เดือนกันยายน 2018 เป็นเดือนเดือดอย่างแท้จริง เพราะมันเป็นเดือนที่ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถหรูเปิดตัว EV SUV พร้อมกันถึง 2 รุ่น เมื่อต้นเดือนก็เปิดตัว Mercedes-Benz EQC ที่ให้พละกำลังถึง 408 แรงม้า และล่าสุด Audi ก็ได้เปิดตัว e-tron : EV SUV แบบ Standalone คันแรก

มิติตัวถังภายนอก

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,902 x 1,938 x 1,663 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,923 มิลลิเมตร

จุดขายของ Audi e-tron ที่มองเห็นเป็นด่านแรกเลยก็คือ ดีไซน์ภายนอกถอดแบบมาจาก Q8 แต่มีการปรับปรุงเส้นสายที่ดูเรียบร้อยขึ้น พร้อมกับขนาดตัวถังที่เล็กกว่า Q8 เล็กน้อย (Audi Q8 : 4,999 x 1,995 x 1,705 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร)

การออกแบบด้านหน้าจะเป็นแบบ Audi ยุคใหม่ที่มีการตีความใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV แบบ Standalone ที่จะเป็นการผสมผสานความแตกต่างระหว่าง Q8 และ All NEW Q3 ได้แก่

  • กระจังหน้า Single Frame ทรง 8 เหลี่ยม พร้อมลายซี่แนวตั้ง
  • บานเกล็ดกระจังหน้าที่ออกแบบให้ดูเหมือนว่ามีช่องรับลมสีเทา
  • ไฟ Daylight LED ที่สามารถแสดงสถานะขณะชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว

ทิศทางการออกแบบก็พยายามสร้างความแตกต่างจาก Audi Q8 เท่าที่สุด ได้แก่

  • การลากเส้น Shoulder Line จากไฟหน้าจรดบานประตูคู่หน้า ปลายเส้นมีการตวัดลง
  • การลากเส้น Shoulder Line จากไฟท้ายจรดบานประตูคู่หลัง ปลายเส้นมีการตวัดลง
  • เส้น Belt Line ที่มีการขึ้นรูปอย่างเบาบาง
  • ออกแบบชายประตูล่างให้มีแถบกันกระแทกสีดำอย่างหนา พร้อมวัสดุประดับด้วยสีเทา
  • สปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่
  • ไฟท้าย LED ที่มีทั้ง Daylight และบ่งบอกสถานะแบตเตอรี่ได้

การออกแบบ Audi e-tron ทีมพัฒนาได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านหลักอากาศพลศาสตร์อย่างใกล้ชิด จนต้องมีการพัฒนางานวิศวกรรมเพื่อให้สอดคล้องกัน อาทิ การออกแบบระบบระบายความร้อนเบรกหน้าใหม่, ช่วงล่างถุงลมแบบปรับระดับแปรผันได้ตามความเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการความร้อนทรงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วและยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

ขุมพลัง Audi e-tron ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ asynchronous 2 ชุด ที่สามารถทำความเร็ว 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 5.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง แม้ตัวเลขแรงม้าและแรงบิดจะระบุตอนวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่ Audi ยืนยันว่าสมรรถนะอยู่ในระดับเดียวกับรถสปอร์ตหรูหราเลยทีเดียว

สมรรถนะจะมีการถ่ายโอนพละกำลังที่แตกต่างตามสภาวการณ์ขับขี่ และยังมีระบบการสร้างพลังงาน ด้วยวิธีการสร้างพลังงานจากแรงเบรก

จุดขายอีกสำคัญคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ที่เป็นระบบขับเคลื่อนมาตรฐาน ที่มีการถ่ายทอดพลังงานยังเพลาคู่หน้าและคู่หลังอิสระ ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์

ระบบช่วงล่างปรับระดับอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับความเร็วของการขับขี่และสภาวะการขับขี่ สามารถปรับยกระดับได้สูงสุด 76 มิลลิเมตร หากขับขี่ทางไกล ตัวรถจะถูกปรับให้เตี้ยกว่าปกติ เพื่อให้อากาศใต้ท้องรถลื่นไหลดียิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งสูงสุด เมื่อขับขี่ทาง Off-Road ตัวรถจะยกสูงจากเดิม 35 มิลลิเมตร และพิเศษเมื่อใช้ฟังก์ชัน Raise ตัวรถจะถูกยกสูงเพิ่มขึ้น 15 มิลลิเมตร

Audi e-tron มีขนาดแบตเตอรี่สองขนาด ได้แก่ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมงและ 150 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่รองรับการชาร์จด่วนภายใน 30 นาที ก็มีพลังงานสู่แบตเตอรี่ 80% แล้ว ใน Press Release ไม่ได้ระบุว่า ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งเท่าไร แต่มีบางสื่อระบุว่ามันวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร

Audi e-tron เกิดมาในยุคที่รถยุโรปจะต้องมีห้องโดยสารกว้างขวาง จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเนื้อที่ห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลัง จะมีพื้นที่วางขาและความปลอดโปร่งเหลือเฟือ นอกจากนี้ ยังมีเนื้อที่ห้องสัมภาระ 807 ลิตร และเมื่อพับเบาะนั่งแล้วจะมีเนื้อที่มากถึง 1,614 ลิตร เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงด้วยชุดเครื่องเสียง 3 มิติ Bang & Olufsen Premium Sound System ให้คุณภาพเสียงเสมือนอยู่ในห้องอัดจริง และที่สำคัญมาพร้อมกับกระจกมองข้างแบบกล้อง สะท้อนมุมมองภาพกว้างขึ้นกว่ากระจกธรรมดา

คาดว่ารถคันจริงจะนำไปอวดโฉมที่งาน Paris Motorshow 2018

ที่มา : InsideEVs