ชื่อโปรเจคท์ภาษาอังกฤษนี้ทำให้ผมคิดพิลึกพิลั่นว่ามันคล้ายกับยาลดอาการเจ็บปวดกล้ามยี่ห้อหนึ่งและยังพาลนึกไปถึงยารักษาอาการคันจากเชื้อราที่ในอดีตเคยโฆษณาถี่เอามาก ๆ ชื่อมันออกแนว Travogen Emulgel อย่างไรมิทราบนะครับ
ย้อนกลับเข้ามาสู่เนื้อเรื่องหลักของเราดีกว่าคำว่า Travolution น่าจะเกิดจากการสมาสคำระหว่าง Travel และ Revolution ความหมายก็จะมาแนว ๆ ปฏิวัติการเดินทางนั่นเอง
Audi เริ่มโปรเจคท์ Travolution ขึ้นที่เมือง Ingolstadt ประเทศเยอรมนีในปี 2006 โดยมีแนวคิดหลักให้รถยนต์สามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยควบคุมไฟสัญญาณจราจรผ่านอัลกอริทึ่มที่ Audi ร่วมพัฒนากับวิทยาลัยวิศวกรรมชั้นนำได้!! คิดง่าย ๆ มันสามารถวางแผนการเดินทางที่หลีกเลี่ยงสัญญาณไฟแดงได้ตลอดเส้นทาง
ในเมื่อไม่มีไฟแดง เราก็ขับรถโดยไม่จำเป็นต้องเบรค ไม่ต้องหยุดรถ ไม่ต้องคอย ผลลัพธ์มันจะช่วยเราประหยัดน้ำมันได้ถึง 17% จัดว่าเยอะมากทีเดียว Audi ก็คำนวนให้แล้วว่า 1 ปีเราสามารถประหยัดน้ำมันได้ 700,000 ลิตรเลยล่ะ
และประโยชน์ที่หลายคนนึกไม่ถึงคือการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมได้ถึง 15% เพราะเราไม่จำเป็นต้องจอดรถติดรอไฟแดง
การทดลองล่าสุดประจำปี 2010 Audi เริ่มโปรเจคท์ในตัวเมืองที่ติดแม่น้ำ Danube โดยใช้วิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์กับหน่วยควบคุมสัญญาณไฟจราจรผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ 3G UMTS และอินเตอร์เน็ตไร้สาย Wi-Fi ผ่านรถยนต์ Audi 15 คัน และทดลองกับไฟสัญญาณจราจร 25 จุดที่อนุญาตให้ Audi ทดลองโปรเจคท์นี้
หน่วยควบคุมสัญญาณจราจรจะส่งข้อมูลมายังรถยนต์และแสดงผลผ่านจอแสดงผลคอนโซลกลางรถเพื่อบังคับผู้ขับขี่ขับรถตามความเร็วที่กำหนดเพื่อให้พอดีกับสัญญาณไฟเขียวพอดี
แต่ใช่ว่าผู้ขับขี่จะสามารถขับได้ตามจอแสดงผลบังคับได้ทุกคน บางครั้งอาจจะเผลอเร่งความเร็วหรือขับช้าจนกระทั่งเจอสัญญาณไฟแดง ระบบก็จะประมวลผลและบอกเวลาว่าเหลือเวลาเท่าไรจึงจะไฟเขียว (ณ จุดนี้ขอบอกว่าบ้านเรามีตัวเลขนับเวลาตั้งนานแล้ว!!)
ระบบนี้น่าสนใจดี แต่ถ้าทีมงานจะนำระบบนี้มาใช้ในกรุงเทพมหานครเห็นทีจะบอกว่างานหินทีเดียว