ค่ายรถฝรั่งเศสชอบทำตัวแปลกประหลาดให้วงการรถยนต์สม่ำเสมอจนเอาแน่นอนเอานอนกันไม่ได้ ก็แน่นอนความคิดสร้างสรรค์มันห้ามกันไม่ได้ บทจะออกรถยนต์ที่มีรูปทรงล้ำสมัยในโลกหล้าก็กระทำโดยไม่สนใจใคร แต่พอออกรถรุ่นใหม่ก็จะเรียบง่ายก็ปรับเส้นให้จนดูเหมือนรถปกติแต่ดูร่วมสมัยตามยุค

 
 
 

ดั่งจะเห็นได้จากรถยนต์ค่าย Renault ที่ผีเข้าผีออกกันบ่อยอันเนื่องจากอยากทดลองและอยากฉีกตลาดกันใหม่ ยกตัวอย่างเช่น Renault Twingo รถนาครจิ๋วระดับ A-segment พี่ท่านก็ฉีกกฏการออกแบบรถเล็กในปลายยุค 80 จนถึงต้นยุค 90 หลุดลุ่ย แต่พอกลับมาเป็น Twingo เจเนเรชั่นที่ 2 ที่เปิดตัวในปี 2007 ก็กลับมามีเส้นสายเหมือนรถเล็กทั่ว ๆ ไป (จะว่าไป Ford Ka ก็เข้ากฏเดียวกับ Renault Twingo )

 
 

รถระดับ C-segment ก็เช่นกันมีค่ายรถฝรั่งเศส 2 ค่ายที่กล้าหาญออกแบบฉีกแนวของตนเองและดูท่าว่าการฉีกแนวนั้นน่าจะทำให้ลูกค้าบางกลุ่มรับไม่ค่อยมากนักทำให้รถเจเนเรชั่นใหม่ต้องปรับแนวเส้นให้ราบเรียบมากขึ้นหรือค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม

ยกตัวอย่าง Renault Megane เจเนเรชั่นที่ 2 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2002 ที่กล้าฉีกแนวด้วยบั้นท้ายแนว Avant-garde ไม่เหมือนบั้นท้ายรถแฮทช์แบคทั่วไปที่เส้นสายจะลาดตรง พอขึ้นเจเนเรชั่นที่ 3 Renault ก็ปรับเปลี่ยนทรงตัวรถให้กลายเป็นรูปแบบแฮทช์แบคทั่ว ๆ ไปที่พบเห็นไม่ฉีกแนวเหมือนรุ่นก่อน

Citroen เองก็เคยอยากฉีกแนวรถ C-segment ด้วยการออก C4 เพื่อเป็นรถที่มาแทนที่ Xsara ด้วยทรงตัวถังแบบครึ่งวงรีคล้าย ๆ C3 ดูแปลกตาไปจากรถคู่แข่งรายอื่น ๆ บ้างก็ว่าดูแปลกตาหรือดูไม่ดีก็มีพอสมควร

 
 

ดังนั้น Citroen C4 เจเนเรชั่นที่ 2 ก็เข้ากฏเหล็กเดียวกับค่าย Renault คือต้องปรับเส้นโครงสร้างตัวถังให้ดูสามัญประจำบ้านมากขึ้นซึ่ง Citroen คงเริ่มเข้าใจแล้วว่าตลาดรถ C-segment ไม่จำเป็นต้องฉีกแรงจนเส้นสายแปลกตาไปขนาดนั้น หากออกแบบฟอร์มของรถดูสะอาดตาแต่แต่งรายละเอียดของรถให้ดูล้ำสมัยน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งด้านการยอมรับและยอดขาย

รูปร่างหน้าตาก็ประจักษ์แล้วว่าต้องพลิกกลับไปสู่ความเรียบง่ายหรือความธรรมดาสามัญมากขึ้นซึ่งแตกต่างจาก Citroen รุ่นใหม่ ๆ ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนเองเช่นเคย ได้แก่ C3, DS3 เป็นต้น

มิติตัวถัง C4 รุ่นใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วยความยาว 4,330 มม. ความกว้าง 1,790 มม. และสูง 1,490 มม. เมื่อเปรียบกับคู่แข่ง 2 ตัวเป้งแล้วอย่าง Volkswagen Golf และ Ford Focus ขนาดตัวถัง C4 รุ่นใหม่จะแทรกกลางระหว่างรถ 2 คันนี้

แต่ถึงแม้รถจะสั้นกว่า Ford Focus ก็จงอย่าดูถูก Citroen C4 รุ่นใหม่ครับ โดยเฉพาะเนื้อห้องสัมภาระที่มีเนื้อที่มากถึง 408 ลิตรมากกว่า Ford Focus 20 ลิตร

ส่วนระยะฐานล้อและน้ำหนักตัวรถก็ยังถูกปกปิดเอาไว้จนกว่าจะเปิดตัวแต่ Citroen ก็เปิดเผยแล้วว่าน้ำหนักตัวถังจะลดลงกว่ารุ่นก่อนแน่นอน

ดีไซน์ตัวรถได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ C5 มาไม่น้อยไล่ตั้งแต่ชุดไฟหน้า, กระจังหน้าพร้อมกันชนหน้าที่แทบจะถอดแบบจากรุ่นพี่ ส่วนแนวเส้นและรูปทรงตัวถังกลับให้ความรู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่รถ Citroen ที่เคยเป็นมา กลายเป็นว่าโครงรถแนวนี้เราก็จะพบเห็นได้ตามรถยุโรปทั่ว ๆ ไปมากกว่า

ที่สำคัญเอกลักษณ์ทรงหลังคาครึ่งวงรีได้อันตรธานหายไปเรียบร้อยแล้ว Citroen เลือกเดินเส้นหลังให้กลายเป็นรถแฮทช์แบค 5 ประตูทั่ว ๆ ไปแล้ว แต่อย่างน้อยบั้นท้าย C4 รุ่นใหม่ก็ลงตัวขึ้นกว่ารุ่นเดิมพอควร

 
 

ภายในห้องโดยสารละทิ้งความไฮเทคและนวตกรรมทดแทนด้วยหนักแน่น หรูหราและมีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะแผงหน้าปัดที่ดูคล้าย ๆ Citroen ยุคใหม่หลายรุ่น ส่วนพวงมาลัยแบบ 2 ก้านที่ยึดล๊อกแป้นแกนกลางไม่ให้หมุนตามที่ Citroen อ้างว่าเพื่อความปลอดภัยก็ถูกยกเลิกแล้วโดยที่เราก็ไม่ทราบเหตุผล

แม้รายละเอียดทางเทคนิคยังไม่ถูกเปิดเผยแต่ Citroen ยืนยันแล้วว่าขุมพลัง Hybrid ที่จับคู่เครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำตลาดในชื่อ e-HDI ซึ่งมาพร้อมนวตกรรมยาง Michelin แรงเสียดทานต่ำ,ระบบ Start-Stop จนสามารถปล่อยค่าไอเสีย CO2 ได้เพียง109 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะเตรียมส่งทำตลาดแน่นอนภายในต้นปีหน้า

ในเมื่อ Citroen ปรับลุคเอาใจตลาดส่วนใหญ่ขนาดนี้ก็คงคาดว่าได้ว่ามันน่าจะมียอดขายที่ดีกว่าเดิม

 
 

ส่วนประเทศไทยจะนำเข้ามาขายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความใจกล้าของผู้แทนจำหน่ายครับ เพราะรุ่นเดิมก็ขายได้ในระดับกระปริบกระปรอยเท่านั้น