ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ ASEAN ถือเป็นตลาดรถยนต์ที่มีโอกาสขยายตัวได้ เพราะเมื่อรวมจำนวนประชากรเข้าด้วยกันทั้งหมดก็นับว่ามีจำนวนที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ประเทศมหาอำนาจกันเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ยังอยากจะเจาะฐานตลาดแห่งนี้ให้สำเร็จ ถึงแม้บางบริษัทอาจเจาะไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่กล้าทิ้งฐานตลาดนี้ไปได้อยู่ดี
ล่าสุด Hyundai ได้วางแผนสร้างโรงงานและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนเงิน 880 ล้านดอลลาร์ หรือ 28,714 ล้านบาท เพื่อลดการพึ่งพาตลาดจีน ตามกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทแม่ หลังงจากมีเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้และประเทศจีน จนทำให้ยอดขาย Hyundai ในจีนลดลงมาก
ทางการอินโดนีเซียยืนยันว่า โรงงานผลิตรถยนต์ Hyundai ในอินโดนีเซียมีกำลังการผลิตสูงสุด 250,000 คัน/ปี ที่รวมกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ไว้ด้วยแล้ว
อีก 1 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Hyundai ตั้งโรงงานในแถบนี้นั่นก็คือ อินโดนีเซียมีแร่ nickel laterite ore อันเป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนที่เป็นที่นิยมของรถยนต์ไฟฟ้า EV ในยุคปัจจุบัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเผย Hyundai มีแผนส่งออกรถยนต์ในอัตราส่วน 53% ของรถยนต์ที่ผลิต เน้นการส่งไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย และจำนวนรถยนต์ 47% จะถูกผลิตเพื่อจำหน่ายในอินโดนีเซีย
มีบุคคลในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สัมภาษณ์ผ่าน Reuters ระบุว่า สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดของ Hyundai คือการขยายเครือข่ายจำหน่าย และ Lee Bo-sung ประธานฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ Hyundai-Kia เคยออกความเห็นว่า ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเจาะยาก เพราะมีผู้สองผู้นำทั้ง Toyota และ Honda ครองตลาดอย่างเหนียวแน่น
ยอดขายรถยนต์ Hyundai ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2018 ในอินโดนีเซียทำได้แค่เพียง 1,372 คัน ส่วน Toyota กลับมียอดขาย 463,565 คัน
ก่อนหน้านี้ Hyundai เคยลงทุนใน Grab แอพพลิเคชั่นเรียกรถยนต์สาธารณะ 250 ล้านดอลลาร์ หรือ 8,000 ล้านบาท และเตรียมเสนอรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปยังกลุ่มนักขับ Grab
ที่มา : Nikkei