เรารู้สึกว่าค่ายรถยนต์ใดที่เริ่มจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่มักจะเป็นช่วงที่มีปัญหาสะสมเรื้อรังก่อนที่จะเกิดวิกฤติจนต้องให้ผู้อื่นยืมมาช่วยให้อากาศหายใจจนเร่งปรับตัวเพื่อฟื้นตัวเองแล้วเร่งสปีดกลับด้วยทรัพยากรใหม่ ๆ ที่ตนเองซุ่มพัฒนาก่อนจะเกิดวิกฤติเสียด้วย

Chrysler ก็ถือเป็น 1 ในค่ายรถยนต์ที่เร่งปรับตัวตอนตนเองใกล้จะวิกฤติจวนตัวจริง ๆ ขณะที่ก่อนหน้านั้น Chrylser กลับไม่ปรับตัวเร่งรับมือกับสถานการณ์รถยนต์ในตลาดอเมริกันเอาเสียเลย จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันช่วงปลายปี 2008 สิ่งที่เตรียมตัวเอาไว้ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว

ในอดีตรถยนต์ Chrysler มักมีปัญหาด้านคุณภาพตัวรถอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์รถบางรุ่นภายนอกไม่เข้าตากรรมการ, ภายในห้องโดยสารไม่มีความน่าใช้ใด ๆ ทั้งสิ้นจนถึงขั้นบอกเลิกศาลากันได้เลยเพียงแค่ด้วยตาเปล่า, สมรรถนะการขับขี่, เทคโนโลยีทั้งหมดรวมไปถึงอัตราสิ้นเปลืองก็ยังสู้รถฝั่งเอเชียและคู่แข่งสัญชาติอเมริกันอย่าง Ford ไม่ได้

แต่ยังดีที่ Chrysler มีมรดกไว้ให้ตนเองต่อยอดได้นั่นก็คือแนวทางการออกแบบรถยนต์ซีดานขนาดใหญ่สไตล์อเมริกันหรูอย่างรุ่น 300C ที่ได้รับชื่อเสียงการออกแบบในช่วงแรก ๆ ของการเปิดตัว แต่ทว่าหันมาดูฝั่งรถซีดานขนาดกลางระดับ D-segment อย่างรุ่น Sebring เห็นทีจะต้องพลิกโฉมแนวคิดการพัฒนารถรุ่นนี้ใหม่ทั้งหมดจะดีกว่า

 

 

ในเมื่อตลาด D-Segment อเมริกันถูกยึดครองโดยค่ายรถยนต์เอเชียชั้นนำแทบทั้งนั้นได้แก่ Toyota Camry, Honda Accord, Hyundai Sonata และ Nissan Altima ขืน Chrysler ลากแนวการออกแบบรถซีดานในปัจจุบันมาท้าชนกับเขาเห็นทีแท้งตั้งแต่ไม่ปฏิสนธิแล้ว

ดังนั้น Chrysler จึงต้องพัฒนารถซีดานขนาดกลางของตนให้ยกระดับคุณภาพไปอีกขั้นหนึ่งทั้งความประณีต, ความหรูหรา และความคุ้มค่าที่มีให้ยิ่งกว่าเดิม แต่กว่าจะให้ลูกค้าพิสูจน์ว่ามันจริงอย่างที่คุยไหม เห็นทีต้องรอกันอีกนาน ดังนั้น Chrysler จึงส่งภาพ 200 ซีดานรุ่นใหม่เรียกน้ำย่อยไปก่อน

Chrysler 200 เป็นรถซีดานระดับ D-Segment ที่มาแทนรุ่น Sebring อันเป็นรถที่เคยใช้พื้นฐานมาจาก Mitsubishi Galant โฉมปัจจุบันรหัส GS41 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Sebring ถือเป็นรถยนต์ที่ไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายและชื่อเสียงเลยแม้แต่น้อย

งานดีไซน์ภายนอกบางส่วนของ Chrysler 200 ทำให้เราตะหงิดใจบางอย่างว่าทำไมมันดูคล้ายรถยนต์จากฝั่งเอเชียมากกว่ารถยนต์อเมริกันเสียอีก? ส่วนภายในห้องโดยสาร Chrysler พยายามบรรยายความเป็นเลิศด้านความหรูหราและพื้นผิวสัมผัสที่นุ่มนวลชวนฝัน

เครื่องยนต์ก็ภูมิใจเสนอบล๊อก 4 สูบ 2.4 ลิตร จับคู่เกียร์อัตโนมัต 4-6 จังหวะ และเครื่องบล๊อก Pentastar V6 ให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า (HP) จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเท่านั้น เพื่อให้รับกับระบบการบังคับควบคุมและการทรงตัวที่ Chrysler อ้างว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยมทีเดียว

Chrysler 200 จะถูกส่งขึ้นโชว์รูมทั่วสหรัฐอเมริกาภายในไตรมาส 4 ปีนี้ครับ