บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่นเข้าซื้อกิจการ Nissan ประเทศไทยจากบริษัท สยามกลการ จำกัด ผู้ถือกิจการโดยครอบครัวพรประภา สาเหตุสำคัญเกิดจากการขยายตัวของตลาดรถยนต์ที่รวดเร็วเกินกว่าสยามกลการจะปรับตัวรับมือการแข่งขันไหวพร้อมทั้งภาพลักษณ์ที่เริ่มตกต่ำในสายตาผู้บริโภคคนไทยอันเกิดจากไม่มีรถใหม่ลงทำตลาด
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2003 เมื่อ นิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่นประกาศชัยชนะว่าสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นสาขาลูกจนได้หลังยืดเยื้อเป็น 10 ปี แต่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค การกอบกู้แบรนด์จึงเป็นเรื่องทุลักทุเลไม่ว่าจะเป็นประธานคนแรก โคซาคุ โฮโซกาว่าหรือทีมงานผู้บริหารญี่ปุ่น ที่ไม่เข้าใจตลาดเมืองไทยดีพอ, ความสมัครสมานสามัคคีขององค์กรที่ลดน้อยถอยลงอันเกิดจากกำลังใจที่น้อยลง, การให้ความสำคัญกับ Branding และการบริการน้อย เป็นต้น
ดังนั้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมานิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่นจะเพียรตอบคำถามว่าทำไม Nissan ประเทศไทยถึงไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ทั้ง ๆ ที่รถยนต์นิสสันมีคุณภาพดี ผมเชื่อว่าประธานคนใหม่ โทรุ ฮาเซกาว่า น่าจะได้รับคำตอบบ้างจากการอยู่ในไทย 45 วัน และสามารถตอบโจทย์การตลาดในไทยได้อย่างน่าทึ่งจากการตอบคำถามของผู้สื่อข่าว แน่นอนรถใหม่คันแรกที่เปิดตัวในห้วงเวลาของเขานั้นคือ New Teana
Nissan Teana โฉมใหม่ โมเดลที่ 2 รหัสตัวถัง J32 เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศจีนในงานปักกิ่ง ออโตโชว์ เดือนเมษายน 2008 เห็นภายนอกครั้งแรกเหมือนจะเปลี่ยนไม่เยอะแต่หากสังเกตรายละเอียดดีๆแล้วพบว่ามันเปลี่ยนแปลงได้เยอะมากทั้งกายภาพและทางเทคนิคแต่ยังคงคอนเซปต์เดิม (Keep Concept)
หากท่านผู้อ่านอยากรู้การทดลองขับ New Teana ครั้งแรกก่อนให้ดูที่พรีวิวนี้
คุณผู้อ่านก็จะเก็บเป็นข้อมูลไว้ใช้ตัดสินซื้อรถและทดลองขับด้วยตนเองครับ
การออกแบบ
รูปร่างภายนอกคงลักษณะเดิมคือเน้นความหรูหราพร้อมกระจก 6 บานรอบคัน นิสสันอ้างว่าการออกแบบเทียน่าใหม่ถือเป็น Art Form โดยมีถนนเป็นสถานที่จัดแสดง ผู้เขียนสังเกตว่าผู้ออกแบบพยายามลากเส้นสายพลิ้วไหวที่เริ่มต้นจากไฟหน้าจรดไฟท้ายเพื่อให้รถดูมี Dynamic ไม่หยุดนิ่งแต่ดูหรูหรา
ไฟหน้าได้รับอิทธิพลจาก 350Z,Altima และ GT-R แน่นอนเพราะใช้ทรงโคมคล้ายๆกันแต่ของเทียน่าจะมีหลอดไฟสีฟ้าแซมอยู่นิดๆ ไฟท้ายยามเบรคก็ดูดีด้วยไฟเบรค LED ทรงตัว C
คิ้วโครเมี่ยมได้แรงบันดาลใจจากดาบซามูไร
รวมๆแล้วภายนอกดูปราดเปรียวมากขึ้นและเหมือนปรับตัวให้เข้ากับผู้คนส่วนใหญ่มากกว่าเดิม
การออกแบบภายในยังคงคอนเซปต์ Modern Living สวยงามและสะดวกสบายดุจ”ห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่” ให้ความอบอุ่นผ่อนคลายทั้งผู้โดยสารและคนขับ ถึงแนวคิดเดิมแต่การออกแบบภายในถือว่าใหม่หมดจดเปลี่ยนจากสไตล์ zen ญี่ปุ่นไปสู่การออกแบบที่ดูสากลมากขึ้น เน้นดีไซน์คล้ายๆเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกที่ได้รับรางวัลมาใช้กับเทียน่าคันนี้
แผงคอนโซลดูเผิน ๆ เหมือนเป็นแพทเทิร์นรถทั่วๆไปแต่สังเกตว่าทีมออกแบบใช้วิธีออกแบบ Layer ถึง 3 ชั้น ดูแตกต่างจากคู่แข่งและดูมีเอกลักษณ์ดี ด้วยลูกเล่นแบบนี้ทำให้ตำแหน่งสวิตช์แอร์มันต่ำลงไปหน่อยแต่นิสสันแก้ปัญหาได้โดยเพิ่มฟังก์ชันการควบคุมแอร์ไว้ที่ปุ่มหน้าจอดิสเพลย์อีกตำแหน่งหนึ่ง
จุดเล็กๆน้อยๆที่ผมก็คาดไม่ถึงว่าแอบใส่ลงไปคือไฟสะท้อนแผงมือจับทำมุมกระทบกันดูหรูหราไม่น้อย
สิ่งที่ทำให้ภายในดูหรูขึ้นอีกนิดคือช่วงแผงคอนโซลเกียร์ Wave Form ตกแต่งด้วยแผงลายไม้และวัสดุสีเงิน จุดนี้เป็นสิ่งที่ใส่ใจมากกว่าที่คิด ปกติเราจะเห็นรถรุ่นอื่นเป็นแค่กล่องเก็บของเรียบ ๆ ไม่มีการออกแบบอะไรมากนัก แต่ New Teana กลับใส่ใจตรงจุดนี้ทำให้มองรวมๆแล้วเข้ากันกับบรรยากาศห้องโดยสาร
จุดด้อยห้องโดยสารในรุ่นเดิมคือผู้โดยสารสูงกว่า 180 ซม. นั่งข้างหลังและศีรษะติดเพดานจนต้องเปลี่ยนอิริยาบถใหม่ บัดนี้ทุกท่านที่ประสบปัญหานี้จะไม่พบเจอใน New Teana แล้วเพราะเฮดรูมถูกขยายออกไปหลายมิลลิเมตร
งานวิศวกรรม
ภายนอกดูเหมือนเปลี่ยนไม่เยอะแต่สิ่งที่อยู่ภายในก้นบึ้งกลับเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อาทิ
เครื่องยนต์ใหม่ 2.5 ลิตร VQ25DE V6 พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CVTC ให้กำลัง 182 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 23.2 กก.ม.ที่ 4,400 รอบต่อนาที ปรับปรุงท่อไอดีใหม่ให้อากาศไหลเวียนดีขึ้นและหัวฉีดแบบใหม่ 12 รู เผาไหม้หมดจด ปรับบุคลิคเครื่องให้แรงบิดมา 80% ที่รอบต่ำ
และเครื่องยนต์ 4 สูบใหม่ MR20DE ให้กำลัง 136 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 19.4 กก.ม.ที่ 4,440 รอบต่อนาที (บางท่านอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับบล๊อกรหัส MR ใน Tiida มาก่อนจะบอกว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้เสื้อสูบเดียวกันแต่ขยายปริมาตรความจุครับ) ช่วยลบล้างข้อครหาว่ากินน้ำมันหนักแต่อืดสุดขีดได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้ระบบเกียร์
ไฮไลต์สำคัญของ New Teana คือใช้ระบบส่งกำลัง Xtronic CVT อัตราทดแปรผันระหว่าง 2.349-0.394 ระบบ ASC logic ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้มากกว่า 700 รูปแบบพร้อมโหมด Sport ครั้งแรกในประเทศไทยที่กล้าใช้กับรถขนาดกลางใหญ่ข้อดีของมันคือการขับขี่ที่นุ่มนวล อัตราเร่งดี ให้ความประหยัดมากขึ้น และข้อดีสุดท้ายที่คนไทยไม่เคยรู้แน่นอนคือมีส่วนช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ราว 10% เลยทีเดียว
มีแต่ข้อดี ส่วนข้อเสียล่ะ จะทนมือทนไม้คนไทยที่ขับกันสะบั้นหั่นแหลกโดยที่ไม่ดูแลรักษารถตามคู่มือและจิตสำนึกกันเลยได้หรือเปล่า? เรามีคำตอบจากผู้บริหารนิสสันประเทศไทยคนใหม่ โทรุ ฮาเซกาว่า พูดถึง Xtronic CVT ของนิสสันทนรับมือไหวคนไทยไหม?
“ช่วงที่ผมเคยบริหาร นิสสัน ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีฐานอยู่ที่ประเทศดูไบ ผมสังเกตว่ารถ Nissan Altima ซึ่งใช้เกียร์ Xtronic CVT ลูกเดียวกันวางจำหน่ายมา 3 ปีแล้วยังไม่มีลูกค้าคนไหนเคลมเกียร์ลูกนี้กันเลย ทั้ง ๆ ที่คนดูไบใช้รถกันโหดมาก ๆ ทั้ง ขยี้คันเร่งไม่ยั้งเท้าตั้งแต่จุดหยุดนิ่งจนถึงเร่งแซง,ลากความเร็วสูง ๆ เป็นเวลานาน ภายใต้ภูมิอากาศที่ร้อนจัด แต่ก็ยังทนทานมากๆ
ที่สำคัญนิสสันมีประสบการณ์พัฒนาเกียร์ Xtronic CVT มาแล้วกว่า 18 ปี เวลาที่ผ่านไปทำให้เราพัฒนาเกียร์ให้มีความทนทานเพียงพอต่อการใช้งานอย่างหนักได้ พร้อมมีสิทธิบัตรเกี่ยวกับเกียร์ลูกนี้มากมาย
เราทดสอบความทนทานด้วยการวิ่งด้วยความเร็ว 130-140 กม./ชม.ตลอด 24 ชั่วโมงนานหลายกิโลเมตรที่ประเทศดูไบมาแล้วด้วยสภาวะอากาศที่ร้อนมาก ผลน่ะหรือไม่มีปัญหาอะไรเลย
ผมขอยืนยันว่า Xtronic CVT ทนทานมั่นในได้มากๆครับ”
รถนิสสันที่มีเทคโนโลยี Xtronic CVT เริ่มมียอดขายจำหน่าย 1 ล้านคันในปี 2007 เป็นครั้งแรก ปี 2008 ก็มียอดจำหน่าย 1 ล้านกว่าๆ
คุณงามความดีอีกอย่างก็คือโครงสร้างพื้นตัวถัง D-platform ปรับปรุง Caster ของล้อหน้าลดอาการโยนตัวขณะเข้าโค้งมากกว่าเดิม ควบคู่ไปด้วยระบบกันสะเทือนหลัง Multi Link ใหม่ ดูดซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น โช๊คอัพ Rebound Spring รอบคัน
โครงสร้างตัวถังแบบ X-type แบบเดียวกับรถสปอร์ตเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการขับขี่ที่ดีขึ้น
สิ่งที่หลายคนไม่น่าจะรู้คือ New Teana บุแผ่นซับเสียงรอบคันทุกจุดแม้กระทั่งหลังคา หากมีฝนตกลงมาเสียงก็จะไม่ดังเล็ดรอดเข้ามากนัก
ส่วนประสิทธิภาพเป็นอย่างไรลองดูพรีวิวทดลองขับ New Teana โดยคุณ JIMMY ตามนี้นะครับ
อุปกรณ์มาตรฐาน
รวม ๆ ก็มีเด่นมีด้อยบางแต่รวม ๆ ไม่ถึงกับมีออพชั่นอัดแน่นมาก ๆ ขณะเดียวกันก็ไมได้ด้อยกว่าคู่แข่งมาก ๆ เช่นกัน ความเหมาะสมกับราคาที่ตั้งไว้
New Teana เป็นรถซีดานขนาดไม่เกิน 2.5 ลิตรรุ่นเดียวที่ติดตั้งหลังคา Sunroof มาให้ขณะที่คู่แข่งทั้ง Toyota Camry และ Honda Accord 2.4 ลิตรไม่มีมาให้ แต่ติดตั้งให้เฉพาะรุ่น 3.5 ลิตรเท่านั้น
Navigation GPS System ใช้ของ Garmin รับสัญญาณในจุดอับแม้อยู่ในตึก
ราคาจำหน่าย
200XE 1,179,000 บาท
200XL 1,209,000 บาท
250XV V 1,499,000 บาท
250XV V6 Sunroof 1,549,000 บาท
250XV V6 Navigation 1,599,000 บาท
250XV V6 Sunroof Navigation 1,649,000 บาท
ตั้งเป้าจำหน่ายไว้แค่ 3,000 คันในปีนี้หรือเฉลี่ยเดือนละ 300 คัน
ทุกท่านยลโฉมและทดลองขับที่โชว์รูม Nissan ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป