All NEW Mercedes-Benz B-Class ได้เปิดตัวเรียบร้อยแล้ว โดยผสานความสปอร์ตในรถยนต์ Sports Tourer ลงไปให้มากขึ้นกว่าเดิม เสริมด้วยลูกเล่นภายในห้องโดยสาร และระบบความปลอดภัยแบบเดียวกับรุ่นพี่ในค่าย ด้านขุมพลังมีให้เลือกด้วยกัน 5 ระดับความแรง ครบถ้วนทั้งเบนซินและดีเซล

โจทย์การออกแบบของ Mercedes-Benz B-Class คือการทำให้แตกต่างจากรถยนต์ MiniMPV ทั่วไป โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ รถยนต์ที่มีระยะฐานล้อ 2,729 มิลลิเมตร พร้อมระยะ overhang สั้นทั้ง 2 ด้าน ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน ต่ำลงจากรุ่นก่อนหน้าที่ 0.25 เหลือ 0.24 cd ทั้งหมดเป็นผลมาจากเส้นสายสปอร์ตรอบคัน ไล่ไปตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า, กระจกบานหน้า และตัวถังด้านข้าง

ไฟหน้าในรุ่นปกติจะเป็นแบบ H7 พร้อมไฟ LED DRL และสามารถเปลี่ยนเป็นแบบ LED หรือ MULTIBEAM LED ได้ ด้านข้างมีล้อหลายขนาด ไล่ตั้งแต่ 16 – 19 นิ้ว ด้านหลังมีไฟท้าย 2 ก้อน ส่วนแผงสะท้อนแสงถูกย้ายลงไปอยู่ที่กันชน อันเป็นสถานที่ที่มีชายกันชนล่างสีดำ ลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ตกแต่งโครเมี่ยม ปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์หลังคาขนาดใหญ่

ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ให้หรูหราเช่นเดียวกันของ A-Class แต่ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ของตน เริ่มต้นกับช่องแอร์ทรงกลม 5 ช่อง พร้อมวงแหวนเรืองแสง คอลโซลกลางเน้นควบคุมด้วยระบบสัมผัส มาในสีดำถอดแบบจาก E-Class ทั้งยังปรับแสงในห้องโดยสารได้ 64 สี และมีระบบเบาะนวด ENERGIZING seat kinetics

จอแสดงผลของ Mercedes-Benz B-Class จะเป็นแบบ 2 จอคู่ทุกรุ่น โดยมีทั้งแบบ 7 นิ้ว ทั้งคู่, 7 นิ้ว พร้อม 10.25 นิ้ว และแบบ 10.25 นิ้ว ทั้งคู่ ส่วนหน้าจอ Head-up display สามารถติดตั้งเพิ่มได้ แน่นอนว่าระบบ MBUX ที่รองรับคำสั่งเสียงแบบธรรมชาตินั้นมีมาให้เช่นกัน ด้านประโยชน์ใช้สอย สามารถพับเบาะหลังได้แบบ 40:20:40 รองรับการบรรทุกสัมภาระความจุ 455 – 1,540 ลิตร

สำหรับผู้ที่เน้นขนของ คงต้องแนะนำให้รอซื้อรุ่นที่ออกขายหลังกลางปี 2019 ซึ่งจะมาพร้อมกับเบาะหน้าพับลงได้ ให้เสียเงินซื้อเพิ่ม เพื่อประโยชน์ในการขนสัมภาระที่ยาวขึ้น รุ่นที่ตามมายังจะได้เบาะหลังที่ปรับเดินหน้า – ถอยหลังได้ 14 เซนติเมตร และปรับเบาะได้หลายรูปแบบกว่าเดิม ส่วนระบบเปิดปิดฝาท้ายด้วยการกดปุ่ม หรือ ใช้เท้ากวาดใต้กันชน HANDS-FREE ACCESS สามารถเสียเงินเพิ่มได้เลย

ในช่วงแรก ขุมพลังของ Mercedes-Benz B-Class จะมีให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • Gasoline เบนซิน

B 180

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M 282 แบบ 4 สูบ ขนาด 1.33 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT dual-clutch 7 จังหวะ

B 200

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M 282 แบบ 4 สูบ ขนาด 1.33 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT dual-clutch 7 จังหวะ

  • Diesel ดีเซล

B 180 d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654q แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT dual-clutch 7 จังหวะ

B 200 d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8G-DCT dual-clutch 8 จังหวะ

B 220 d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8G-DCT dual-clutch 8 จังหวะ

ในอนาคต Mercedes-Benz B-Class จะมีเครื่องยนต์แบบอื่นให้เลือกด้วย รวมไปถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สำหรับขนาดถังน้ำมัน เริ่มต้นที่ความจุ 43 ลิตร และในรุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ สามารถจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อเปลี่ยนเป็นขนาด 51 ลิตร ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ McPherson struts ด้านหลังเป็นแบบ compound crank rear axle หรือสั่งเปลี่ยนเป็นแบบ four-link ได้

ระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจ มีทั้งระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ทำงานร่วมกับกล้องและเรดาร์ ประเมินสภาพถนนเบื้องหน้า ได้ไกลถึง 500 เมตร ทำงานร่วมกับระบบอื่น ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • Active Distance Assist DISTRONIC ระบบปรับความเร็วแปรผันตามสภาพถนน
  • Active Emergency Stop Assist ระบบช่วยหยุดรถยนต์ในกรณีฉุกเฉิน
  • Active Lane Change Assist ระบบช่วยเปลี่ยนช่องทางจราจร
  • Active Brake Assist ระบบช่วยเบรก ตรวจจับได้ทั้งยานพาหนะที่ช้ากว่า คนเดินถนน และจักรยาน

Mercedes-Benz B-Class เปิดตัวแล้วในวันที่ 2 ตุลาคม ในงาน Paris Motor Show 2018 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศฝรั่งเศส ส่วนกำหนดการออกจำหน่าย จะเริ่มต้นในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ และ พร้อมส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2019

 

ที่มา: Daimler