กระแสรถยนต์พลังไฟฟ้านั้นจะทวีคูณความแรงขึ้นทุกที เมื่อหลายผู้ผลิตรถยนต์เริ่มส่งสัญญาณ
ความสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การแข่งขันดูจะดุเด็ดเผ็ดมันขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจาก
ที่ค่ายรถยนต์แดนอาทิตย์อุทัย Nissan นำร่องก่อนใครด้วย Leaf ไปแล้ว คราวนี้ถึงทีของผู้ผลิต
รถยนต์ยักษ์ใหญ่แดนมะกันอย่าง Ford จะขอส่งผู้ท้าชิงเข้าสู่สังเวียนรถยนต์ไฟฟ้าล้วนบ้าง ด้วย
การจับเอารถยนต์คอมแพคท์ยอดนิยมโฉมล่าสุดอย่าง Focus มาขับเคลื่อนด้วยพลังกระแส
ไฟฟ้ากันบ้าง โดยมีการเปิดตัวไปแล้ว ณ งาน CES 2011
การจับเอา 2012 Focus มาใส่ขุมพลังไฟฟ้านั้น ไม่ได้มีเพียงแค่การถอดขุมพลังสันดาปออก
ไปแน่นอน ด้านงานดีไซน์ก็ได้รับการปรับแปลงไปด้วย เริ่มต้นจากกระจังหน้าและกันชนหน้า
ที่ถูกออกแบบใหม่ ให้ดูเรียบง่ายกว่าเดิม พร้อมทั้งถอดรองเท้าเดิมออก แทนที่ด้วยล้ออลุมินัม
ขนาด 17 นิ้วลายใหม่ลงไปแทน นอกจากนี้ฟอร์ดยังขอใส่ของเล่นที่ชื่อว่า Light Ring ที่เป็นแสงไฟ
รอบช่องต่อชาร์จไฟของตัวรถ คอยเตือนว่าชาร์จไฟเสร็จแล้วหรือไม่
ส่วนภายในนั้น ได้รับการเปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ เป็นผ้าที่มาจากการ Recycle แสดงให้เห็น
ถึงความใส่ใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบ
เต็มเหนี่ยว ไม่ว่าจะเป็นกุญแจ Keyless, ระบบเครื่องเสียงจาก Sony และมาตรวัด EcoGuide
พร้อมระบบ MyFord Touch แบบเฉพาะสำหรับ Focus Electric ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ทราบถึง
ข้อมูลต่างๆของตัวรถ เช่น ระยะทางที่วิ่งต่อไปได้, สถานะของแบตเตอรี่ โดยทั้งหมดนี้ มาในรูป
ทรงของคอนโซลที่เหมือนกับ Focus เวอร์ชั่นปกติ
ด้านรายละเอียดทางวิศวกรรมนั้น Focus Electric ใช้แบตเตอรี่แบบ Li-ion โดยถูกจำกัดความ
เร็วไว้ที่ 136 กม./ชม. ซึ่งสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 100 ไมล์ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่
เต็ม โดยใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเพียง 3-4 ชม. ด้วยที่ชาร์จกำลังไฟแบบ 240 โวลต์
แบบพิเศษ ซึ่งถือว่าน้อยกว่า Nissan Leaf ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนข้อมูลเรื่องกำลัง
ของมอเตอร์ไฟฟ้าและแรงบิดนั้นยังไม่มีการเผยออกมา
Ford Focus Electric พร้อมเปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ ในรัฐที่จำกัดเท่านั้น
คือ Atlanta, Austin, Houston, Boston, Chicago, Denver, Detroit, Los Angeles,
San Francisco, San Diego, New York, Orlando, Phoenix, Tucson, Portland,
Raleigh Durham, Richmond, Seattle และ Washington, D.C. ส่วนภูมิภาคอื่นนั้น
ต้องรอกันไปก่อน