ไม่นานมานี้ ผมก็เพิ่งนำเสนอภาพหลุดที่เตรียมพร้อมจะโปรโมตของ Mini CountryMan ไปหยกวันนี้ Mini ก็ได้ฤกษ์นำรถคันใหม่อวดโฉมอย่างเป็นทางการเสียแล้ว

 
 

Mini CountryMan รหัสพัฒนา R60 นับเป็น Mini ตัวถังที่ 4 ต่อจากตัวถังเปิดมาตรฐาน,ตัวถังเปิดประทุนและตัวถัง Clubman และก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง Mini จึงเลือกพัฒนา CountryMan ให้เป็นครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิคดั้งเดิมกับความทันสมัยของรถตัวลุยในปัจจุบัน (ดูจากรูปภาพบางมุมถ้าไม่บอกผมนึกว่าเป็น Mini เวอร์ชัน 5 ประตูเสียอีก)

 
 

ถือว่า Mini ขยายไลน์สินค้าได้ถูกจังหวะ เพราะลูกค้าที่รักในแบรนด์ Mini ยังมีเยอะมากที่อยากได้รถอเนกประสงค์ที่สามารถบรรจุผู้โดยสาร 5 คนได้สบาย ๆ , มีพื้นที่ห้องสัมภาระเพียงพอต่อการใช้งาน, ยกตำแหน่งเบาะนั่งให้นั่งและขับกันสบายขึ้น แต่ไม่อยากทิ้งลายความเป็น Mini ในด้านรูปลักษณ์และคุณภาพการขับขี่ดุจดั่งขับรถโกคาร์ท

 
 

การออกแบบภายนอกของ Mini CountryMan  ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความคลาสสิคและมีคุณภาพอยู่เช่นเคย แม้ว่าตัวรถจะใหญ่ขึ้น, ใต้ท้องรถจะสูงขึ้นและมีประตูเข้าห้องโดยสารถึง 4 บาน แต่บุคลิคของ Mini ดั้งเดิมก็ยังไม่ละทิ้งไปไหน อาทิ ระยะยื่น (Overhang) หน้าและท้ายที่สั้นทำให้ขนาดตัวรถยังคงกะทัดรัดเพียงแค่ 4 เมตรเท่านั้น, เส้นขอบกระจกล่างยกสูง และออกแบบบานกระจกโปร่งแสงรอบคัน

 
 

ขณะเดียวกัน Mini ยังต้องสร้างเอกลักษณ์ใหม่เพื่อให้สมกับเป็น Mini ยุคใหม่ ได้แก่ การลากเส้นหลังคาแบบใหม่, กระจังหน้าทรงใหม่ ทำเหลี่ยมมุมถึง 6 เหลี่ยม,ไฟหน้าทรงใหม่ เป็นต้น คาดว่าเราคงจะเห็นเอกลักษณ์ใน Mini ตัวต่อไปด้วย

บุคลิคเฉพาะตัวของ Mini CountryMan คือ ด้านหน้าที่ดูมีความแข็งแกร่งแต่ปลอดภัยสำหรับผู้เดินถนน,เนื้อที่กระจกหน้าต่างที่ดูปลอดโปร่ง,ขอบโป่งล้อที่หนาและบึกบึนกว่ารุ่นปกติ

 
 

การออกแบบภายใน Mini CountryMan ก็ยังบรรจงออกแบบให้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อาทิ การยกตำแหน่งเบาะนั่งให้สูงขึ้นรับประกันความสบายทั้งนั่งโดยสารและการเข้าออกตัวรถ นอกจากนี้ช่วยทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกลตามแบบฉบับรถยกสูง

 
 

แผงคอนโซลถูกออกแบบให้โดดเด่นด้วยแผงคอนโซลกลางที่รวมมาตรวัดความเร็วและช่องแอร์กลางรวมไว้เป็นโซนเดียวกันหน้าตาคล้าย ๆ มิคกี้เมาท์พร้อมหุ้มด้วยแถบล้อมรอบสี รวมทั้งช่องแอร์ฝั่งผู้โดยสารและผู้ขับขี่ก็หุ้มวงกลมสีล้อมรอบด้วยเช่นกัน

 
 
 

จุดขายภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นของ Mini CountryMan คือ ติดตั้งรางเลื่อนระหว่างกลางของรถที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ที่วางแก้วน้ำ,แท่นเท้าแขน,ที่เก็บแว่นตา เลื่อนไปมาระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและผู้โดยสารตอนหลังได้ แม้จะเป็นหลักการง่าย ๆ แต่ Mini ก็ยังสรรหาชื่อให้มันเสร็จสรรพว่า Center Rail ซึ่งเป็นชื่อที่จดสิทธิบัตรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

 
 

ขนาดห้องโดยสารของ Mini CountryMan เพียงพอกับผู้โดยสารผู้ใหญ่ 4 คน ซึ่งมีให้เลือกเบาะผู้โดยสารตอนหลังแบบแถวยาวเป็นอุปกรณ์มาตรฐานหรือแบบแยกเบาะให้เลือกพิเศษ ขนาดห้องสัมภาระขนาดปกติก็เพียงพอต่อการบรรทุกของด้วยความจุ 350 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะก็เพิ่มเป็น 1,170 ลิตร

ไหน ๆ ก็เปิดตัวทั้งที Mini จึงมีทางเลือกให้ผู้รัก Mini ถึง 5 ทางเลือก ได้แก่

Mini Cooper S CountryMan ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,598 ซีซี เทอร์โบคู่เลื่อน ฉีดเชื้อเพลิงตรง และระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic ให้กำลัง 184 แรงม้า (HP) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.24 กิโลกรัมเมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,600 รอบต่อนาที (และสามารถจูนได้สูงสุด 26.26 กิโลกรัมเมตร) สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 6.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 146 กรัมต่อกิโลเมตร

Mini Cooper CountryMan ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,598 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic ให้กำลัง 122 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 16.16 กิโลกรัมเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที  สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 10.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 6.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 142 กรัมต่อกิโลเมตร

Mini One CountryMan ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,598 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic ให้กำลัง 98 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.45 กิโลกรัมเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที  สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 137 กรัมต่อกิโลเมตร

 

Mini Cooper D CountryMan ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียงบล๊อกอลูมิเนียม ความจุกระบอกสูบ 1,598 ซีซี คอมมอนเรลเทอร์โบแปรผัน Valvetronic ให้กำลัง 112 แรงม้า (HP) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 27.27 กิโลกรัมเมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที  สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 10.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 4.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 116 กรัมต่อกิโลเมตร

Mini One D CountryMan ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียงบล๊อกอลูมิเนียม ความจุกระบอกสูบ 1,598 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน Valvetronic ให้กำลัง 90 แรงม้า (HP) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 21.71 กิโลกรัมเมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที  สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 13.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 113 กรัมต่อกิโลเมตร

 
 

จุดขายอีกจุดหนึ่งคือสมรรถนะการขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่ Mini ภูมิใจเสนอในชื่อว่า All4 โดยมีหลักการทำงานคร่าว ๆ คือ กระจายแรงขับเคลื่อนเพลาคู่หน้าและคู่หลัง 50-50 เมื่อวิ่งบนพื้นน้ำแข็งและพื้นหิมะอาจจะไปกระจายที่เพลาหลัง 100 เปอร์เซ็นต์ได้ เพื่อการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมจึงทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัว DSC ระบบ All 4 มีให้เลือกในรุ่น Cooper S และ Cooper D

รถคันจริงจะอวดโฉมสู่สาธารณชนในงาน Geneva MotorShow 2010 และพร้อมวางขายตอนสิ้นปีนี้ในยุโรป ส่วนประเทศไทยคงต้องอดใจรอปีหน้าครับ