ไปติดตามชะตากรรมของ Carlos Ghosn ผู้บริหารของพันธมิตร Renault – Nissan – Mitsubishi Alliance ที่ถูกจับกุมฐานปกปิดรายรับที่แท้จริง มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ล่าสุด มีรายงานว่าเขายังถูกคุมตัวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจนถึงขณะนี้ เนื่องจากเขาถูกตั้งข้อหาใหม่จนทางการได้สิทธิ์ที่จะคุมตัวเขาต่อไป หลังจากที่คุมตัวเขาด้วยข้อหาเดิม จนนานที่สุดเท่าที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้
ในวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า Carlos Ghosn ถูกตั้งข้อหาฐาน กระทำผิดหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อสินทรัพย์ที่ดูแลอยู่ (breach of trust) เนื่องจากทางการสงสัยว่า ชายผู้นี้ได้ลงทุนส่วนตัวแล้วขาดทุนในเดือนตุลาคม 2008 และได้ให้ Khaled Al-Juffali ผู้บริหารชาวซาอุดิอาระเบียของ E. A. Juffali and Brothers บริษัทที่ถือหุ้น 50% ของ Nissan Gulf มาช่วยปกปิด
ทางการระบุว่าผู้บริหารซาอุได้ออกหนังสือให้กับ Ghosn ส่งผลให้เขาถ่ายโอนความเสียหายทั้งหมดไปไว้ที่ Nissan แทน ต่อมาบริษัทของ Al-Juffali ได้รับการโอนเงินจาก Nissan จำนวน 4 ครั้ง ระหว่างปี 2009 – 2012 รวมมูลค่า 14.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 470 ล้านบาท) และทั้งหมดเป็นการโอนเงินผ่านช่องทางที่ Ghosn ใช้ดุลยพินิจสั่งจ่ายได้เอง โดยภายใน Nissan เรียกการโอนเงินแบบนี้ว่า CEO Reserve
(ภาพตอนที่ Greg Kelly ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว)
สื่อท้องถิ่นยังรายงานด้วยว่า Ghosn ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทนายโดยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาถ่ายโอนความเสียหายส่วนตัวไปไว้ที่ Nissan ทั้งยังระบุด้วยว่า การโอนเงินทั้ง 4 ครั้งเป็นเรื่องของธุรกิจ มีจุดประสงค์เป็นรางวัลให้กับบริษัทที่ได้รับเงิน เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาผู้จำหน่ายในประเทศซาอุฯ ได้
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งข้อหาล่าสุดได้พุ่งเป้าไปที่ Ghosn เพียงผู้เดียว ส่วน Greg Kelly ผู้บริหารอีกรายที่ถูกจับกุมพร้อมกันแต่แรก ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว ในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา เห็นทีต้องติดตามชมต่อแล้วว่า อนาคตของชายผู้นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป