Skoda น่าจะถือเป็นแบรนด์รถยนต์ในเครือ Volkswagen Group ที่มีความโดดเด่นรุ่งโรจน์ไม่แพ้ใคร เพราะนอกจากยอดขายที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว การทบทวนกลยุทธ์การพัฒนารถยนต์ให้ถูกต้องหรือสอดคล้องกับความเป็นไปของตลาดก็ถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่สุดเช่นกัน
ล่าสุด Skoda ได้เปิดตัว Scala รถยนต์ C-Segment Hatchback เพื่อมาแทนที่ Skoda Rapid Sportback ที่อยู่ในระดับ B-Segment เป็นการจัดระเบียบของรุ่นรถให้ชัดเจนขึ้น เพราะในปัจจุบัน Skoda ยังขาดแคลน C-Segment แบบท้ายตัดมาทำตลาด
ความหมายของ Scala ในภาษาละตินแปลว่า “ขั้นบันได” หรือ “บันได” ที่เปรียบเสมือนการก้าวไปยังจุดที่สูงขึ้น รถยนต์รุ่นนี้เป็นรุ่นสำคัญที่จะวางมาตรฐานใหม่ทั้ง เทคโนโลยี, ความปลอดภัยและการออกแบบ
Skoda วางตำแหน่งทางการตลาดของ Scala ไว้ชัดเจนมากว่า มันคือ C-Segment Hatchback ที่มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อใหม่, อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงและวัสดุที่ดูประณีต ควรค่าแห่งการเป็นรถยนต์ที่คุ้มค่า อันเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ที่มีคำนิยามว่า ‘smart understatement’
กลุ่มเป้าหมายของ Skoda Scala คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีการออกแบบมุ่งยังลูกค้าที่ใช้อินเตอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารเป็นหลัก ซึ่งก็ผนวกกับความเป็น Skoda ที่มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง, มีพื้นที่ห้องสัมภาระใหญ่โตและจะต้องคุ้มค่าเงินอย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
Skoda Scala คือรถยนต์รุ่นแรกที่มีทิศทางการออกแบบ Design Language แบบใหม่ล่าสุด และจะส่งต่อเส้นสายแห่งความงามไปยังรถยนต์ Skoda รุ่นใหม่ในอนาคต มีเส้นสายตัวรถแบบใหม่ มีรายละเอียดใหม่ที่เฉียบคม มีการใส่ตัวอักษรในไฟท้ายเพื่อความเป็นเอกลักษณ์
Oliver Stefani หัวหน้าทีมออกแบบ Skoda กล่าวว่า การยกระดับการออกแบบ Skoda ไม่เพียงแต่จะถูกออกแบบเพื่อให้รองรับการใช้งานสำหรับทุกคน ดีไซน์ยังดูทรงพลัง, มีความสปอร์ตและเร้าอารมณ์เอามาก ๆ ภายใต้สัดส่วนตัวถังที่ได้สมดุลลงตัว มีพื้นผิวตัวถังที่เด่นชัด เส้นสายที่ลื่นไหล ผสมผสานกับหลักการแอโร่ไดนามิค และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Skoda Scala มาพร้อมทั้งความทันสมัยและความสปอร์ต
1 ในจุดขายสำคัญก็คือการออกแบบภายในห้องโดยสารอันกว้างขวางที่ถูกตามหลักสรีระศาสตร์และเร้าอารมณ์ ติดตั้งหน้าจอสัมผัสลอยเด่น แผงแดชบอร์ดถูกออกแบบให้กดต่ำ พร้อมมาตรวัดหน้าจอสี Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว และพื้นที่ห้องสัมภาระขนาด 467 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังก็จะมีพื้นที่ถึง 1,410 ลิตร
ความพิเศษของแผงแดชบอร์ด นั่นก็คือการตกแต่งที่มีรายละเอียดน่าสนใจ แผงข้างประตูถูกบุด้วยวัสดุคุณภาพสูงและ Soft Foam พร้อมไฟ Ambient Light และดีไซน์เบาะนั่งที่นั่งสบาย
ด้วยความยาวฐานล้อ 2,649 มิลลิเมตร ที่ใกล้เคียงกับ Skoda Octavia ทำให้มีพื้นที่หัวเข่าเพิ่มขึ้น 73 มิลลิเมตร, ความกว้างห้องโดยสารตอนหลัง 1,425 มิลลิเมตร, เนื้อที่ความสูงห้องโดยสารตอนหลัง 982 มิลลิเมตร
เห็นเป็นรถที่ดูเรียบ ๆ ขนาดนี้แต่มันก็ซ่อนความไฮเทคอย่างคาดไม่ถึง เพราะมันมีระบบช่วงล่าง Sport Chassis Control ที่มีการปรับลดความสูงตัวรถลง 15 มิลลิเมตร พร้อมสั่งงานให้โช๊คอัพรองรับแรงดูดซับ เพื่อการขับขี่แบบสปอร์ตที่รู้สึกสัมผัสได้
อีก 1 จุดขายสำคัญของ Skoda Scala ก็คือ ระบบความปลอดภัยที่แน่นจนไม่รู้ว่าจะแน่นไปถึงไหน นั่นเป็นเพราะรถคันนี้ถูกสร้างขึ้นบน Modular Platform MQB-A0 หมายความว่า Skoda สามารถหยิบยืมงานวิศวกรรมและระบบอิเล็กทรอนิคส์จากรถรุ่นพี่ มาใส่ไว้ได้โดยไม่ต้องดัดแปลงหรือเพิ่มต้นทุนอะไรมาก อาทิ
- ระบบปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารก่อนประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระบบจะปิดหน้าต่างอัตโนมัติและดึงรั้งเข็มขัดผู้โดยสารตอนหน้าให้กระชับ Crew Protect Assist
- ระบบเบรกอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุเพื่อป้องกันการเสียการทรงตัว Multi-Collision Brake
- ระบบเตือนมีรถยนต์วิ่งอยู่ข้างหลังไม่เกิน 70 เมตร Side Assist
- ระบบตรวจมุมอับสายตาในรัศมี 20 เมตร Blind Spot Detect
- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Warning (อุปกรณ์มาตรฐาน)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชันตรวจจับคนเดินทางทางเท้า Front Assist with City Emergency Brake (อุปกรณ์มาตรฐาน)
- ระบบตรวจจับอาการเหนื่อยล้อของผู้ขับขี่ Driver Alert Fatigue Detection
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control
เครื่องยนต์
- เบนซิน 1.0 ลิตร TSI 95 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
- เบนซิน 1.0 ลิตร TSI 115 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ
- เบนซิน 1.4 ลิตร TSI 150 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ
- ดีเซล 1.6 ลิตร TDI 115 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ
- ดีเซล 1.0 ลิตร G-TEC 90 แรงม้า
ราคาของ Skoda Scala ถือว่าเร้าใจมากคือ มันถูกกว่า Volkswagen Golf ในระดับหนึ่ง โดยแพงกว่า Volkswagen Polo เพียงเล็กน้อยแต่ได้รถเกรด C-Segment ก็ถือว่าเป็นการพลิกกลยุทธ์ใหม่ในการรุกตลาด C-Segment ที่มีการแข่งขันอันรุนแรงมาก
ที่มา : Motor1