Audi TT ตัวถังปัจจุบันซึ่งถือเป็น Generation ที่ 3 ของตระกูล ได้รับการแต่งหน้าทาปากในรูปแบบของ Minorchange แล้ว โดยการปรับปรุงมีทั้งในส่วนของดีไซน์ และ เพิ่มอุปกรณ์มาให้ พร้อมกับเปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะด้วย ส่วนตัวถังนั้น ยังมีให้เลือกครบทั้งตัวถัง Coupe และ เปิดประทุน Roadster
ด้านหน้าของ Audi TT Minorchange มาพร้อมกับกระจังหน้า Singleframe แบบ 3 มิติ เสริมด้วยช่องดักลมด้านข้างขนาดใหญ่ ซึ่งโตกว่ารุ่นเดิม และ ติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อย ไฟหน้าเป็นแบบ LED สามารถเปลี่ยนเป็นแบบ Matirx LED ได้ ไฟเลี้ยวมีลูกเล่น เปล่งแสงจากด้านใน ออกสู่ด้านนอกของโคม ส่วนด้านหลังยังคงเอกลักษณ์ฝาถังน้ำมัน ที่เสียบหัวจ่ายน้ำเข้าไปได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิดฝาเอาไว้
ในรุ่น S line จะตกแต่งมาให้ดูดุกว่ารุ่นปกติด้วย ชายกันชนหน้า, ช่องดักลมแนวตั้ง, กระจังหน้าและช่องดักลมด้านข้างพ่นสีดำ, ดิฟฟิวเซอร์หลังที่กว้างกว่ารุ่นปกติ และครีบดักลม 3 ช่อง ใต้ไฟท้ายหลัง สำหรับล้อมีหลายขนาดตั้งแต่ 17 – 20 นิ้ว ส่วนสีตัวถัง เพิ่มสีใหม่ด้วยกัน 3 สี ประกอบด้วย สีน้ำเงิน Cosmos Blue, สีส้ม Pulse Orange และ สีน้ำเงิน Turbo Blue (เฉพาะรุ่น S line)
ตัวถัง Roaster จะมาพร้อมกับหลังคาผ้าใบ เลือกสีได้ระหว่าง สีดำ หรือ สีเทา มีคุณสมบัติเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีน้ำหนักเบาเพียง 39 กิโลกรัม ไม่กินที่เมื่อพับเก็บ ส่วนระบบเปิดปิดควบคุมด้วยไฟฟ้า ใช้เวลาทำงานราว 10 วินาที และทำงานได้ เมื่อใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ห้องโดยสารของ Audi TT Minorchange ยังคงมีจุดขายในเรื่องของ Audi virtual cockpit ที่ปรับการทำงานได้ 2 รูปแบบ ระหว่าง classic view ที่แสดงมาตรวัดความเร็ว และวัดรอบเครื่องยนต์ ส่วนอีกรูปแบบเป็น Infotainment mode ที่แสดงค่าอื่นๆ เช่น ขยายขนาดหน้าจอนำทาง, มาตรวัดแบบสปอร์ต, กำลังเครื่องยนต์ – แรงบิดที่ใช้งานอยู่ และ วัดค่าแรง G
นอกจากนั้น ยังมีระบบ MMI ไว้ควบคุมระบบต่างๆ ภายในห้องโดยสาร รองรับการเขียนด้วยลายมือ และคำสั่งเสียง ส่วนอุปกรณ์ที่เพิ่มมาให้มีทั้ง ระบบปรับรูปแบบการขับขี่, ไฟหน้า – ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างแบบไล่ฝ้า, ช่องเสียบ USB เรืองแสง และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth ในรุ่น S line จะเสริมเบาะทรงสปอร์ตมาให้ ส่วนพื้นที่บรรทุกสัมภาระอยู่ที่ 305 ลิตร ในตัวถัง Coupe และ 280 ลิตร ในตัวถัง Roadster
ขุมพลังของ Audi TT Minorchange ระบุแค่ว่า มีเครื่องยนต์เบนซินให้เลือก หลายระดับความแรง มาพร้อมกับที่กรองเบนซินชุดใหม่ ส่วนระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้ง เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ลูกใหม่ ซึ่งเป็นเกียร์แบบ dual clutch
ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ four-link มาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบควบคุมแรงบิดระหว่างเข้าโค้ง Wheel-Selective Torque Control ในรุ่น S line และคันที่ติดตั้ง Audi magnetic ride จะได้ช่วงล่างชุดใหม่ ที่ลดความสูงลงจากรุ่นปกติ 10 มิลลิเมตร
Audi TT Minorchange จะออกจำหน่ายในเยอรมนี และ บางประเทศในยุโรป ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2018 โดยจะเปิดรับจอง ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป
ที่มา: Audi