Audi ค่ายรถยนต์สี่ห่วงจากเยอรมนี รุกตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมเน้นความประหยัดน้ำมันอีกครั้ง หลังเดินหน้าโปรโมต
เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล TDI ที่ทั้งสะอาดและประหยัดน้ำมันมานาน ล่าสุด ได้เปิดตัวไลน์รถยนต์ตระกูล ‘Ultra’
เน้นความประหยัดน้ำมันและลดมลภาวะเป็นเลิศ โดยใช้โมเดล Audi A3 ประเดิมไลน์นี้กันไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
และทำการเพิ่มโมเดล Audi A4, A5 และ A6 ในวันนี้ พร้อมทำตลาดในยุโรปในปีนี้ทันที
ความแตกต่างหลักสำหรับไลน์ Ultra อยู่ที่การติดตั้งระบบ Engine Start-Stop เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
พร้อมกับระบบแสดงข้อมูลแก่ผู้ขับขี่ว่าสร้างความประหยัดได้มากน้อยขนาดไหน และพิเศษสำหรับ Audi A4 Ultra
จะถูกปรับปรุงชัดกันชนหน้าและงานวิศวกรรมรอบคัน เพื่อทำให้มีความลู่ลม ลดแรงเสียดทานอากาศ รวมถึงการลด
ความสูงตัวถังลงเพื่อเพิ่มความประหยัดน้ำมัน และเปลี่ยนลายล้ออัลลอยให้ดูเฉียบคมมากขึ้น
ในรุ่น Audi A4 Ultra และ A4 Avant Ultra จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ TDI
สร้างกำลังได้ 2 ระดับ ได้แก่ 136 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร และ 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
400 นิวตัน-เมตร
ส่วน Audi A5 Ultra และ Audi A5 Sportback Ultra จะมีขุมพลังให้เลือกเพียงแบบเดียว ได้แก่เครื่องยนต์ดีเซล
2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ TDI 163 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ในขณะที่ Audi A6 Ultra และ
Audi A6 Avant Ultra จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันที่ถูกปรับจูนความแรงเพิ่มขึ้นเป็น 190 แรงม้า แต่ยังคง
ตัวเลขแรงบิดสูงสุดไว้ที่ 400 นิวตัน-เมตร
เครื่องยนต์ทั้งหมด จะถูกเชื่อมต่อกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะสู่ล้อคู่หน้า แต่ในรุ่น Audi A6/A6 Avant Ultra
จะมีออพชั่นเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ S Tronic 7 จังหวะลูกใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ที่เรียบเนียน
และลดการสูญเสียกำลังเครื่องยนต์มากกว่าเดิม ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
รถยนต์ตระกูล Ultra นี้ จะสามารถสร้างความประหยัดน้ำมันสูงสุดได้มากถึง 25.6 กม./ลิตร และปล่อยมลพิษออกมา
ต่ำเพียง 104 กรัม/กม. ส่งผลให้กลายเป็นรถยนต์ดีเซลในกลุ่มพรีเมี่ยมที่ประหยัดน้ำมันน้ำมันและสะอาดที่สุดไปในทันที
ในขณะที่ยังคงความสนุกในการขับขี่ด้วยแรงบิดมากในรอบเครื่องยนต์ต่ำ
Audi A4/A5/A6 Ultra จะทำตลาดในยุโรปเร็วๆนี้ และน่าจะสงวนไว้ให้กับตลาดกลุ่มนี้เพียงแห่งเดียวในโลก
เนื่องจากเป็นตลาดที่นิยมเครื่องยนต์ดีเซลและคำนึงถึงความประหยัดน้ำมันมากกว่าภูมิภาคอื่นๆนั่นเอง