิตรถยนต์ ตรงกับการใช้งานในชีวิตจริงมากขึ้น
ที่มา : Automotive News