ค่าย Cadillac ในเครือ General Motors ออกมาเผยเทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้การเดินทางพัฒนาไปอีกขั้น
ด้วยระบบ ‘Super Cruise’ และ ‘Vehicle-to-Vehicle’ ที่จะเตรียมใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่ของตนในอีก 2 ปีข้างหน้า
Mary Barra ประธานบริหารของค่าย Cadillac ได้กล่าวว่า ระบบ Super Cruise เป็นก้าวสำคัญของการเดินทาง
ด้วยรถยนต์ ด้วยการพัฒนาระบบรักษาความเร็ว หรือ Cruise Control ให้สามารถควบคุมรถได้ในรูปแบบกึ่ง
อัตโนมัติ เมื่อขับขี่บนถนนหลวงที่มีระยะทางไกล ระบบจะสามารถควบคุมตัวรถทั้งการเร่งความเร็ว และเบรก
ด้วยการใช้กล้องจับภาพและเซนเซอร์หลายจุด บวกกับระบบคอมพิวเตอร์ของรถ ช่วยประมวลผลและควบคุม
ตัวรถได้อัตโนมัติ
ส่วนระบบ Vehicle-to-Vehicle หรือ V2V นั้น เป็นความพยายามของ General Motors เป็นเวลาช้านาน
ในการทำให้รถยนต์แต่ละคันสามารถ’พูดคุยสื่อสาร’ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชน
กัน โดยระบบนี้จะทำให้รถยนต์แต่ละคันแลกเปลี่ยนข้อมูลความเร็วของตัวรถ ตำแหน่งของตัวรถ และทิศทางที่
รถคันนั้นๆกำลังมุ่งหน้าไป เพื่อนำไปรายงานต่อผู้ขับขี่ ทำให้สามารถป้องกันการปะทะและอุบัติเหตุได้มากขึ้น
โดย Barra กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ๆกำลังเกิดในวงการรถยนต์มากยิ่งขึ้น และ Cadillac เอง
ไม่ได้นิ่งนอนใจในการนำนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้กับรถยนต์ของตน และย้ำว่าเจตนารมณ์ของตนไม่ได้อยู่ที่การ
พยายามนำเอาเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้ แต่เป็นความพยายามนำเอาเทคโนโลยีเหล่านั้นมาช่วยให้การเดินทางเป็นไป
อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ระบบ Super Cruise และ V2V จะถูกเปิดตัวใช้งานครั้งแรกกับรุ่นเปลี่ยนโฉมของ Cadillac CTS ซึ่งจะเกิดขึ้น
ในปี 2017 และนับว่าเป็นอีกนวัตกรรมสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นจริงในโลกรถยนต์ ในขณะที่ระบบขับรถอัตโนมัติ
ของ Google และค่ายรถยนต์อื่นๆ ยังไม่ประกาศว่าจะสามารถนำมาใช้งานจริงได้เมื่อไหร่กัน