ช่วงที่ผ่านมา อาจมีข่าวคราวว่า Nissan ประเทศไทย คงจะถอดใจกับ Note e-Power ไปแล้ว เนื่องจากต้องการดันให้ e-Power เข้าหลักเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า EV แต่ในความเป็นจริงรถที่มีเครื่องยนต์ไม่สามารถเข้าหลักเกณฑ์รถ EV ได้ ถึงแม้ e-Power จะใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟ ไม่ได้ขับเคลื่อนก็ตาม แต่มีการปล่อย CO2 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว

หลังจากที่ Headlightmag.com รายงานไปเมื่อ 28 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ว่า Nissan ประเทศไทย อาจเตรียมเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น ภายในปีงบประมาณ 2018 นี้ หนึ่งในนั้นมีชื่อของ NOTE e-Power รวมอยู่ด้วย (อ่านข้อมูลได้ที่นี่ : http://www.headlightmag.com/nissan-thailand-4-new-models-fiscal-year-2018/)

ล่าสุดมีการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากทางภาครัฐ BoI : Board of Investment หรือ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่าได้อนุมัติการลงทุนโครงการใหญ่ของ Nissan Motor (Thailand) เพื่อขยายการผลิตรถยนต์ Hybrid : HEV และ เทคโนโลยี e-Power

เนื้อหามีดังนี้

” บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle : HEV) และ แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,960 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 15,920 ล้านบาทต่อปี ” เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมรุ่น e-Power ” ซึ่งเดิมมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวที่ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์จากระบบเครื่องยนต์ในปัจจุบันไปสู่ระบบไฟฟ้า “

รุ่นแรกของ Nissan ในประเทศไทยที่จะได้ใช้เทคโนโลยี e-Power คาดว่าจะเป็น NOTE e-Power !

Nissan NOTE e-Power

เทคโนโลยี e-Power คือระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังสูงแบบเดียวกับรถไฟฟ้า EV โดยนำเทคโนโลยีรถไฟฟ้าจาก Nissan Leaf มาประยุกต์กับเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปที่ไม่เชื่อมต่อกับล้อ เครื่องยนต์ใช้สำหรับปั่นไฟฟ้าลงสู่แบตเตอรี่ แตกต่างจากรถ Hybrid ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์ส่งพละกำลังลงสู่ล้อด้วย

พูดง่ายๆก็คือ ” เครื่องยนต์เสมือนทำงานในรอบเดินเบา ทำหน้าที่ปั่นไฟเก็บเข้าแบตเตอรี่อย่างเดียว ตัวรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่เติมน้ำมันได้แบบรถปกติทั่วไป “

161102-01-29-1200x822 161102-01-30-1200x820

ขุมพลังของ NOTE e-Power

เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนส่งพละกำลังลงสู่ล้อ)

เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 High Power พละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,008 – 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,008 รอบ/นาที

จุดเด่นของระบบขับเคลื่อนแบบ e-Power ก็คือ

  • พอมีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟ ก็ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ที่จุไฟมากไม่ต้องมีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถวางใต้เบาะแถวหน้า เนื้อที่ท้ายรถคงเดิม
  • ในเชิงของ Driving Dynamic นั้น มันดีกว่าการเอาแบตเตอรี่ไปแขวนไว้ท้ายรถ ซึ่งจะเหมือนเอาของหนักไปแขวนท้าย เวลาทิ้งโค้งแรงๆ จะมีโอกาสท้ายกวาดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • ที่ไหนมีน้ำมันให้เติม ที่นั่นมันก็วิ่งไปได้หมด ไม่ต้องใช้น้ำมันพรีเมี่ยมดีๆก็ได้ เพราะเครื่องไม่ได้หมุนรอบจัด แค่ติดคาเหมือนเดินเบาสูงกว่าปกติหน่อยแค่นั้น
  • แบตเตอรี่ 1.5kWh ก็จุพอให้ใช้งานแบบเงียบๆได้พักใหญ่ ถูกล่ะมันไม่ได้โตแบบแบตเตอรี่ของพวกรถ Plug-in ที่จุ 9 – 10 kWh และวิ่งได้ไกล 30 – 40 กิโลเมตร แต่มันก็ยังจุมากกว่าแบตเตอรี่อ่อนหัดของ X-Trail Hybrid ประมาณ 50 – 60% แถมเมื่อน้ำหนักรถเบากว่า ทำให้มันไม่ต้องติดเครื่องบ่อยเหมือน X-Trail

เมื่อทุกอย่างผ่านหลักเกณฑ์แล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่ ” ราคา “ ว่า Nissan ประเทศไทย จะสามารถทำราคาได้น่าสนใจ และ ดึงดูดใจได้มากแค่ไหน ?! ส่วนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ NOTE e-Power น่าจะอีกไม่นานเกินรอ !

บทความเพิ่มเติม : First Impression : ทดลองขับ Nissan Note e-Power เรี่ยวแรงไม่ใช่ปัญหา…ว่าแต่เธอจะราคาเท่าไร >> http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan/

First Impression : ทดลองขับ Nissan Note e-Power เรี่ยวแรงไม่ใช่ปัญหา…ว่าแต่เธอจะราคาเท่าไร


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/66329.0