เราชักอยากจะรู้ว่าเมื่อไรลูกค้าชาวไทยจะคลายความยึดติดกับ “ตัวเลขซีซี” ที่หลายคนคิดว่าจะต้องแปรผกผันกับความแรงโดยตรงเสียที เพราะขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปเริ่มลดปริมาตรกระบอกสูบลงพร้อมบรรจุเทคโนโลยีเพิ่มความแรงทั้ง เทอร์โบชาร์จ, ซูเปอร์ชาร์จเจอร์, ระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงรวมไปถึงเทคโนโลยีวัสดุภัณฑ์ที่ทนทานและมีต้นทุนต่ำกว่าสมัยก่อน ผลก็คือเครื่องยนต์มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบา แรงขึ้น ประหยัดน้ำมันและลดมลภาวะได้เป็นอย่างดี

 

 

บัดนี้ค่ายรถยุโรประดับแมสทุกค่ายต่างมีเทคโนโลยีการลดปริมาตรกระบอกสูบ (Donwsizing) คงเหลือแค่เพียงค่ายรถยุโรปบางค่ายที่ยังไม่ย่อขนาดเครื่องยนต์ลงไปสู่ปริมาตรความจุกระบอกสูบต่ำ ๆ ลงได้ในทันที คงเพราะพวกเขาต้องการเวลาในการพัฒนาเพื่อให้แน่ใจว่ามันมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อความคาดหวังอย่างสูง

ในช่วงปีที่ผ่านมาเราเคยรายงานให้ผู้อ่านทราบว่า BMW วางแผนลดความจุปริมาตรเครื่องยนต์เหลือเพียงแค่ 1.5 ลิตร และลดกระบอกสูบลงเหลือแค่ 3 สูบ เพียงแค่นั้นก็สร้างความแปลกใจให้กับคนไทยบางกลุ่มที่เริ่มรู้สึกรับไม่ค่อยจะได้ว่าทำไมต้องใช้เครื่องยนต์เล็กลงขนาดนั้น

ถ้าลองเปิดใจเสียหน่อยก็จะพบว่าค่ายรถยุโรปสามารถย่อส่วนเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพระดับเทพจนน่ายกย่อง ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือเครื่องยนต์ตระกูล Volkswagen TSI ทั้งหลาย ถ้าไม่เชื่อก็ลองอ่านผลทดลองขับ Skoda Yeti โดยคุณ J!MMY ได้ทันที

แล้วนี่เป็นถึงแบรนด์ BMW ที่ยอมรับได้ในประสิทธิภาพ เราก็คงจะหมดห่วงกันไปอีก 1 เปลาะ

เพื่อเป็นการยืนยันประสิทธิภาพ BMW ถึงขั้นปล่อยภาพยนต์อนิเมชั่นเครื่องยนต์บล๊อกเล็กรุ่นใหม่ในตระกูล BMW EfficientDynamics Family และยังปล่อยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องบล๊อก 3 สูบขนาด 1.5 ลิตรใหม่ว่า มันจะยกกระบอกสูบจากเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร คิดง่าย ๆ ก็กระบอกสูบละ 500 ซีซี ติดตั้งเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน Valvetronic, หัวฉีดแรงดันสูง และเทอร์โบชาร์จคู่

ผลลัพธ์ก็คือให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ซึ่งเตรียมติดตั้งใน Mini และ BMW ขับเคลื่อนล้อหน้าในอนาคต แต่เรื่องน่าเสียดายก็คือเครื่องยนต์รุ่นนี้อาจไม่ได้ติดตั้งใน BMW 3-Series ตัวต่อไปเลย เพราะ BMW ต้องการความแน่ใจและการยอมรับจากลูกค้าเสียก่อน