การแถลงแผนฟื้นฟู Chrysler ณ Auburn Hills อันเป็นสำนักงานใหญ่ที่นำทีมโดย Sergio Marchionneซีอีโอของ Fiat Spa นั้นไม่ธรรมดาแน่นอน นี่คือการรายงานแผนฟื้นฟูธุรกิจจากกลุ่มนักบริหาร Chrysler LLC จำนวน 17 ท่านยาวนานลำดับต้น ๆ ของโลกถึง 8 ชั่วโมง นานเสียจนลิงอาจมีหลับได้ แต่เชื่อว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องคงไม่อาจข่มตาสิ่งที่กลุ่มบริษัท Fiat Spa วาดแผนอนาคตให้กับกลุ่มบริษัท Chrysler LLC ที่เปรียบเสมือนสมบัติของชาติแน่นอน

 
 

ความตกต่ำของค่ายรถยนต์เป็นสิ่งที่ชนชาวอเมริกันรับไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าสถาบันทางการเงิน แต่บริษัท Chrysler นั้น ยากที่จะยอมรับการปิดตัวลงได้เพราะเมื่อนั้นจะเกิดหายนะทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรงกว่านี้แน่นอน Chrysler LLC เริ่มเข้าสู่กระบวนการล้มละลายพิทักษ์ทรัพย์หรือ Chapter 11 ซึ่งได้รับเงินจำนวน 5,700 ล้านบาทจากรัฐบาลเพื่อนำไปปรับโครงสร้างองค์กรแดนสนทยาแห่งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งนี้คือกลุ่มบริษัท Fiat Spa แห่งอิตาลีเท่านั้น

แผนฟื้นฟูกิจการ Chrysler เป็นแผนระยะสั้นภายใน 5 ปีโดยมี Fiat Spa เป็นผู้สนับสนุนแผนการดังกล่าวเกิน 50% เริ่มแผนปฏิบัติการในปี 2010 เป็นปีแรก หวังผลให้ Chrysler มีกำไรไม่ติดตัวแดงภายในปี 2011 และจะสามารถให้หลุดพ้นจากหนี้สินของรัฐบาลได้ภายในปี 2014

และหนึ่งในแผนการที่จะฟื้นคืนกำไรให้แก่ Chrysler ก็ต้องเริ่มมาจากผลิตภัณฑ์ที่ดีด้วย หากผลิตภัณฑ์ยังมีคุณภาพไม่พอหรือรถยนต์ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดก็จะเป็นวังวนของความตกต่ำอีกเช่นเคย ดังนั้นจึงเห็นสมควรที่จะอัดฉีดเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่ทันสมัย คุณภาพดีและมีเทคโนโลยีชั้นสูงซึ่งเป็นสิ่งที่ Chrysler ขาดแคลนอย่างมาก

รถยนต์นั่งรุ่นใหม่ของ Chrysler LLC ทั้งหลายจะอยู่ภายใต้ 4 แบรนด์หลักที่ทาง Fiat Spa เห็นควรว่าสมควรจะต้องปรับโครงสร้างเพื่อความชัดเจนในการทำตลาด ได้แก่

 
 

1.Chrysler ที่เจาะตลาดแมสระดับเดียวกับ Chevrolet แต่เพิ่มคุณค่าแห่งแบรนด์รถยนต์ที่คุ้มค่าควรแก่การซื้อใช้ ทั้งคุณภาพสินค้าที่โดดเด่น สวยงาม มีความทนทานน่าเชื่อถือ มีเทคโนโลยีที่ดี การบริการที่ดีเยี่ยม ค่าบริการไม่โหดจนเกินไป จนก่อให้เกิด Brand Loyalty ในระยะยาวซึ่งเป็นสิ่งที่ Chrysler ยังขาดอยู่ในอดีต ซึ่งไม่มีใครอธิบายได้ดีเท่ากับรายงานผลของผู้ใช้รถยนต์ที่ไม่เคยมี Chrysler ติดโผอันดับต้น ๆ เลย

รถรุ่นใหม่ของ Chrysler ต้องสัญญากับลูกค้าไว้ว่าเป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน น้ำหนักเบา มีเทคโนโลยีที่ลูกค้าคาดหวัง โดยมีรถยนต์ที่พัฒนาโดย Fiat และ Chrysler มากถึง 21 รุ่นภายในปี 2014 นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ก็ต่างนำมาแลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ในการพัฒนารถยนต์ขั้นสูงสุดอีกด้วย

 
 

Fiat จะส่งรถยนต์ที่ตนเองพัฒนาให้กับ Chrysler ได้แก่ รถคอมแพคท์ซีดานที่มาแทนที่ Chrysler PT Cruiser ภายในปี 2012,รถขนาดเล็กภายในปี 2013,Chrysler Sebring โฉมใหม่ภายในปี 2013 และรถครอสโอเวอร์ขนาดคอมแพคท์ภายในปี 2013

รถยนต์ที่ Chrysler พัฒนาเองได้แก่ Chrysler 300c ที่เปลี่ยนโฉมในปี 2010 และ Chrysler Town & Country เปลี่ยนโฉมภายในปี 2014

 
 
 

2.Dodge แบรนด์ที่เน้นสมรรถนะสูงที่เปลี่ยนตำแหน่งแบรนด์เสียใหม่ให้มีบุคลิคอ่อนเยาว์และสุภาพมากขึ้น กระบวนการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งแบรนด์จะแล้วเสร็จาภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2010 โดยเผยให้เห็นโลโก้ใหม่จากสัญลักษณ์กลายเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ

 
 

รถยนต์ทุกคันภายใต้แบรนด์ Dodge รุ่นปัจจุบันจะถูกปรับปรุงคุณภาพรอบคันเท่าที่พึงกระทำได้ ได้แก่
-รุ่น Caliber ซึ่งเป็นรถครอสโอเวอร์ที่มาแทนที่รุ่น Neon จะถูกปรับปรุงภายใน สีตัวถังใหม่ ล้อลายใหม่ ปรับปรุงรายละเอียดตัวถังและปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาด
-รุ่น Avenger รถ D-segment ทรงบึกบึนจะถูกเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ ปรับปรุงภายนอกใหม่ ปรับปรุง NVH ขับขี่สะดวกสบาย แรง และประหยัดน้ำมัน
-รุ่น Journey รถครอสโอเวอร์รุ่นใหญ่กว่า Caliber ถูกปรับปรุงรอบคันเสียใหม่ ปรับปรุงห้องโดยสารใหม่ เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ปรับปรุง NVH ขับขี่สะดวกสบาย แรง และประหยัดน้ำมัน
-รุ่น Caravan รถมินิแวนขนาดใหญ่ก็จะถูกปรับปรุงรอบคันเช่นกัน

 
 
 

ไม่เพียงแค่รถปรับปรุงใหม่เท่านั้น Dodge ยังจะมีรถรุ่นใหม่ทำตลาดเสริมทัพที่สนับสนุนโดย Fiat อีกด้วย อาทิ รถซีดาน C-segment ในปี 2012 ,รถแฮทช์แบคท์ B-segment ในปี 2013 และรถซีดาน D-segment ที่มาแทนที่ Avenger ในปี 2014

ส่วนรถเปลี่ยนโฉมรุ่นใหม่ที่ทาง Chrysler พัฒนาเองก็ได้แก่ Dodge Full size ครอสโอเวอร์ภายในปี 2010,Dodge Charge ภายในปี  2010 และ Dodge Grand Caravan ภายในปี 2014

ส่วนรถรุ่นที่ไม่เป็นประโยชน์กับ Dodge  จนสมควรต้องตัดทิ้งก็ได้แก่ Dodge Dakota กระบะไซส์คู่แข่ง F-150 และทับซ้อนกับรถในไลน์อัพบางรุ่นและ Dodge Caliber ที่มีบุคลิคไม่เด่นชัดนัก คงยกเว้นแต่เพียง Dodge Viper เท่านั้นที่ต้องยุติบทบาทลงกลางปี 2011 ก่อนจะจุติใหม่ในปี 2012

 
 

3.Ram ในอดีตเคยเป็นชื่อรถกระบะรุ่นหนึ่งในแบรนด์ Dodge แต่ตอนนี้กลายมาเป็นแบรนด์หนึ่งที่แยกมาทำตลาดรถกระบะ รถอเนกประสงค์ และรถเพื่อการพาณิชย์เท่านั้น โดยใช้ตราสินค้าจาก Dodge เปลี่ยนเป็นสีเงินโครเมี่ยมทั้งโลโก้

จุดยืนของแบรนด์ Ram โดยมีคุณสมบัติเด่นคื รองรับการใช้งานหลากหลาย,คุณภาพความทนทาน,ดีไซน์และความคุ้มค่า

โครงสร้างของรถรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน ได้แก่รถรุ่น Dakota จึงต้องเป็นรถที่จะต้องสูญพันธุ์ภายในกลางปี 2011 เพื่อเปิดทางให้รถกระบะขนาด Midsize แบบ Unibody โดยไม่ต้องใช้แชสซีส์อีกต่อไป,

คงจะมีพื้นที่ให้ Fiat เกี่ยวข้องในไลน์สินค้าที่ตนเองไม่มีหรือไม่ถนัดเอาเสียเลยอันได้แก่ รถตู้อเนกประสงค์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ส่งทำตลาดภายในปี 2012

 
 

4.Jeep แบรนด์แห่งเจ้าทะเลทรายที่เริ่มจะดูมีปัญหานับตั้งแต่กระแสรถเอสยูวีดับสูญในตลาดอเมริกันทำให้จุดยืนของแบรนด์นี้เป๋ไปสู่ตลาดรถเอสยูวีประเภทอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าไม่ทำแบรนด์ Jeep อาจจะต้องตายไปนานแล้วก็ได้ แต่โชคดีที่เอกลักษณ์ของ Jeep ยังแข็งแกร่งจนสามารถต่อยอดไปยังตลาดครอสโอเวอร์แบบอื่น ๆ โดยไม่ถึงกับขัดเขินนัก เพียงแต่ว่ารถรุ่นใหม่จะต้องปรับรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัยเสียหน่อย

 
 

แม้ดูเผิน ๆ  Fiat มิอาจมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูแบรนด์นี้ แต่อย่าลืมว่า Fiat เองก็เริ่มพัฒนารถเอสยูวีและครอสโอเวอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามแผนของพวกเขาเช่นกัน เริ่มต้นจากรถเอสยูวีขนาดเล็กระดับ B-segment เตรียมเปิดภายในปี 2013 ว่ากันว่าอาจจะเป็น Fiat Panda โฉมใหม่เวอร์ชันเอสยูวี,รถคอมแพคท์เอสยูวีระดับ C-segment ที่มาแทนที่ Jeep Patriot และ Jeep Compass ภายในปี 2013,Jeep Liberty โฉมใหม่เปิดตัวในปี 2013 เท่ากับว่าปิดตำนาน Cherookee อย่างถาวรแน่นอนแล้ว

ส่วนรถรุ่น Wrangler ยังคงทำตลาดต่อไปเนื่องจากเป็นมรดกของแบรนด์นี้ และรุ่น Commander ที่ยังคงทำตลาดแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในตลาดโลกต่อไป และ Jeep Grand Cherokee โฉมใหม่มีกำหนดขึ้นโชว์รูมไม่นานนัก

ไหน Fiat ร่วมฟื้นฟู Chrysler กันขนาดนี้แล้ว จึงอยากให้แบรนด์นี้มีที่ยืนในตลาดสหรัฐอเมริกาด้วยการส่ง Fiat 500 มาทำตลาดครบทุกไลน์อัพครับ

เป้าหมายของการกอบกู้ Chrysler ครั้งนี้คือการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากเดิมที่มีอยู่ 5.8% ให้มาอยู่ระดับ 10% กว่าภายในปี 2014 ครับ