แม้หลายคนจะรู้จัก BMW ค่ายรถยนต์ใบพัดสีฟ้า ในฐานะรถยนต์พรีเมี่ยมจากเยอรมนีที่ขับสนุกเป็นอันดับต้นๆ และมีแผนจะ
ลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วย BMW i ในเร็วๆนี้ แต่ใครเล่าจะทราบว่า แท้จริงแล้ว BMW ริเริ่มโครงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
มาหลายทศวรรษ จนเพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าของตนไปเมื่อวานนี้ (10 ธันวาคม 2012)

alt

BMW เริ่มต้นโครงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเงียบๆ และเซอร์ไพรส์ผู้คนในยุค 70s ด้วยการเปิดตัวรถยนต์โปรโตไทป์
BMW 1602 Electric จำนวน 2 คันในมหกรรมกีฬา Olympic Games ในปี 1972 ที่จัดขึ้น ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และศักยภาพที่ล้ำหน้าคู่แข่งในยุคนั้น แม้จะเป็นเพียงรถยนต์โปรโตไทป์ แต่ 1602 Electric
ก็มาพร้อมกับขุมพลังไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 43 แรงม้า และแบตเตอรี่ lead-acid ขนาด 12V
จำนวน 2 ลูก ทำให้สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม.ในเวลา 8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. และเดินทาง
ได้ 30 กม.ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ถือว่าเป็นตัวเลขสมรรถนะที่ทำให้ผู้คนในยุคนั้นฮือฮามากเลยทีเดียว

alt

จากการเริ่มต้นในรุ่น 1602 BMW ยังคงเล็งเห็นถึงอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้า จึงเดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าคันต่อไป
นั่นก็คือ BMW LS Electric ที่เผยโฉมในปี 1975 รถยนต์คันนี้ยังคงเป็นรถยนต์โปรโตไทป์เช่นกัน แต่ถูกเปลี่ยนมาพัฒนา
บนพื้นฐานของ BMW LS รถยนต์คูเป้ขนาดเล็กในยุคนั้น โดยมีการปรับปรุงเทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าจากรุ่น 1602 Electric
ให้มีเทคโนโลยีชาร์จไฟจากระบบเบรก หรือ Regenerative Braking ที่นิยมกันในยุคนี้เป็นครั้งแรก พร้อมกับปลั๊กชาร์จไฟ
ที่ติดตั้งบนตัวรถ แต่ด้านสมรรถนะมีการลดทอนเล็กน้อย ด้วยการลดกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าเหลือเพียง 23 แรงม้า ทำให้
มีอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม.ในเวลา 11.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดลดลงเหลือ 65 กม./ชม. แต่ยังคงเดินทางได้ระยะ 30 กม.
ในการชาร์จเต็ม 1 ครั้งเช่นเคย

alt

ย่างเข้ายุค 80s BMW เริ่มปฏิวัติเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ด้วยการพัฒนารถยนต์ต้นแบบ BMW 325iX Electric
ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานของ 3-Series ตัวถัง E30 ในยุคนั้น มาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ล่าสุดด้วยแร่ธาตุ sodium-
sulphur หรือ NaS ที่ให้พลังงานมากกว่าแบตเตอรี่แร่ธาตุ lead-acid ถึง 3 เท่าตัว ถือว่าเป็นการบุกเบิกรถยนต์ที่ใช้งานได้จริง
ในชีวิตประจำวัน เพราะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 30 แรงม้า พร้อมความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ที่สำคัญคือการ
วิ่งได้ระยะไกลถึง 150 กม. ด้วยการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ทำให้รถยนต์ต้นแบบคันนี้ตกเป็นกระแสความสนใจของผู้คน

alt
alt
alt
alt

จากความสำเร็จของรถต้นแบบ 325iX Electric ทำให้ BMW ตัดสินใจพัฒนารถไฟฟ้าพันธุ์แท้ ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับ
ขุมพลังไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มต้น ผลออกมาก็คือรถต้นแบบ BMW E1 Concept เปิดตัวในงานแสดงรถยนต์ Frankfurt Motor Show
ในปี 1991 โดยมีการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้มีความลู่ลมเพื่อลดความเสียดทานอากาศ ใช้โครงสร้างตัวถังอะลุมิเนียม
และออกแบบภายในด้วยวัสดุพลาสติกเพื่อลดน้ำหนัก ด้านขุมพลังมีการปรับปรุงมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีกำลัง 43 แรงม้า ทำให้
เพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 120 กม./ชม. มีอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม.ในเวลา 6 วินาที และยังคงใช้แบตเตอรี่ NaS ทำให้มีระยะทาง
วิ่ง 150 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เช่นเดิม

alt

หลังจากนั้นไม่นาน BMW ได้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าบนพื้นฐาน 3-Series (E36) ออกมาอีกด้วย ในชื่อ BMW 325 Electric
โดยในรถยนต์รุ่นนี้ได้เปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่โซเดียมนิกเกิล คลอไรด์แบบใหม่ พร้อมการปรับปรุงมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีกำลังสูงขึ้น
เป็น 61 แรงม้า ถึงแม้จะมีตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่า BMW 325iX Concept รถยนต์คันนี้ก็ยังสามารถเดินทางได้ 150 กม.จากการ
ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งเช่นเคย

alt
alt

นอกจากนี้ ในเร็วๆนี้ BMW ได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับขายจริง ด้วยการพัฒนาโครงการ MINI E รถยนต์มินิพลังไฟฟ้า
และ BMW ActiveE รถยนต์ไฟฟ้าบนพื้นฐาน 1-Series โดยปล่อยให้เช่าซื้อในจำนวนจำกัด เพื่อศึกษาและนำไปพัฒนา
BMW i ต่อไป ซึ่ง BMW i3 รถยนต์ไฟฟ้าขายจริงคันแรกของ BMW จะพร้อมเปิดตัวและจำหน่ายในปลายปี 2013 นี้แล้ว