ตระกูล Ford Galaxy (หากสะกดเป็น Galaxie ก็จะหมายถึงรถรุ่นเดอะที่ขายเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)รุ่นแรกเป็นผลผลิตจากความร่วมมือระหว่าง Ford และ Volkswagen Group  ช่วงต้นยุค 90 เพื่อร่วมแจมตลาดมินิแวนในตลาดยุโรปที่ Renault ปลุกปั้น Espace รุ่นแรกช่วงกลางยุค 80 จนโด่งดังในฐานะรถสร้างความแปลกใหม่ เพราะอย่าลืมว่ายุคนั้นรถมินิแวนยังไม่ถือกำเนิดขึ้นเลย

 
 

Ford Galaxy โฉมแรกออกมาในปี 1995 พร้อมกับพันธมิตรหลัก Volkswagen Sharan และ Seat Alhambra (รุ่นนี้เคยนำเข้ามาขายในบ้านเราช่วงปี 1998 ) ถูกผลิตขึ้นในเมือง Palmera ประเทศโปรตุเกส ตำแหน่งการตลาดจะต้องปะทะกับ Honda Odyssey สถานเดียว (สมัยนั้น Opel Zafira ยังไม่ถือกำเนิด ผมก็เลยบอกได้แค่ว่ามันใหญ่กว่า Zafira แน่นอน) ยอดขายดูทำท่าว่าไปได้ดีพอสมควร แถมยังลากอายุตลาดยาวนานถึง 11 ปี!!! นานกว่ารถตลาดในยุโรปส่วนใหญ่ทีเดียว นั่นเป็นเพราะ Ford และ Volkswagen เริ่มทบทวนแผนการพัฒนารถยนต์ของตนเองเสียแล้ว

 
 
 

ดูท่าทีแล้ว Volkswagen Group จะขอชลอการพัฒนารถมินิแวนตัวต่อไปก่อนเพราะมินิแวนขนาดใหญ่ไม่น่าจะเป็นที่นิยมในตลาดเท่าขนาดเดียวกับ Opel Zafira ขณะที่ Ford ต้องการเติมเต็มตลาดมินิแวนให้ครบทุกเซกเมนต์หลังจากดัน Ford Focus C-Max จนมียอดที่น่าพอใจ

 
 

ดังนั้น Ford จึงปฏิบัติการพัฒนารถมินิแวนรุ่นใหญ่ด้วยตนเองบนพื้นตัวถัง Ford Mondeo ถึง 2 โมเดลด้วยกันเปิดตัวครั้งในปี 2006 โมเดลแรกก็คือ Ford Galaxy มินิแวนเอาใจครอบครัวด้วยขนาดห้องโดยสารที่ใหญ่เพราะออกแบบบั้นท้ายเป็นทรงมินิแวนขนาดใหญ่ทั่วไป อีกโมเดงคือ Ford S-Max ตรงกันข้ามกับ Galaxy เพราะมันเป็นมินิแวนทรงสปอร์ตเอาใจพ่อบ้านหัวใจเด็ก ทั้ง ๆ ที่ใช้ครึ่งคันหน้าและชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารร่วมกับ Galaxy!!!

 
 

เปิดตัวมาร่วม 3 ปีแล้วก็ถึงเวลาที่ Ford จะต้องปรับโฉม Galaxy และ S-Max ให้สดใหม่ยิ่งขึ้น เริ่มจากปรับปรุงชิ้นส่วนภายนอกของ S-Max ให้ทันสมัยขึ้นเล็กน้อยด้วยการเปลี่ยนชุดชิ้นส่วนซุ้มล้อหน้าให้มีโป่งซุ้มที่นูนมากขึ้น เปลี่ยนชิ้นส่วนกันชนหน้าพร้อมชุดไฟตัดหมอก พร้อมทั้งขยับตำแหน่งไฟดวงเล็กให้ต่ำลง กระจังหน้าทรงใหม่จนต้องเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าให้เข้าชุด รวม ๆ แล้วปรับปรุงให้ดูใหม่ขึ้นมากกว่าจะสอดคล้อง Theme Design ของ Ford ยุคใหม่

 
 

บั้นท้ายของ S-Max ดูแตกต่างจากของเดิมพอสังเกตได้ด้วยการเปลี่ยนชุดโคมไฟท้ายทรงใหม่ที่เพิ่มความยาวโอบตัวถังมากขึ้น ไฟท้ายเปลี่ยนโคมแบบ LED

 
 

การปรับปรุงชิ้นส่วนภายนอกของ Galaxy จะมุ่งเน้นให้ดูหรูหราขึ้นแทบจะไม่แตะต้องชิ้นส่วนใด ๆ มากนัก เพียงแค่เปลี่ยนกระจังหน้าจากลายรังผึ้งเป็นตะแกรงโครเมี่ยม 3 ชั้น และเปลี่ยนรายละเอียดกันชนหน้าด้วยการขยายช่องดักลมหน้าให้สูงขึ้น และปรับเส้นสายบริเวณล้อมรอบไฟตัดหมอกเสียใหม่

สังเกตบนหลังคาให้ด Galaxy จะเพิ่มรางยึดสิ่งของบนหลังคาสีเงิน ส่วนบั้นท้ายหากสังเกตไม่ดีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ Ford ก็เปลี่ยนไส้หลอดจากโคมธรรมดาเป็น LED เรียบร้อยแล้วครับ

 
 

รวม ๆ การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดก็ไม่แตกต่างอะไรมาก แต่หากมองให้ลึกถึงใต้ฝากระโปรงจะพบว่า Ford ใจป้ำจัดเครื่อง EcoBoost ครั้งแรกในตลาดยุโรปให้กับมินิแวนคู่แฝดนี้ด้วยคุณสมบัติน้ำหนักเบา รีดพลังสูงสุด และไม่กินน้ำมัน

เครื่องยนต์เป็นเครื่องเบนซินบล๊อก 4 สูบ 2.0 ลิตร SCTI เรียกพลังสูงสุดด้วย EcoBoost รีดแรงม้าสูงสุด 203 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 30.3 กิโลกรัมเมตรที่รอบสวิงตั้งแต่ 1,750 – 4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุ่น S-Max ทำได้ 8.5 วินาที ส่วนรุ่น Galaxy ทำได้ 8.8 วินาที ความเร็วสูงสุด รุ่น S-Max ทำได้ 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุ่น Galaxy ทำได้  217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เมื่อเทียบเครื่องเก่าบล๊อก 4 สูบ 2.3 ลิตร ก็มีพละกำลังแค่เพียง 163 แรงม้าเท่านั้น (PS) ถ้าเทียบอัตราส่วนความแตกต่างด้านพละกำลังเครื่อง EcoBoost จะให้กำลังมากกว่าเครื่องเดิมถึง 25% แถมยังปล่อยค่าไอเสียน้อยกว่ารุ่นเดิม 19% อีกด้วย ถ้าจะให้พูดง่ายๆ  คือ เครื่องยนต์ EcoBoost ปล่อยค่า CO2 เพียงแค่ 189 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยแค่ 14.7 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนอัตราสิ้นเปลืองวิ่งชานเมืองอยู่ที่ 18.7 กิโลเมตรต่อลิตร

อีกทางเลือกหนึ่งคือเครื่องยนต์ดีเซล Duratorq 2.0 ลิตรมีให้เลือกตั้งแต่ 115,140 และ 163 แรงม้า เครื่องยนต์ทุกรุ่นจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะหรืออยากจะขับมันส์ก็ต้องเลือกเกียร์ PowerShift คลัทช์คู่ จับมีเฉพาะเครื่องเบนซิน EcoBoost และเครื่องดีเซล 140,163 แรงม้าเท่านั้น

 
 

กำหนดโชว์ที่งาน Brussels Motor Show ตั้งแต่วันที่ 14-24 มกราคม 2010 และเริ่มวางจำหน่ายภายในต้นปี 2010 ทั่วยุโรป