ในอดีตงานแสดงรถยนต์ประเทศจีนสักประมาณ 5 ปีให้หลังยังมีภาพลักษณ์การจัดงานที่ไม่ชัดเจนในระดับสากลมากนัก เพราะสมัยนั้นค่ายรถยนต์ค่อย ๆ ขยายการลงทุนในจีนอยู่ในระยะกลางยังไม่คับคั่งเหมือนปัจจุบัน ดังนั้นงานแสดงรถยนต์ในจีนยุคนั้นเสมือนเป็นการจัดอวดโฉมสำหรับลูกค้าชาวจีนกันเองเสียมากกว่าจะอวดโฉมรถต้นแบบ รถยนต์รุ่นแรกของโลกหรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ความเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่อค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่างชาติเริ่มนำรถยนต์รุ่นสำคัญ “ระดับโลก” มาเปิดตัวในงานจัดแสดงรถยนต์จีนชนิดฉีกขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันยกใหญ่ เพราะแต่ก่อนเมื่อไรจะเปิดตัวรถครั้งแรกในโลกมักจะคิดถึงยุโรป, อเมริกา และญี่ปุ่นเสมอ
สาเหตุสำคัญก็คือจำนวนยอดขายที่เติบโตเร็วมากกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาชั้นนำจนโดดเด่นมาก เท่าที่จำความได้ Toyota เคยเปิดตัว Corolla เจเนเรชั่นที่ 10 ช่วงปลายปี 2006 ถือเป็นครั้งแรกที่เปิดรถระดับโลกในจีน นับแต่นั้นมาก็ทยอยเปิดตัวกันเพราะความต้องการตลาดจีนสูง
งาน AutoShanghai ประจำปี 2011 ทีแรกก็ดูเหมือนจะเป็นเสือลำบากเพราะดันจัดงานไปชนกับ NewYork Autoshow 2011 พอดี สถานการณ์ตาลปัตรกลับกลายเป็นว่าความยิ่งใหญ่ตกอยู่ที่งานนี้มากกว่า มิใช่เพียงแค่จำนวนรุ่นมาอวดโฉมมากกว่าเท่านั้น แต่ผู้บริหารค่ายรถยนต์ระดับท่านประธานหรือ CEO ต่างแลนด์ดิ้งให้เกียรติมางานนี้มากกว่างานอีกฟากหนึ่ง?!
เริ่มจาก Mr. Martin Winterkorn แห่งค่าย Volkswagen Group รายนี้ดูแล้วน่าแปลกมากว่ากลุ่มเป้าหมาย All New Beetle หลักน่าจะอยู่สหรัฐอเมริกามากกว่าจีน ดูรูปการณ์แล้วน่าจะคาดหวังความสำเร็จของเต่าน้อยตัวใหม่ในตลาดจีนด้วย
Mr. Akio Toyoda ประธาน Toyota Motor Corp แม้จะไม่มีรถใหม่เปิดตัวแต่ก็มาดูสถานการณ์ตลาดจีนด้วยตนเอง
Mr.Carlos Ghosn CEO แห่ง Renault และ Nissan เดินทางมาเพื่อเปิดตัว All New Nissan Tiida ในจีนด้วยตนเอง เหมือนกับที่เคยเปิดตัว Nissan Tiida เจเนเรชั่นแรกในญี่ปุ่นปี 2004 มาแล้ว
แม้แต่ Mr. Takanobu Ito จาก Honda Motor ไม่มีการเปิดตัวรถใหม่ในงานก็ยังมากับเขาด้วย งานนี้เห็นทีเราต้องขอสรุปแล้วว่างาน NewYork Autoshow 2011 กร่อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อน
Audi
ตลาดจีนถือเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ที่ Audi คงจะไม่พลาดสายตาไปได้ มิเช่นนั้นจะโดนค่ายรถหรูยักษ์ใหญ่รุมกระหน่ำกินส่วนแบ่งการตลาดไปหมด แหมค่าย 4 ห่วงมียอดขายอันดับหนึ่งในตลาดรถหรูจีนขนาดนั้น และแล้วก็ส่งมิดไซน์รถใหม่และรถต้นแบบรวม 2 คัน ดูเหมือนน้อยเกินไป แต่เราอย่าลืมว่านี่คือตลาดรถหรูมิใช่รถบ้าน
Audi Q3 ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเยาว์หมายจะมาฆ่า BMW X1 หลังเปิดวางจำหน่ายเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ก็ถือว่า Audi ซุ่มเงียบและทำตลาดได้ไงมาก เตรียมตัวมาดีจริง
รูปร่างหน้าตา Audi Q3 แทบไม่ต่างจาก Q5 เลยแต่ Audi กลับฟุ้งว่านี่คือการนำเส้นสายจากรถคูเป้มาบรรจุในรถคันนี้เสียอย่างนั้น บางครั้งดูเผิน ๆ เหมือนกับนำ A3 มายกสูงบ้าง โดยรวมน่าจะเรียกว่าออกไปทางครอสโอเวอร์มากกว่าเอสยูวี ก็เพราะตัวรถมันมีความยาว 4.39 เมตร ความกว้าง 1.83 เมตรและสูงเพียงแค่ 1.6 เมตร สูงกว่ารถซับคอมแพคท์ญี่ปุ่นเพียงไม่เท่าไร
ภายในห้องโดยสารดูเหมือนจะยกแผงคอนโซลจาก Audi A1 แต่เปลี่ยนแผงช่องแอร์จากทรงกลมกลายเป็นทรงเหลี่ยมเหมือนรถยนต์ซีดานมากขึ้น เห็นแบบนี้แต่วัสดุก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม และยังพื้นที่ห้องสัมภาระด้านหลัง 460 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังจะขยายถึง 1,365 ลิตร
ตอนเปิดตัวจะมีขุมพลัง 3 บล็อกได้แค่เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TFSI 168 แรงม้า และมี 208 แรงม้าให้เลือก ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร TDI ให้กำลังถึง 174 แรงม้า หลังจากเปิดตัวสักพักแล้วก็จะออกเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร 138 แรงม้าสำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าโดยเฉพาะ
คันต่อมา Audi A3 E-tron ถ้าไม่บอกก็คงนึกว่าเป็น Audi A4 สมัยสิบกว่าปีก่อนเพราะรูปร่างหน้าตาและขนาดตัวถังแทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก ยกเว้นภายใต้ฝากระโปรงเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปาภายในเป็นขุมพลังที่เป็น Hybrid ผนึกกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 207 แรงม้าและมอเตอร์ไฟฟ้า 27 แรงม้า รวมกำลังเป็น 234 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 231 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
BMW
ปีนี้ไม่ได้ส่งรถต้นแบบหรือรถใหม่สดซิงเข้ามาเปิดตัวคงอวดโฉมแค่เพียงรถต้นแบบโปรโตไทป์ BMW Brilliance 5-Series Plug-in Hybrid เวอร์ชันฐานล้อยาวเพื่อเปิดโลกใหม่ให้เศรษฐีชาวจีนด้วยขุมพลัง 4 สูบเรียง 214 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 94 แรงม้า สามารถวิ่งในโหมดรถไฟฟ้าระยะสูงสุด 75 กิโลเมตร ภายใต้ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้งานโหมด Hybrid แล้วจะมีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร
กำหนดวางจำหน่ายภายในปี 2013 คลอดจากโรงงานเฉินหยาง ถึงแม้มีชื่อ Brilliance ปะหรา แต่นั่นเป็นแค่บริษัทร่วมทุนเท่านั้น
BMW M5 Concept เขาเกิดมาเพื่อสืบสานตำนานสปอร์ตซาลูนนับตั้งแต่ปี 1984 มาพร้อมกับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ในกันชนหน้าและพื้นผิวแบบสามมิติ ที่นอกจากจะมีคุณสมบัติในการเพิ่มการระบายอากาศให้กับเครื่องยนต์และระบบเบรกแล้ว ยังให้อารมณ์ที่แฝงไว้ซึ่งความดุดัน ขับเน้นเพิ่มดีกรีความสปอร์ต แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างความสง่างามและความสปอร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม นักออกแบบได้เน้นถึงความต่อเนื่องของลายเส้นและพื้นผิวโค้งเว้าของกันชนหน้า ให้สอดรับกับลายเส้นและพื้นผิวของส่วนของฝากระโปรงหน้าได้อย่างกลมกลืน
มุมมองด้านข้างของ BMW Concept M5 โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสีดำตัดกับสีตัวถัง Chrome Shadow ให้ความรู้สึกดุดัน อีกทั้งยังเสริมความน่าเกรงขามด้วยช่องลมด้านข้างที่มีสัญลักษณ์ M และไฟเลี้ยวถูกออกแบบเป็นลักษณะเส้นเรียวอยู่กึ่งกลางของช่องดักอากาศ
เห็นแรงแบบนี้ BMW ก็เลือกผสมผสานเทคโนโลยี EfficientDynamics ด้วยบล๊อก V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo พร้อม เกียร์ M DCT Double-Clutch Transmission 7 สปีด
Buick
GM คงต้องขอบคุณชาวจีนทั้งหลายที่ยังจงรักภักดีกับแบรนด์ Buick อยู่ มิเช่นนั้นแบรนด์นี้อาจจะต้องตายตกตามกันไปกับพวก Pontiac หรือไม่ก็ Oldsmobile เพราะตำแหน่งแบรนด์มันซ้ำกับพวก Cadillac มาก แม้เส้นสายจะต่างกันเล็กน้อย
Buick นำรถต้นแบบ Envision ครอสโอเวอร์สปอร์ตรุ่นเดอะถูกพัฒนาร่วมกับ Shanghai GM และ Pan Asia Technical Automotive Center (PATAC) ซึ่งเคยฝากผลงานไว้กับ Chevrolet Aveo โฉมในไทยปัจจุบัน
รถคันนี้มีบุคลิค ปราดเปรียว ลื่นไหล เงียบ และสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกทั้งหรูหราและสปอร์ตในตัว ขุมพลังของมันเป็นแบบ Plug-in Hybrid เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จจับคู่มอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งไม่ระบุเลขแรงม้าอะไรเลย บอกแค่เพียงจับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และสามารถขับรถในโหมด EV ได้
ความโดดเด่นนอกเหนือจากดีไซน์โฉบเฉี่ยวแล้วน้ำหนักตัวถังก็ถือเป็นจุดขายเหมือนกันเพราะพี่ท่านเล่นใช้วัสดุคาร์บอน ไฟเบอร์, แมกนีเซียม, และอลูมิเนียม
Chevrolet
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของแบรนด์ Chevrolet ในตลาดจีนก็คือการนำรถยนต์รุ่นสำคัญในตลาดอเมริกันมาบุกตลาดจีนและทั่วโลกนั่นก็คือ All New Malibu รถขนาด D-Segment ท้าชน Camry, Accord, Teana และ Passat นี่ยังไม่นับเบอร์ 5 ลงมาที่มียอดขายไล่เลี่ยกันตามลำดับมิได้ทิ้งห่างชั้นกันมาก แต่อย่าลืมว่าแบรนด์องค์กร GM ในตลาดจีนแข็งมากจนทำให้แบรนด์ในเครืออย่าง Chevrolet สามารถขายรถใหม่ได้โดยปราศจากความกังวลใด ๆ มิเช่นนั้น Chevrolet Cruze คงไม่มียอดขายทะลุทะลวงเกิน 2 หมื่นคันได้แน่
คุณสมบัติ All New Malibu ที่ตรงกับลูกค้าชาวจีนส่วนใหญ่ก็คือขนาดตัวถังที่ “ดูใหญ่ที่สุด” ในตลาด นี่คือความโชคดีของ GM ประเทศจีนบังเอิญได้สินค้าชนิดนี้เข้ามาขาย ปราการด่านสุดท้ายคงมิใช่ดีไซน์หรือแบรนด์ แต่เป็นเทคโนโลยีอันเหนือชั้นจาก GM
All New Malibu บรรจุเทคโนโลยีทางวิศวกรรมใหม่โดยเฉพาะระบบลิ้นปิดช่องดักลมอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลด้านหลักอากาศพลศาสตร์และถอดชิ้นส่วนต้านลมร่วม 60 ชิ้น จนมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแค่ 0.28 เท่านั้น
GM ยังก้าวล้ำเทคโนโลยีด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร Ecotec ฉีดเชื้อเพลิงตรง พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CVVC ปั๊มน้ำมันทำงานแปรผันและเทอร์โมสแตทไฟฟ้าช่วยประหยัดน้ำมัน ทำให้สมรรถนะของมันเทียบเคียงได้กับเครื่องยนต์ V6 บล๊อกใหญ่ ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.90 กิโลกรัมเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
GM เคลมว่า All New Malibu จะมีเป็นรถที่มีการบังคับควบคุมและการขับขี่ที่ดีที่สุดในคลาส อันเนื่องจากโครงสร้างตัวถังแข็งแกร่งทนต่อการบิดตัว, พวงมาลัยให้ความนุ่มนวลเฉียบคม, ระบบกันสะเทือนหน้าแมคเฟอสันสตรัท ด้านท้ายมัลติลิงค์
น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของ GM เกือบร้อยปีที่รถยนต์รุ่นสำคัญในตลาดอเมริกันชิงทำตลาดในจีนปลายปี 2011 ก่อนสหรัฐอเมริกาต้นปี 2012 เสียอีก
Kia
เข้าใจว่าแบรนด์ Hyundai ขณะนี้ติดลมบน Top 5 ในตลาดจีนไปแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทแม่จึงเล็งเห็นการเจริญเติบโตแบรนด์ Kia ด้วยเช่นกันถึงแม้จะทิ้งห่าง Hyundai ลั่นทุ่ง แต่ก็ไม่ย่อท้อส่ง Kia K2 ตัวถังซีดานครั้งแรกในโลก ส่วนตลาดโลกจะใช้ชื่อเรียกว่า Kia Rio Sedan
รูปลักษณ์ Kia K2 Modelchange ถอดแบบจาก Kia Optima ตั้งแต่หัวจรดท้ายทำให้ดูสวยสดใส ปราดเปรียว แปลกใหม่และโดดเด่นมีเอกลักษณ์ของตนเอง มิติตัวถังอยู่ในระดับเดียวกับ B-Segment ทั่วไป ความยาว 4,370 มม. ความกว้าง 1,700 มม. ความสูง 1,460 มม. ฐานล้อยาว 2,570 มม. มีเนื้อที่ห้องสัมภาระท้าย 500 ลิตรตามมาตรฐาน VDA
สำหรับเวอร์ชันจีนจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร 107 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลือง 6.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรหรือ 16.3 กิโลเมตรต่อลิตรในรุ่นเกียร์ธรรมดา, 6.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรหรือ 15.3 กิโลเมตรต่อลิตรในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และ 1.6 ลิตร 122 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลือง 6.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรหรือ 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร รหัส Gamma พร้อมวางจำหน่ายอีกไม่กี่อึดใจ ส่วนตลาดยุโรปเจอกันได้ภายในปลายปีนี้
MG
นับตั้งแต่ SAIC เป็นเจ้าของกิจการ Roewe (อดีตแบรนด์ Rover แห่งอังกฤษ) และ MG ก็ดูเงียบเหงาลงไปเพราะต้องลดขนาดแบรนด์ให้เล็กลงเน้นทำตลาดเฉพาะกลุ่มทั้งประเทศจีนและอังกฤษ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะพัฒนายิ่งขึ้นไปก็คือฝีมือการพัฒนารถยุคใหม่สู่ระดับสากล
MG5 Concept ก็คือตัวอย่างหนึ่งของทีมวิศวกรชาวจีนและอังกฤษจาก MG และ Ricardo บริษัทในเครือพัฒนาขึ้น เป็นรถคอมแพคท์แฮทช์แบคซึ่งใช้แพลทฟอร์มร่วมกับ Roewe 350 แต่รูปร่างหน้าตาแจ่มกว่ามาก ๆ รายละเอียดทราบเพียงแค่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร 100 แรงม้า หากยังไม่พอก็เลือกรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ 134 แรงม้า กำหนดการวางจำหน่ายในจีนปลายปีนี้และจะเตรียมทำตลาดในอังกฤษประกอบในโรงงานเบิร์กมิงแฮม
Mercedes-Benz
ปีนี้ค่ายดาว 3 แฉกเขาเน้นของ “แรง” พร้อมใจกันจับมือค่าย Volkswagen เปิดตัวรถรุ่นสำคัญทั้งในจีนและสหรัฐอเมริกาพร้อมกัน Mercedes-Benz A-Class Concept แค่ชื่อก็บอกแล้วว่านี่ล่ะ A-Class ตัวต่อไปที่จะทำตลาดภายในปีหน้า สลัดบุคลิคมินิแวนสำหรับครอบครัวเดิม ๆ ให้กลายเป็นรถสำหรับลูกเศรษฐี
การพัฒนารถต้นแบบคันนี้ถูกเปิดเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ สายลมและเกลียวคลื่นประกอบกับหลักการทางวิศวกรรมการบิน ภายนอกได้อิทธิพลจากรถต้นแบบ F800 Style อย่างมาก มุมมองด้านข้างของตัวรถสะดุดตาด้วยเส้นโค้งนูนหลัก 3 เส้น ได้แก่ เส้นโครงสร้างส่วนหน้าซึ่งอยู่เหนือสปอยเลอร์หน้า ในขณะที่เส้นบ่าคล้ายมัดกล้ามซึ่งเด่นชัดอยู่เหนือเพลาด้านหลังช่วยเสริมบุคลิกของตัวรถซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายกับรถสปอร์ตคูเป้ ส่วนเส้นสุดท้ายเป็นเส้นที่ลากยาวและโค้งตวัดปลายขึ้นจากซุ้มล้อหลัง โดยเส้นทั้งหมดนี้แสดงถึงความโดดเด่นด้วยเส้นโค้งนูนที่ชัดเจนซึ่งถูกออกแบบอย่างประณีตให้ความรู้สึกถึงสรีระของตัวรถที่พริ้วไหวอิสระอย่างไร้ขอบเขต
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยแผงคอนโซลด้านหน้า ที่มีลักษณะรูปร่างเหมือนปีกเครื่องบินและหุ้มด้วยผ้าโปร่งเนื้อยืด ซึ่งทำให้สามารถมองทะลุไปสู่ส่วนโครงสร้างที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ด้านหลังได้ ช่องแอร์ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ท การแสดงผลบนชุดหน้าปัดของอุปกรณ์ต่างๆ เป็นสีแดง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทำงานของเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ทขณะกำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่เรียกว่า COMAND
จับตาดูคันนี้ให้ดีครับสำหรับแฟนพันธุ์แท้ดาวสามแฉก
Nissan
Nissan น่าจะเป็นค่ายรถญี่ปุ่นที่ควรต้องตั้งสำนักงานใหญ่ในจีนได้แล้วเพราะพักหลังเปิดตัวรถยนต์รุ่นสำคัญระดับโลกครั้งแรกในโลกที่ประเทศจีนแทบจะทุกครั้งยกเว้นการเปิดตัว Nissan March เพียงเท่านั้น ครั้งนี้ Nissan ลงทุนเปิดเผยโฉม All New Tiida ในงานนี้โดยเฉพาะ ก็สมควรอยู่เพราะ Nissan Tiida รุ่นปัจจุบันมียอดขายในจีนมากที่สุดในโลก
เป้าหมายของ All New Nissan Tiida ก็คือการจับกลุ่มลูกค้าครอบครัวหรือคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรถยนต์คุณภาพคุ้ม ค่าต่อชีวิต ด้วยจุดสนใจทั้งรูปลักษณ์ให้ความพรีเมี่ยม ปราดเปรียว, ผู้นำห้องโดยสารแสนสบายในตลาดคอมแพคท์ และปฏิวัติด้านระบบส่งกำลังใหม่ ซึ่ง Nissan ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบเป็นครั้งแรกในตลาดจีน
การ พัฒนา All New Tiida มีคีย์เวิร์ดหลัก 2 คำ คือ ลื่นไหลและกระฉับกระเฉง มอบความรู้สึกใหม่ ๆ ได้แก่ ความพรีเมี่ยม นุ่มนวล, เส้นสายด้านข้างที่ลื่นลม, สัดส่วนตัวรถสมดุล และชิ้นส่วนตัวถังบางชิ้นถูกออกแบบให้ล้ำหน้า เช่น กระจังหน้า, โคมไฟที่มีรายละเอียด
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารถูกพัฒนาด้วยคีย์เวิร์ด 2 คำ คือ ความสงบและความประณีต ด้วยความสะดวกสบายโอบล้อมทั้งตำแหน่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ให้ความหรูหรา มาตรวัดดูคล้ายรถยุโรป, แผงแดชบอร์ดออกแบบให้ดูกว้างพร้อมทั้งดีไซน์แผงคอนโซลกลางให้ดูลอย ๆ , เนื้อที่ห้องโดยสารให้ความสบายขณะขับขี่
เตรียมวางจำหน่ายในจีนรวดเร็วทันใจเลยในเดือนพฤษภาคม 2011 ส่วนประเทศไทยต้องรออย่างเร็วต้นปี 2013
รถต้นแบบอีกคันหนึ่งที่จอดซุ่มไม่บอกกล่าวหรือประชาสัมพันธ์อะไรเลยนั่นก็คือ Nissan Compact Sport Concept ฟังชื่อเหมือนน่าตื่นเต้นที่ไหนได้มันก็คือการจับนำเส้นสายของ Nissan March รุ่นปัจจุบันมารื้อเส้นและออกแบบใหม่อีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นผลงานการออกแบบครั้งแรกของ Nissan Design China ประเทศจีนอย่างเป็นทางการร่วมกับ Nissan Global Design Centre
เส้นสายตัวรถนึกถึงภาพรถสเกตช์ขั้นพื้นฐานของ Nissan March ก่อนที่จะเป็นร่างคันจริงปัจจุบัน หนำซ้ำยังแอบนำดีไซน์ไฟท้ายรถต้นแบบยุคเก่าอย่าง Nissan Cypac ติดเข้าไปด้วย ภายในก็ง่าย ๆ เพียงแค่ดัดแปลงชิ้นส่วนห้องโดยสาร March ให้ดูล้ำยุคเท่านั้นเอง เด็ดสุดคือติดตั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้าด้วย
ขอย้ำว่า Nissan จะไม่ทำ March เวอร์ชัน 3 ประตูเป็นอันขาดเพราะเขาเคยประกาศเอาไว้แล้วว่ามันขายได้น้อยกว่า 5 ประตู
Peugeot
ถึงแม้ยอดขาย Peugeot-Citroen อาจจะไม่โดดเด่นมากนักในพักหลัง แต่ก็สามารถไต่ยอดขายไปเรื่อย ๆ แต่จะขึ้นมาหัวหาดได้เมื่อไรนั้นเราคงไม่ทราบ แต่วันนี้ Peugoet ตะลุยตลาดจีนด้วย 508 โฉมใหม่ล่าสุด หวังจะทำตลาดกลุ่มเดียวกับ Camry, Accord และ Teana
รถต้นแบบมีแค่ Peugeot SXC อ่านเซ็กซี่ หมายถึงความเย้ายวนใจของรถครอสโอเวอร์รุ่นเดอะอาจจะสร้างขึ้นมาอวดฝีมือจากศูนย์การพัฒนาในจีนก็เป็นได้ หรือไม่ก็สำรวจปฏิกริยาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรถครอสโอเวอร์ขนาดเขื่องไซส์ใกล้เคียงกับ Nissan Murano
มิติตัวตัวถังยาว 4.87 เมตร กว้าง 2.04 เมตร สูง 1.61 เมตร เป็นรถ 4 ที่นั่ง ขุมพลัง Hybrid4 ประกบกำลังโดยเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร 218 แรงม้าผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งด้านหน้าและด้านหลังจนได้กำลังสูงถึง 313 แรงม้า แรงขนาดนี้แต่ประหยัดเทพเพียง 5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 143 กรัมต่อกิโลเมตร
Rolls-Royce
แม้กระทั่งค่ายรถสำหรับอัครมหาเศรษฐีก็ยังต้องเอาใจลูกค้าชาวจีนด้วยการจับนำ Rolls Royce GHOST มาขยายฐานล้อพร้อมเปลี่ยนชื่อให้สมกับฐานะเป็น Rolls Royce GHOST Extended wheelbase ยาวเสียไม่มี
ความแตกต่างที่สำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นมาตรฐานก็คือ ระยะฐานล้อถูกขยายเพิ่มออกไปอีกมากถึง
170 มิลลิเมตร (6.7 นิ้ว) เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาให้มากขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 2 เท่า
ขุมพลังใต้ฝากระโปรงหน้า ก็ยังคงเป็นเครื่องยนต์ บล็อก V12 สูบ 6.6 ลิตร Twin Turbo 563 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 780 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที เท่านั้น นั่นหมายความว่า แม้ตัว
รถจะยาวใหญ่ แต่ก็ทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้เพียง 5 วินาทีเท่านั้น!! ส่วนรายละเอียด
ด้านวิศวกรรมอื่นๆ ก็จะเหมือนกับ Ghost รุ่นช่วงล่อสั้น มาตรฐานทุกประการ
Rolls Royce GHOST Extended wheelbase จะผลิคขึ้นตามใบสั่งของลูกค้าแต่ละราย แถมยังจะผลิตในจำนวนจำกัดเท่านั้น อีกด้วย โดยจะเริ่มผลิตและส่งมอบให้ลูกค้ารายแรกได้ ภายในต้นปี 2012
นอกจากนี้ ในงาน Auto Shighai 2011 ในปีนี้ Rolls Royce ยังเปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษในวาระฉลองครบรอบ
100 ปี ของสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy บนกระจังหน้าของรถ ภายใต้ชื่อรุ่นว่า the Spirit of Ecstasy Centenary
Collection สำหรับลูกค้าทั่วโลก มีทั้งหมด 100 คัน 100 รูปแบบที่แตกต่างกัน มีทั้งรุ่นพิเศษ Phantom Extended
Wheelbase ที่มาพร้อมสีตัวถัง ดำ Rhapsody Black และภายในตกแต่งด้วยโทนสีแดงเปลือกหอย Ardent Red
Seashell และลายประดับสีดำเงา Piano Black รวมทั้ง Phantom Drophead Coupe สีตัวถังฟ้า Maiden Blue และ
ภายในโทนสี Navy Blue และสีเปลือกหอย Seashell ประดับด้วยลาย Straight Grained Oak and Ebony และ
Ghost China Edfition ที่จะตกแต่งภายนอกด้วยภายในสีแดง ประดับลวดลายและตัวอักษรต่างๆด้วยสีทอง ส่วน
สีตัวถังมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Deep Garnet, Black Ember และ Infinity
Subaru
Fuji Heave Industries ผุ้ผลิตรถยนต์ ตราดาวลูกไก่ อย่าง Subaru ก็เปิดผ้าคลุม
เผยโฉมรถต้นแบบ อีกคันหนึ่งในตระกูลเดียวกับ Impreza ใหม่ ในงาน Auto Shanghai 2011
เพียงแต่มาในตัวถัง Hatchback 5 ประตู ยกสูง ที่ใช้ชื่อว่า Subaru XV Concept
Subaru XV Concept ถือเป็นร่างทรง ที่บอกให้เรารู้ว่า Subaru Impreza XV รุ่นใหม่ อันเป็นเวอร์ชัน
ยกสูง ของ Impreza Hatchback เจเนอเรชันต่อไป จะมีหน้าตาไม่ต่างไปจากที่เห็นอยุ่นี้มากนักอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นกลยุทธ์ของ Subaru ในการวางแผนเปิดตัวรถยนต์ตระกูล Impreza ใหม่ กันอย่างพร้อม
เพรียง และพรั่งพรู เพราะใช้เวทีงาน New York Auto Show 2011 เปิดตัว Impreza Sedan รุ่นจำหน่าย
จริง ขณะที่ใช้เวทีงาน Auto Shanghai 2011 เปิดตัวยเวอร์ชันต้นแบบ XV Concept แต่เหตุผลหนะ ไม่มี
อะไรมากหรอกครับ แค่ว่า ทั้ง 2 งาน ดันประกาศจัดชนกัน แม้จะอยู่คนละซีกโลก แต่ผู้ผลิตรถยนต์ก็อ้วก
ตาเหลือกไม่น้อย เพราะต้องแบ่งสรรผู้บริหาร และกำลังคน ไปช่วยดูแลบูธ รับหน้าเสื่อกับนักข่าวทั่วโลก
ที่หลั่งไหล่ไปยังงานทั้ง 2 จำนวนมาก ไหนๆก็ไหน ก็ใช้เวที 2 งานนี้ แบ่งรถไปเปิดตัวพร้อมกันเลย
ก็จะได้ลงข่าวเยอะกว่าค่ายอื่น ที่เลือกเปิดตัวรถเพียงรุ่นเดียว
งานออกแบบของ XV Concept ก็เลยถูกรวบคำจำกัดความเอาไว้ด้วยคำว่า “Protren” มาจากการนำวลีที่ว่า
“Professional tool” และ “Trendy design” มาผสมกันในแบบประหลาดๆตามนิสัยของทีมออกแบบ Subaru
ที่ชอบทำรถต้นแบบออกมาให้ดูสวย แต่พอขายจริง กลับชวนผิดหวังกุมขมับ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงทำได้ดีกับการออกแบบภายในห้องโดยสารของทั้ง Impreza ใหม่ และใน
XV Concept เราจะเห็นแล้วว่า ชิ้นส่วนรองๆ และโครงสร้างแผงหน้าปัด ก็ยังพอได้รับอิทธิพลมาจากทั้ง
Impreza รุ่นเดิม และ Legacty รุ่นใหม่ เพียงแต่มีการปรับปรุงภายในให้ลงตัวขึ้น และใน XV Concept
ยังมีการติดตั้งหลังคากระจกโปร่งแสงมาให้ดู เรียกน้ำลายจากลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว อายุราวๆ 30 ปี
ที่รักอิสระ และมีความเป็นมือโปรในอาชีพหน้าที่การงาน มีแนวทางเป็นตัวของตัวเองมากกว่าคนทั่วไป
ตัวรถมีความยาว 4,450 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร สูง 1,620 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,635
มิลลิเมตร วางเครื่องยนต์ 4 สูบนอน BOXER DOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ แต่เป็นเครื่องยนต์
เวอร์ชันใหม่ พร้อมกับเกียร์อัตดนมัติอัตราทดแปรผัน Lineartronic (CVT) สวมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
เข้ากับยางขนาด 245/45 ZR19 ยังไม่มีตัวเลขสมรรถนะออกมาอย่างเป็นทางการในขณะนี้
เวอร์ชันจำหน่ายจริงของ XV Concept จะใช้ชื่อว่า Subaru Impreza XV มีแผนจะเปิดตัวในตลาดโลก
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยในเวอร์ชันญี่ปุ่น คาดว่า อาจจะเปิดตัวก่อน หรือไม่ก็ภายในงาน Tokyo
Motor Show ที่จะมีขึ้นในช่วงเวลาใหม่ ชนกับ Motor Expo ในเมืองไทย คือ ปลายเดือนพฤศจิกายน
ถึงต้นเดือนธันวาคมนี้
ส่วนกำหนดการเปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยนั้น มีควาเมป็นไปได้สูงว่า อาจจะได้เห็นรถรุ่นนี้บนโชว์รูม
Subaru ที่สุขาภิบาล 2 ของ Motor Image ในช่วงปีหน้ากันเลยทีเดียว!
Volkswagen
ร้อยวันพันปี Volkswagen จะเปิดตัวรถรุ่นสำคัญของโลกในตลาดจีนพร้อมกับตลาดโลก และยิ่งเป็น All New Beetle รถเต่ารุ่นประวัติศาสตร์ 70 กว่าปีก็ถือว่าประเทศจีนได้รับเกียรติสูงสุดจากบริษัทแม่มาก ๆ พร้อม ๆ กับงานเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาที่ล่วงไปถึงงาน NewYork Autoshow 2011 และเยอรมนีประเทศบ้านเกิด
Volkswagen ประกาศชัดเจนว่า All New Beetle ตั้งใจนำแรงบันดาลใจจากเจเนเรชั่นแรกและรถต้นแบบ Ragster ใส่ลงในเต่าน้อยโฉมใหม่ ผลที่ได้ก็คือความย้อนยุคแบบสปอร์ต มีความเป็นกลางมากขึ้น ผู้ชายขับก็ได้ ผู้หญิงขับก็ดี และยังเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนบางชิ้นให้มีรูปทรงที่แตกต่างขึ้น อาทิ กันชนหน้าและไฟท้าย ถือว่าทำได้ดีสำหรับการการกลับของ Beetle
ภายในห้องโดยสารกลับออกแบบตามยุคสมัยนิยมแทนแต่เลือกวิธีการตกแต่งสีสันแบบเดียวกับรถย้อนยุค ซึ่งเป็นทางเลือกที่แปลกตาไป
มิติ ตัวถังจัดอยู่ในระดับรถคอมแพคท์ C-Segment ด้วยความยาว 4,278 มม. ยาวขึ้น 152 มม. ความกว้าง 1,808 มม. กว้างขึ้น 84 มม. ความสูง 1,486 มม. ลดลง 12 มม. ฐานล้อยาว 2,537 มม. จนทำให้มีเนื้อที่ห้องสัมภาระ 310 ลิตร
ขุมพลังสำหรับทำตลาดยุโรปมีให้เลือก 4 ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน1.2 ลิตร TSI 105 แรงม้า, 1.4 ลิตร TSI 160 แรงม้า, 2.0 ลิตร 200 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร 105 แรงม้าซึ่งมีอัตราสิ้นเปลือง 27.9 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 112 กรัมต่อกิโลเมตร ติดตั้งเทคโนโลยี Auto Start/Stop และระบบชาร์จพลังงานจลน์สำรอง
Volvo
นับตั้งแต่ Geely เข้าครอบครองกิจการ Volvo หลายคนก็จะลุ้นกันตัวโก่งว่าจะเข้ามาปู้ยี้ปู้ยำแบรนด์รถหรูแห่งความปลอดภัยจากสวีเดนอย่างไรบ้าง ในงานนี้ก็อวดโฉมรถต้นแบบเพื่อแสดงศักยภาพสู่ระดับอินเตอร์
Volvo Concept Universe ชื่อเหมือนจักรวาลทว่ารถคันนี้ กลับมีแนวทางเส้นสายมาจากรถยนต์ ในอดีต
รุ่นดังของ Volvo อย่าง PV544 ไปจนถึง Volvo Amazon อย่างชัดเจน เพราะหน้าที่ของรถคันนี้คือการเผย
ให้คนทั้งโลก ได้เห็น แนวทางใหม่ ของการออกแบบ ในสไตล์ Volvo อีกทั้งยังจะต้องเป็นร่างจำแลงให้กับ
รถยนต์ซีดานหรูขนาดยักษ์ ที่ Geely เคยให้ข่าวไปเมื่อปีที่แล้วว่า คิดอยากให้ Volvo ทำออกมาเพื่อสู่แบรนด์
เยอรมัน อย่าง Mercedes-Benz S-Class และ BMW 7-Series
เส้นสายของมัน ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Human-centric design language เพื่อสะท้อน
ถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของ Volvo ในยุคทศวรรษที่ 1950 – 1960 โดยยังคงผูกโยงเข้ากับ แนวทางการ
ออกแบบ ที่เรียกว่า Scandinavian Design คือเน้นความเรียบง่าย ประโยชน์ใช้สอย และไร้กาลเวลา ไม่มี
สิ่งใดเป็นจุดเด่นมากให้พอจดจำได้มากนัก
ขณะเดียวกัน ภายในห้องโดยสาร ยังถูกออกแบบให้เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานของมนุษย์ ใน
แนวทางที่เรียกว่า User Focus หรือ การนำเอาคนมาเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญในการวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ลูกค้าที่อยากได้รถยนต์ระดับ Super Luxuary มาใช้งาน
หน้าจอบนแผงควบคุมกลางจะเป็นแบบ Touch Screen ส่วนเบาะนั่ง ทำจากวัสดุที่ลดภาระด้านสิ่งแวดล้อม
ให้กับโลก ออกแบบมาในลักษณะของ Ultra-comfortable Chaird หรือ เก้าอี้ที่นั่งสบายระดับสุดยอด
อย่างไรก็ตาม Volvo ยังไม่ได้เปิดเผยว่า หากต้องผลิตออกสู่ตลาดจริงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า รถคันนี้จะมี
เครื่องยนต์อะไรให้เลือกใช้กันบ้าง และจะมีเทคโนโลยีอื่นใดในด้านความปลอดภัย อัดแน่นมาให้อีก
เหมือนเคยหรือเปล่า พวกเขาเพียงแต่บอกว่า ตั้งใจจะนำรถคันนี้ ไปแสดงในยุโรป และสหรัฐอเมริกา
เหนือ เพื่อดูปฏิกิริยาของลูกค้า สำหรับการนำมาปรับปรุง และเตรียมผลิตออกขายจริงในอีกไม่กี่ปีนับ
จากนี้