หลังจากที่เริ่มศึกษาขั้นตอน การพัฒนารถยนต์ในอนาคตภายใต้ project นาม project i ตั้งแต่ปี 2007 จนเข้าสู่การพัฒนารถยนต์คันจริงอย่าง BMW i3 ค่ายใบพัดฟ้าขาวพร้อมก้าวเข้าสู่ การพัฒนาขั้นตอนต่อไปกับกลยุทธ์ควบรวม การออกแบบ Design + การขับขี่อัตโนมัติ Autonomy + การเชื่อมต่อ Connectivity + ระบบไฟฟ้า Electric + การให้บริการ Services เข้าด้วยกัน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า D+ACES
BMW ต้องการที่จะรวมคุณสมบัติทั้งหมด ไว้ในรถยนต์คันเดียวซึ่งถูกพัฒนาต่อ จนกลายเป็นรถยนต์ต้นแบบ BMW Vision iNEXT โดยภายนอกให้ความสำคัญกับเรื่อง Design ด้วยสัดส่วนและเส้นสายของรถยนต์ SAV ที่มาในสีทองแดง Liquid Greyrose Copper และสามารถเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม Dark Rose ได้ เมื่อทำมุมกับแสงกระทบ
กระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายยังคงอยู่ แต่ปิดตายเนื่องจากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Electric เมื่อปลดล็อคประตู เส้นสีฟ้าที่ติดตั้งอยู่รอบคัน จะเปล่งแสงเพื่อแสดงตัวตนความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ด้านไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED เส้นบาง แต่ยังคงเอกลักษณ์ของค่ายเอาไว้ ปิดท้ายด้วยกระจกบานใหญ่รอบคัน รวมไปถึงหลังคา Panoramic Sunroof ให้แสงเข้าห้องโดยสารได้ ช่วยให้พื้นที่ดูกว้างขวาง
ห้องโดยสารเน้นความเป็น Autonomy โดยมีส่วนควบคุมเป็นพวงมาลัย แป้นเหยียบ และหน้าจอแสดงผลเพียง 2 จอ พร้อมรูปแบบการขับขี่ที่ปรับได้ 2 แบบ ระหว่าง Boost mode ไว้ขับขี่เอง และ Ease Mode สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ เมื่อเลือกใช้งานอย่างหลัง พวงมาลัยจะปรับระดับเอง เพื่อให้ผู้ขับขี่มีพื้นที่มากขึ้น ทั้งยังปรับเอนเบาะได้อย่างอิสระ เพื่อหันไปพูดคุยกับผู้โดยสารรอบตัว
สำหรับสาเหตุที่ไม่ปรากฏส่วนควบคุมมากนัก เนื่องจากผู้ผลิตต้องการให้ผู้โดยสารที่อยู่ใน BMW Vision iNEXT รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ Connectivity นั้น มีระบบเชื่อมต่อเข้ากับสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น รถยนต์คันอื่น หรือ บ้านของผู้ใช้งาน นำไปสู่การให้บริการ Services ที่ใช้งานได้ด้วยคำสั่งเสียง
นอกจากนั้น การให้บริการ Services ยังควบรวม application นาม Shy Tech เข้าไว้ด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- Intelligent Personal Assistant ระบบผู้ช่วยส่วนตัว เช่น สั่งให้ระบบปิดหน้าต่างที่บ้าน
- Intelligent Materials วัสดุในห้องโดยสาร ที่เปล่งแสงได้ตามบริเวณที่นิ้วสัมผัส และรองรับการสั่งการต่างๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแผงควบคุม
- Intelligent Beam ระบบฉายภาพจากหนังสือ หรือสื่ออื่นๆ ขึ้นจอ โดยควบคุมผ่านระบบสัมผัส
BMW Vision iNEXT จะถูกพัฒนาต่อไป จนเข้าสู่การผลิตจริงในปี 2021 ในฐานะผลิตภัณฑ์เรือธงของค่าย ที่มีคุณสมบัติ D+ACES ในรถยนต์คันเดียว และเป็นคันแรกของค่ายที่ออกวิ่งได้จริง โดยจะผลิตขึ้นที่โรงงานในเมือง Dingolfing ประเทศเยอรมณี
ที่มา: BMW