แฟน ๆ Volkswagen ทั่วยุโรปและอเมริกาต่างพากันแปลกใจว่า
ทำไมจึงไม่มีการเปิดตัว Volkswagen Jetta อันเป็นตัวถังซีดาน
ที่ถูกพัฒนาบนพื้นฐาน Golf (พูดง่าย ๆ คือนำ Golf มาต่อตูดดี ๆ นี่เอง)
ตามหลังการเปิดตัว Golf รุ่นใหม่ไม่เกิน 2 ปีเหมือนรุ่นที่ผ่าน ๆ มา
วันนี้ก็เข้าใจแล้วว่า Volkswagen ต้องแยกกันพัฒนาให้แตกต่างจาก
Golf กันไปเลย แต่เหตุผลลึก ๆ แล้ว Golf เจเนเรชั่นที่ 6 นั้นใช้โครงสร้าง
ตัวถังร่วมกับรุ่นเดิมไปก่อนที่จะเปิดตัว Golf เจเนเรชั่นที่ 7 ภายในปี 2012
ทำให้ Jetta เจเนเรชั่นใหม่จำเป็นต้องปรับตัวก่อน
Volkswagen Jetta เป็นรถคอมแพคท์ซีดานระดับเดียวกับ Toyota Corolla
ถูกพัฒนาบนพื้นฐาน Golf ซึ่งมักมีรูปร่างหน้าตาครึ่งคันหน้าเหมือนกันกับ Golf เกือบตลอดมา
ถือกำเนิดครั้งแรกปี 1979 เน้นทำตลาดในสหรัฐอเมริกา,ยุโรปตะวันออก และหลาย ๆ ประเทศที่นิยมรถคอมแพคท์ในรูปแบบตัวถังซีดานมากกว่ารถท้ายตัด
จุดสะดุดของ Jetta คือการเปิดตัวเจเนเรชั่นที่ 4ในปี 1998 ที่ Volkswagen
พยายามอัพเกรดรถเก๋งของตนเองให้สามารถสู้กับ BMW 3-Series
ได้ด้วยการลงทุนเสริมหน้าตาให้แตกต่างจาก Golf เจเนเราชั่นที่ 4
พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น Bora แทนในหลาย ๆ ประเทศ
ผลก็คือถูกสื่อมวลชนสับเละไม่น้อยทีเดียวเพราะนี่มันก็คือ Jetta ในรูปแบบที่ Volkswagen
เป็นอยู่วันยังค่ำนั่นเอง ทำนองว่ารถเพื่อประชาชนจะไปต่อกรกับรถพรีเมี่ยมแต่กำเนิดได้ยังไง
หลังจากนั้น Jetta เจเนเรชั่นที่ 5 ก็ Back To Basic เหมือน Jetta ในอดีตที่เคยเป็นคือ
มีรูปร่างหน้าครึ่งคันหน้าเหมือนกับ Golf เจเนเรชั่นที่ 5 ทุกประการ แต่เมื่อได้เวลา
เปลี่ยนแปลงรูปหน้าตาครั้งใหญ่ในเร็ววันนี้ มันกลับสร้างปัญหาให้กับ Volkswagen ระดับหนึ่ง
Volkswagen ไม่อาจจะนำพื้นฐาน Golf เจเนเรชั่นที่ 6 มาพัฒนาเป็น Jetta ใหม่ได้เลย
เพราะ Golf เจเนเรชั่นนี้นำพื้นฐานโครงสร้างตัวถังจากเจเนเรชั่นที่แล้วมาปรับปรุงขนานใหญ่
นั่นหมายความว่าหาก Volkswagen ยังขืนดึงดันพัฒนา Jetta เจเนเรชั่นใหม่บนพื้นฐานจาก Golf
แล้วล่ะมันก็ไม่ต่างจาก Jetta เจเนเรชั่นที่แล้วเลย
ถ้า Volkswagen เลือกเส้นทางนี้ Jetta เจเนเรชั่นใหม่ก็จะเป็นแค่ Big Minorchange
เท่านั้น และเรายังเชื่อว่า Volkswagen ก็นำ Jetta เจเนเรชั่นที่ 5 นี่แหล่ะมาปรับปรุงเหมือนที่
เคยทำแล้วกับ Golf แฮทช์แบคและแวกอนเจเนเรชั่นที่ 6
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Jetta เป็นรถที่ตกยุคกว่าคู่แข่ง 1 เจเนเรชั่นเพราะการแข่งขันตลาดรถคอมแพคท์ซีดาน
ทั่วโลกนั้นสูงมาก ๆ หากค่ายไหนที่ล้าหลังไปแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวคงต้องจอดไม่แจวครับ
แต่บังเอิญว่า Volkswagen เลือกพัฒนา Jetta เจเนเรชั่นที่ 6 ขึ้นมาใหม่โดยไม่อ้างอิง
กับ Golf รุ่นปัจจุบันแม้แต่น้อยซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่เข้าท่ามากกว่าย่อหน้าข้างบนแน่นอน
หนำซ้ำ Volkswagen ยังเตรียมพัฒนา Golf เจเนเรชั่นที่ 7 อย่างรวดเร็ว
เพื่อเตรียมเปิดตัวในปี 2012 แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่จะต้องพัฒนา Jetta แยกออกจากกัน
ไปจะดีกว่า
ในที่สุด Volkswagen Jetta เจเนเรชั่นที่ 6 ก็อวดโฉมต่อสาธารณชน
ผ่านอินเตอร์เน็ตแล้วไม่นานนักที่สำคัญมันยังเปิดตัวครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา
Volkswagen เอาจริงเอาจังกับตลาดซีดานขนาดคอมแพคท์ในตลาดสหรัฐอเมริกา
อีกครั้งหนึ่งหลังเคยประสบความสำเร็จกับ Jetta เจเนเรชั่นแรกในปี 1979 ซึ่งเป็นช่วงที่
Volkswagen เพิ่งบุกเบิกในตลาดสหรัฐอเมริกา
แต่หลังจากนั้นก็โดนค่ายรถญี่ปุ่นชั้นนำสอยยอดขายร่วงลงไปด้วยเหตุผลง่าย ๆ แค่
ถูก ประหยัดน้ำมัน ซ่อมง่ายในช่วงที่รถญี่ปุ่นเพิ่งสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่ ๆ
และมันแสดงให้เห็นว่าปัญหาสำคัญของ Volkswagen คือไม่สามารถหั่นต้นทุน
สู้กับค่ายรถญี่ปุ่นทุกค่ายได้เลย ทำให้ Volkswagen ต้องมีป้ายราคาที่สูงกว่า และกำรี้กำไร
น้อยกว่าค่ายรถญี่ปุ่น
ปัจจุบันแม้ยอดขาย Volkswagen Jetta จะสู้ผู้นำตลาดอย่าง Toyota Corolla
, Honda Civic ในตลาดสหรัฐอเมริกาไม่ได้ แต่ก็ยังมียอดขายที่ไม่เลวนักและถือเป็น
ตลาดที่ขาย Jetta ได้ดีที่สุดในโลกจึงไม่น่าแปลกใจว่า Volkswagen จึงเปิดตัว
Jetta เจเนเรชั่นที่ 6 ครั้งแรกในโลกที่ NewYork สหรัฐอเมริกาครั้งแรกในโลก
ดีไซน์ของ Jetta โฉมใหม่ได้รับอิทธิพลจากรถต้นแบบ NCC couper Concept
ที่เคยอวดโฉมในงาน NAIAS เมื่อต้นปีนี้เพียงแต่มาในรูปลักษณ์แบบซีดาน 4 ประตู
แตกต่างจากรถต้นแบบที่มาในมาดคูเป้ 2 ประตู
แนวทางการออกแบบก็ยังมาในแบบ Volkswagen DNA ยุคใหม่ที่ดูคมเหลี่ยมสัน
, แข็งแกร่ง, เส้นสายชัดเจน, หนักแน่น ซึ่งผสมผสานระหว่างความหรูหราและความปราดเปรียว
ได้ด้วยกันอย่างดี และน่าจะเป็นสไตล์ที่เข้ากับตลาดรถยนต์ทั่วโลกด้วย
จุดที่โดดเด่นที่สุดใน Jetta คือชุดกันชนหน้าพร้อมช่องดักลมกลางที่ซ้อนกันอยู่ในช่องดักลม
ใหญ่อีกทีหนึ่งพร้อมติดตั้งลิ้นยื่นตัดอากาศบริเวณกันชนด้านล่างหรือที่เรียกอุปกรณ์ชิ้นนี้
ในหมู่วงการรถแข่งก็คือ Splitter นั่นเอง
เส้นสายตัวรถด้านข้างที่คมชัดเช่นนี้ทีมงาน Volkswagen เรียกว่าเส้น Tornado Line
เป็นการลากเส้นที่แรงและเฉียบคมตั้งแต่หัวจรดท้าย
ส่วนบั้นท้ายได้รับอิทธิพลจาก Audi หลาย ๆ รุ่น ซึ่ง Volkswagen อ้างว่าออกแบบให้ดูสปอร์ต
ทันสมัย
มิติตัวถัง Jetta โฉมใหม่ก็ต้องใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบันแน่นอนด้วยความยาว 4.64 เมตร
ความกว้าง 1.78 เมตร ความสูง 1.45 เมตร ความยาวฐานล้อ 2,650 มม.
ที่เด็ดสุดคือ Volkswagen ยืนยันใน Press Release แล้วว่าไม่มีชิ้นส่วนตัวถังใด ๆ ใช้ร่วมกับ
Golf เจเนเรชั่นที่ 6 แต่อย่างใด เท่ากับว่านับต่อจากนี้ไป Volkswagen ประกาศให้ Jetta
เป็นรถรุ่นอิสระไม่มีพันธะอันใดกับ Golf อีกต่อไปแล้ว
ภายในห้องโดยสาร Volkswagen Jetta โฉมใหม่ก็ถูกปรับปรุงให้มีคุณภาพไม่แพ้
รถ Hi-end เช่นกันแม้ว่าดีไซน์ภายในจะดูธรรมดา ๆ เอามาก ๆ ไม่มีความหวือหวาอันใดนัก
ส่วนขนาดห้องโดยสารก็จัดการขยายทุกสัดส่วนโดยเฉพาะความยาว Leg Room ถูกเพิ่มขึ้น
อีก 6.7 เซนติเมตร
เครื่องยนต์ Volkswagen Jetta สำหรับตลาดอเมริกาและแคนาดา Volkswagen
ภูมิใจเสนอ 4 ทางเลือกแบ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 บล๊อกและดีเซล 1 บล๊อก ได้แก่
เครื่องยนต์เบนซินรุ่นล่างสุด 115 แรงม้า (PS) ซึ่งเป็นเครื่องบล๊อกใหม่ล่าสุด แม้จะไม่ระบุ
ตัวเลขความจุกระบอกสูบแต่ก็มีคอัตราสิ้นเปลืองแค่เพียง 28 MPG หรือ 11.9 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับเกียร์ธรรมดาและ 26 mpg หรือ 11 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับเกียร์อัตโนมัติ
เครื่องเบนซินก็มีให้เลือกอีก 2 บล๊อกที่แรงกว่าเดิมคือเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 170 แรงม้า (PS) และ
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร TSI เทอร์โบชาร์จ 200 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซลบล๊อกใหม่ที่ Volkswagen กล้ายืนยันว่าเป็นเครื่องที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก
ให้กำลัง 140 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันสุด ๆ เพียงแค่
34 MPG หรือ 12.7 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรทำได้เพียง 8.7 วินาที
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรและเบนซิน TSI 2.0 ลิตรจะมีออพชั่นเกียร์อัตโนมัติ DSG 6 จังหวะ
ให้เลือกด้วย
สำหรับตลาดยุโรปก็มีทางเลือกเครื่องยนต์ให้มากถึง 6 บล๊อกได้แก่ เบนซิน 1.2 ลิตร TSI 105 แรงม้า (PS)
, 1.4 TSI มีให้เลือก 120 แรงม้าและ160 แรงม้า (PS), 2.0 TSI 200 แรงม้า (PS)
เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร TDI 105 แรงม้า (PS) และ 2.0 ลิตร TDI 104 แรงม้า (PS) ทุกรุ่นจับเกียร์อัตโนมัติ DSG 6 จังหวะยกเว้นเครื่องเบนซิน 1.4 ลิตร TSI 120 แรงม้า และ 160 แรงม้า (PS) ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 จังหวะ
ส่วนขุมพลัง Hybrid นั้นเตรียมวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาปี 2012
สิ่งที่น่าตกใจมากคือ Volkswagen กล้าดับเครื่องชนตั้งราคา Jetta เริ่มต้นแค่เพียง 15,995 ดอลลาร์ถูกกว่า
Jetta เจเนเรชั่นที่แล้วราว 1,740 ดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Corolla, Civic
แล้วก็ถือว่าแพงกว่าเล็กน้อยที่ 15,450 ดอลลาร์ และ 15,455 ดอลลาร์ตามลำดับ แต่มันก็ยังเป็นราคา
ที่น่าดึงดูดพอสมควรถ้าเทียบกับคุณภาพรถยนต์ในหลาย ๆ ด้าน
ความหวังของ Jetta ตัวใหม่มิใช่พัฒนาเพื่อให้สามารถต่อกรได้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งเท่านั้น
แต่ยังผลักดันให้ Jetta เป็นหัวหอกในการดันแบรนด์ Volkswagen ขึ้นสู่หัวหาดถึง 8 แสนคัน
ต่อปีภายในปี 2018 ให้จงได้ โดยตั้งเป้า Jetta ใหม่สูงสุดถึง 1 แสนคันต่อปี เฉลี่ยปีละ 1 หมื่นคันต่อเดือน
หากทำได้เช่นนั้น Volkswagen ก็เตรียมเป็นเบอร์ 1 ได้สบาย ๆ