หลังทำตลาดมาได้ 3 ปี และมีลูกค้าชื่นชอบกันมากมาย ก็ได้เวลาที่ Ford จะต้องปรับโฉม Minorchange
ให้กับ Ford Edge และ Lincoln MKX Crossover SUV รุ่นขายดีของตนในตลาดอเมริกาเหนือกันเสียที
แม้จะเผยโฉมกันมาตั้งแต่ 10 กุมภาพันธ์ 2010 ในงาน Chicago Auto Show แต่ ทั้งคู่ ก็เพิ่งจะพร้อม
วางขายจริง เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2010 ที่ผ่านมา คราวนี้ Ford แอบเล่นแรง จับเครื่องยนต์ V6
3.7 ลิตร TiVCT ใน รถสปอร์ต Mustang ร่นล่าสุด ปี 2011 มาวางให้ในทั้ง MKX และ Edge
เวอร์ชัน Sport ที่ตกแต่งมาได้ ดุเด็ดเผ็ดร้อน น่าใช้ขึ้นทันตาเห็น

Ford Edge และ Lincoln MKX เป็นรถยนต์นั่งสายพันธุ์ใหม่ที่ Ford เรียกมันว่า CUV ทั้งที่จริงแล้ว
ก็ต้องถือว่าเป็น Crossover SUV อันเป็น รถยนต์นั่งตรวจการอเนกประสงค์ แต่เน้นการขับขี่ในเมือง
เป็นหลัก และมีรูปลักษณ์ไม่บึกบึนเหมือน SUV ทั่วไป กระเดียดมาในแนวทางของรถเก๋งมากกว่า

Edge และ MKX ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง Ford CD3 ซึ่งใช้ใน Mazda CX-7 Mazda CX-9 และ
Mazda 6 / Atenza รุ่นแรก ไปจนถึง Ford Fusion Mercury Milan และ Lincoln MKZ Sedan
เปิดตัวครั้งแรกในงาน Detroit Auto Show เดือนมกราคม 2006 การผลิตของทั้งคู่ เริ่มต้นขึ้น
เมื่อเดือน ตุลาคม 2006 ในฐานะ รถรุ่นปี 2007 และ รถคันแรก ส่งถึงมือดีลเลอร์ เมื่อ
25 ธันวาคม 2006

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Ford Edge ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นแรกๆ ที่ทำให้คนอเมริกัน
เริ่มหันกลับมาอุดหนุน Ford อีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่ช่วงปี 2007 เป็นต้นมา Ford พยายามปรับปรุง
คุณภาพในรถยนต์เวอร์ชันอเมริกันของตน ให้ดึงดูดใจลูกค้ากว่าเดิม และนั่นก็ทำให้ ยอดขายของ
Edge ดีวันดีคืน เพราะแค่เพียง ยอดขายตลอดทั้งปี 2007 อันเป็นปีแรกที่ทำตลาดเต็มทั้งปี Edge
ก็สร้างยอดขายได้สูงถึง 130,000 คัน ! ชนิดที่ คู่แข่ง ทั้ง Toyota Venza Nissan Murano
Honda Accord Crosstour และ Chevrolet Equinox เห็นแล้วก็ยังปาดเหงื่อ

ภายใต้ มิติตัวถังของ Edge ทุกรุ่น ยาว 4,678 มิลลิเมตร กว้างถึง 1,930 มิลลิเมตร สูง 1,701 มิลลิเมตร
และ ระยะฐานล้อยาว 2,824.48 มิลลิเมตร Ford ปรับโฉม Edge จนดูแปลกตาไปจากเดิมมาก ด้วย
กระจังหน้าขนาดใหญ่ จนสงสัยว่า จะงาบบั้นท้ายรถคันที่แล่นอยู่ข้างหน้ากันเลยหรือเปล่า?
พร้อมกันนี้ ยังออกแบบชุดไฟหน้า และเปลือกกันชนหน้าแบบใหม่ ส่วนบั้นท้าย เปลี่ยนมาใช้
ชุดไฟท้ายแบบ รมดำ เพิ่มสีตัวถังใหม่ และมีปลอกท่อไอเสียโครเมียม ทรงรี  ในรุ่น SEL และ
Limited จะมีล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ติดตั้งเป็นมาตรฐานจากโรงงาน แต่ถ้าอยากได้ล้ออัลลอย
ขนาดใหญ่เท่าล้อจักรยาน 20 นิ้ว ก็สั่งเพิ่มได้เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

นอกจากนี้ Ford ยังเพิ่มรุ่นตกแต่งในสไตล์ Sport ที่เรียกกันดื้อๆ สั้นๆ ว่า Ford Edge Sport
(ฟังเผินๆ นึกว่า เป็น น้ำหอมในรถ Glade Sport ยังไงยังงั้น) ตกแต่งด้านหน้า ด้วยกระจังหน้า
แบบ Tuxedo Style สีดำ ดูดุดัน เปลือกกันชนหน้า มาในสไตล์ล้ำยุค เหมือนรถต้นแบบ

ด้านหลัง ถึงจะไม่ได้แตกต่างจากรุ่น Limited คันสีน้ำเงินในภาพบน มากนัก แต่ถ้าสังเกตดีๆ
จะเห็นว่า ชายล่างของตัวรถ พ่นสีเดียวกับตัวถัง จากที่รุ่นปกติ เป็นพลาสติกด้านสีดำธรรมดา
นอกจากนี้ ยังมีล้ออัลลอยขนาดใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่า 22 นิ้ว ให้เลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษ
อีกต่างหาก

ส่วน Lincoln MKX (อ่านว่า Mark-Ex เหมือนชื่อรุ่นของ Toyota Mark-X ในญี่ปุ่นนั่นละ)
ถูกปรับปรุงหน้าตา ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ให้สวยขึ้น จนแทบจำของเดิมไม่ได้เลยทีเดียว
กระจังหน้า เปลี่ยนมาใช้แบบใหม่ที่เรียกว่า split-wing สอดรับกับชุดไฟหน้าแบบใหม่
แถมยังเปลี่ยนเปลือกกันชนหน้าใหม่ ฝากระโปรงหน้า ไปจนถึง แผ่นตัวถังโป่งข้าง
เหนือซุ้มล้อ คู่หน้า ก็ถูกออกแบบใหม่ ให้เข้ากับบุคลิกของรถ มากขึ้นยิ่งกว่าแบบเดิม
ซึ่งดูแข็งทื่อๆ ไม่มีชีวิตชีวา เท่ารุ่นใหม่

ขณะเดียวกัน แผงไฟท้ายแบบเรียบหรู สวยงาม ถูกเปลี่ยนใหม่ เป็นแบบสั้นลง แยก 2 ฝั่ง
ซ้าย-ขวา ชุดไฟท้ายเป็นแบบ LED เปลือกกันชนหลัง พร้อมปลอกท่อไอเสีย และ ฝาประตู
ห้องเก็บของด้านหลัง ก็ยังถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดอีกด้วย ล้ออัลลอย ขนาดมาตรฐานเป็นแบบ
18 นิ้ว แต่ มีล้อขนาด 20 นิ้ว ให้เลือกเป็นออพชันเสริม เหมือนกับ Edge

ภายในห้องโดยสารของ Edge ถูกปรับปรุงคุณภาพวัสดุให้ดียิ่งขึ้น เบาะหนังมให้เลือกเป็นอุปกรณ์
สั่งพิเศษ และมีการเปลี่ยนแผงหน้าปัดใหม่ แผงคอนโซลกลาง ของ Edge เป็นแบบ Floating Design
คือด้านหลังแผงควบคุม จะโล่งโจ้ง คล้ายกับ Volvo S80 S40 V50 C30 รุ่นใหม่ๆ

แต่ใน Lincoln MKX แผงหน้าปัด แม้จะเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงเป็นแบบฝัง
แผงควบคุมกลางเอาไว้ตามเดิม เบาะนั่ง มีโครงสร้างเหมือนกับ Edge แต่พนักศีรษะ และลายตะเข็บ
ฝีเย็บ แตกต่างกัน เช่นเดียวกับตำแหน่งช่องวางแก้วน้ำ ที่ออกแบบมาให้ไม่เหมือนกัน ซึ่งถือว่า
เป็นแนวทางการออกแบบของรถอเมริกันยุคใหม่ๆ ที่ลดการสุกเอาเผากิน จากเดิมที่เคยออกแบบ
ช้นส่วนตัวถังด้านหน้า ให้แตกต่างกัน แล้วขายกันดื้อๆ มาเป็นการเพิ่มความแตกต่าง ให้มากยิ่งขึ้น
ไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อย ภายในรถ

เช่นเดียวกันกับเบาะนั่งด้านหลัง ของ Edge ที่ออกแบบเอาใจผู้โดยสารทั้งเด็กและผู้ใญ่ เข็มขัดนิรภัย
มีมาให้ เป็นแบบ 3 จุด ELR 2 ที่นั่ง และ ELR 2 จุด ตรงกลาง มีพื้นที่รองรับศีรษะใหญ่โตกำลังดี
เช่นเดียวกับพื้นที่วางขา

ส่วน MKX นอกจาก ชุดเบาะจะมีโครงสร้างเหมือนกัน (แต่ลายตะเข็บ และฝีเย็บบนเบาะต่างกันนิดหน่อย)
แผงประตูคู่หลัง ยังเหมือนกันอีกด้วย เพียงแต่ประดับตกแต่งด้วยลายไม้ และแถบโครเมียม เพิ่มความหรูเข้าไป
ทั้งคู่ มีช่องแอร์ สำหรับผู้โดยสารด้านหลังมาให้ ด้านหลัง กล่องคอนโซลกลาง เหมือนกัน

เบาะแถว 2 ของทุกรุ่น สามารถแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 40 : 20 : 40 เพื่อเปิดทะลุถึงห้องเก็บของด้านหลัง
ขนาดใหญ่ ราวๆ 32 ลูกบาศก์นิ้ว แต่ถ้าพับเบาะหลังลงราบ ความจุจะเพิ่มเป็น 68.9 ลูกบาศก์นิ้ว
พื้นห้องเก็บของด้านหลัง แบนราบเรียบต่อเนื่องไปกับด้านหลังของพนักพิงเบาะแถวหลัง

ส่วน ซันรูฟ มีเป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ ของทั้ง 2 รุ่น โดย มีทั้งด้านหน้า และด้านหลัง

จุดเด่นสำคัญของเทคโนโลยีความสะดวกสบายในห้องโดยสารของ ทั้ง Edge และ MKX อยู่ที่ ระบบ
MyFord Touch infotainment system (เป็นอุปกรณ์ มาตรฐานใน รุ่น Limited และ Sport) ซึ่งจะไม่มี
ปุ่มแบบเดิมๆให้กดอีกต่อไป แต่จะใช้จอ LCD และปุ่มแบบ 5 Way เหมือนที่พบได้บนโทรศัพท์มือถือ
หรือเครื่องเล่น MP3 นั่นเอง จอที่ว่าจะแสดงข้อมูลแตกต่างกันไป ตามผู้ขับขี่แต่ละคนตั้งเอาไว้ 
เพียงแค่กดปุ่ม หรือ ใช้ระบบสั่งการด้วยเสียง voice command หรือแตะสัมผัสลงบนหน้าจอ

ส่วนในรุ่น Sport จะมีการประดับด้วย แถบลวดลาย liquid silver smoke โดยเบาะนั่งจะหุ้มด้วยหนังแบบ
silver smoke metallic มีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift และแป้นคันเร่งกับเบรก aluminum
ทั้งคู่ให้พวงมาลัย แบบ Multi-Function ออกแบบจนชวนให้นึกถึงพวงมาลัยของ Honda หลังปี 2005 เป็นต้นมา

ใน Lincoln MKX มีการเปลี่ยนแผงหน้าปัดใหม่เช่นกัน มีทั้งโทสีดำ หรือเทา ตามปกติ แต่ที่เห็นอยู่นี้
มาเป็นสีน้ำตาล ประดับด้วยแผงสีทอง ซึ่งเป็นเทรนด์ ที่ดูเหมือนจะเอาใจลูกค้าผิวดำ ยุคใหม่ เอาเรื่อง
MyLincoln Touch driver connect system เหมือนใน Edge นอกจากนี้ยังมีระบบนำทางด้วยเสียง
Voice-Activated Navigation System พร้อมเชื่อมต่อกับโปรแกรมคลังเพลง iTunes วิทยุแบบ HD Radio
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ และรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control
รวมทั้งระบบ Collision Warning with Brake Support.ที่ยกมาจาก Volvo S80 ใหม่ และเครื่องปรับอากาศ
Dual Zone แยกฝั่งซ้าย-ขวา

Ford Edge 2011 จะมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และรุ่นขับเคลื่อน สี่ล้อ All-Wheel Drive
ในรุ่น SE / SEL และ Limited จะวางเครื่องยนต์ บล็อกอะลูมีเนียมหล่อขึ้นรูป V6 DOHC 24 วาล์ว
ขนาก 3.5 ลิตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.8 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด Sequential multi-port electronic
 fuel injection พร้อม ระบบแปรผันวาล์ว TiVCT (Twin independent Variable Cam Timing)
285 แรงม้า (SAE Net) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 34.91 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที เชื่อมด้วย
เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทั้งแบบมาตรฐาน และแบบ SelectShift หรือโหมด บวกลบ เพื่อเลือกเล่น
เปลี่ยนเกียร์ขณะขับขี่เอง อัตราทดเฟืองท้าย 3.16 (FWD & AWD) / 3.39 (Limited AWD กับล้อ
ขนาด 20 นิ้ว)

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ตามมาตรฐานของ EPA สหรัฐอเมริกา  
รุ่น SE เฉลี่ย ในเมือง 19 ไมล์/แกลลอน ไฮเวย์ 26 ไมล์/แกลลอน และเฉลี่ยรวม 21 ไมล์/แกลลอน
รุ่น SEL และ Limited เฉลี่ยในเมือง 19 ไมล์/แกลลอน ไฮเวย์ 27 ไมล์/แกลลอน เฉลี่ยรวม 22 ไมล์/แกลลอน

ส่วนรุ่น Sport และ Lincoln MKX ก็ยังคงมีทั้งรุ่นขับล้อหน้า และรุ่น All-Wheel Drive เช่นกัน
เพียงแต่ เครื่องยนต์ จะถูกยกระดับขึ้นเป็น บล็อกอะลูมีเนียมหล่อ V6 DOHC 24 วาล์ว ขนาด
3.7 ลิตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 หัวฉีด Sequential multi-port electronic fuel injection และ
ระบบแปรผันวาล์ว TiVCT แรงขึ้นเป็น 305 แรงม้า (SAE Net) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
38.64 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดบวกลบ
SelectShift และมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddle Shift ที่ด้านหลังพวงมาลัย อัตราทดเฟืองท้าย
3.16 (FWD) / 3.39 (AWD) อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ตามการทดสอบของ EPA สหรัฐอเมริกา
ในเมือง 18 ไมล์/แกลลอน ไฮเวย์ 25 ไมล์/แกลลอน เฉลี่ยรวม 20 ไมล์/แกลลอน

ทุกรุ่น ใช้ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัต แขนล่างรูปตัว L พร้อมกับซับเฟรม ส่วนด้านหลัง
เป็นแบบ มัลติลิงค์ พร้อม trailing blade control arms และซับเฟรม ใช้ช็อกอัพแบบ Gas-pressurized,
hydraulic, twin-tube และมีเหล็กกันโคลง มาให้ทั้งหน้า-หลัง ระบบห้ามล้อเป็นแบบ ดิสก์เบรก ทั้ง 4 ล้อ
พร้อมระบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบช่วยคุมเสถียรภาพ AdvanceTrac และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ
Roll Stability Control (RSC) พวงมาลัยแบบ แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรง และ มีปั้มควบคุม
แรงดันน้ำมันเพาเวอร์

Ford Edge ออกขายแล้ว ในสหรัฐอเมริกา ด้วยราคาเริ่มต้นในรุ่น SE 27,995 เหรียญสหรัฐฯ
รุ่น SEL 30,995 เหรียญสหรัฐฯ รุ่น Limited 34,995 เหรียญสหรัฐฯ และ รุ่น Sport 36,995 เหรียญสหรัฐฯ
อยากรู้ว่าราคาเท่าไหร่ คูนด้วย 32.50 บาท อันเป็นอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด ในวันนี้ เข้าไป

ส่วน Lincoln MKX เตรียมจะออกสู่ตลาดในอีกไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ และคาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ระดับ
39,000 เหรียญ ขึ้นไป ในรุ่น Premium Package

 

—————————————–///———————————————

 (Source : Ford Motor Company)