หลังจากที่มีแต่ภาพหลุดนู่นนี่นั่นมาให้ได้เห็นตลอด วันนี้ เราก็สามารถยลโฉม All New Toyota Alphard และ Vellfire
กันเสียที (รถเปิดตัววันที่ 27 มกราคม 2015) ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงก็ถือว่า Toyota Alphard โฉมใหม่เป็น Alphard เจเน
เรชั่นที่ 3 แล้ว ส่วน Toyota Vellfire รถขวัญใจผู้ว่าก็ถือเป็นโฉมที่ 2 แล้ว
ทั้งคู่ต่างก็พกพาแนวคิดความเป็นรถตู้ขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่ภายในกว้างขวางและมีความหรูหราดุจรถซีดานคลาสสูง ที่มา
พร้อมด้วยการขับขี่ที่สะดวกสบาย มั่นคง ส่วนภายนอกของ Alphard ก็ดูหรูหรา ส่วน Vellfire ก็จะดูกล้าหาญชาญชัย
และเพื่อความมั่นคงขณะขับขี่ Toyota จึงลงทุนพัฒนาช่วงล่างดับเบิ้ลวิชโบนสำหรับช่วงล่างหลัง (รุ่นเดิมเป็นทอร์ชันบีม)
และยังปรับปรุงการเก็บเสียง, แรงสั่นสะเทือนด้วยการออกแบบตัวรถให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์
ดีไซน์ภายนอกจะมีการออกแบบที่มีพลัง, หรูหราและเร้าใจเกินกว่าที่หลายคนคาด โดดเด่นด้วยเส้นสายตัวรถนูนเหมือน
ลายแกะสลัก สำหรับ Alphard จะมีกระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ที่ลากลงต่อเนื่องจากปลายกันชนหน้าช่วยทำให้มัน
กลายเป็นรถหรูที่มีเอกลักษณ์เด่น
สำหรับ Toyota Vellfire โฉมใหม่ มาพร้อมกับไฟหน้าเรียวเล็กสองชั้น พร้อมกับกระจังหน้าที่มีรายละเอียดซับซ้อนซ่อน
เงื่อนมาก
ถึงแม้ว่า All New Toyota Alphard และ Vellfire จะมีความสูงตัวรถเตี้ยกว่ารุ่นเดิม 10 มิลลิเมตร แต่ก็ไม่ได้
หมายความว่าความกว้างขวางของห้องโดยสารจะลดน้อยถอยลงเพราะ Toyota ยังคงรักษาความสูงของห้องโดยสารไว้ที่
1,400 มิลลิเมตรได้เหมือนเดิม มีความสูงพื้นห้องโดยสารจากพื้นดินเพียง 350 มิลลิเมตรซึ่งก็ช่วยทำให้การเข้าออกห้อง
โดยสารสะดวกสบาย
ห้องโดยสารโดยรวมก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก คงจะมีเพียงจุดขายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาของ All New Toyota
Alphard และ Vellfire ก็คือมีหลุมเก็บสัมภาระใต้เบาะนั่งแถวที่ 3 ความจุ 148 ลิตร พร้อมกันนี้ยังติดตั้งแนวหลอดไฟ
LED บริเวณเพดานห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีบรรยากาศได้ถึง 16 เฉดสี
ในเมื่อมันพยายามอัพเกรดให้มันดูหรูหราขนาดนี้ Toyota ก็จำเป็นต้องอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ อาทิ ติดตั้งเซนเซอร์
ความปลอดภัยรอบคันถึง 8 จุดเพื่อรองรับระบบป้องกันการชนในย่านความเร็วต่ำซึ่งเซนเซอร์อัจฉริยะก็มีการปรับปรุงใหม่
และสามารถตรวจจับระยะห่างของวัตถุได้หรือสามารถตรวจจับการเหยียบแป้นผิดได้
ครั้งแรกในโลกที่ Toyota ติดตั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยล้ำสมัย Panoramic View Monitor หลักการก็คือเป็นกล้องที่
ถ่ายทอดภาพด้านซ้ายและขวาของตัวรถที่สามารถแสดงภาพแบบมุมมอง See Through, ระบบช่วยจอดอัจฉริยะที่
ทำงานร่วมกับกล้องและเรดาร์ เซนเซอร์ที่ทำงานร่วมกับโซนาร์วัดระยะอัจฉริยะที่ระบบจะเบรกทันทีเมื่อตรวจจับว่ารถจะ
ชนกับวัตถุหรือคน
ขุมพลัง All New Toyota Alphard และ Vellfire มีให้เลือกสามแบบได้แก่ รุ่น Hybrid ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 2AR-FXE
Atkinson-cycle 152 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 21.0 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 – 4,800 รอบต่อนาที
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shiftmatic 6 จังหวะ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four มี
อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 วัดได้ 19.4 กิโลเมตรต่อลิตร
ถ้าอยากแรงขึ้นก็ต้องเลือกเครื่องยนต์ 2GR-FE บล็อก V6 3.5 ลิตร 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 35.1
กิโลกรัมเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shiftmatic 6 จังหวะพร้อม ECT มาพร้อมระบบ
ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 วัดได้ 9.5 กิโลเมตรต่อลิตร
และเครื่องสุดท้าย 2AR-FE 2.5 ลิตร 182 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 24.0 กิโลกรัมเมตรที่ 4,100 รอบต่อ
นาทีจับคู่เกียร์อัตโนมัติ Sports Sequential Shiftmatic 7 จังหวะ หากเลือกออพชั่น idling stop ก็มีอัตราสิ้นเปลือง
เชื้อเพลิงราว 12.8 กิโลเมตรต่อลิตร
Toyota คาดหวังความสำเร็จของ Alphard และ Vellfire สูงมาก โดยแบ่งเป้าออกเป็น Toyota Alphard 3,000 คันต่อ
เดือนและ Toyota Vellfire 4,000 คันต่อเดือน
ถึงบรรทัดนี้เราคงต้องบอกเศรษฐีไทยว่า”เกรย์จะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน เพื่อให้รถไฮโซคืนกลับมา”
แต่ถ้าเกรย์มาร์เก็ต หรือ ผู้นำเข้าอิสระ ยังไม่สามารถตอบสนองคุณได้เร็วพอ
” โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย “จะขึ้นไลน์ผลิต ประกอบที่โรงงานในไทย
อีกไม่นานเกินรอแน่นอนครับ อดใจรอกันได้เลย
ที่มา : Toyota